.
อิวาน ซาโมราโน่ อดีตหัวหอกทีมชาติชิลี ตั้งฉายาให้ เลาดรุ๊ป ว่า เอล เจนิโอ หรือ อัจฉริยะ เมื่อครั้งที่ทั้งคู่เซิ้งแข้งให้ เรอัล มาดริด ด้วยกันในยุคกลางทศวรรษที่ 90 ทว่าที่จริงแล้ว อดีตดาวเตะทีมชาติเดนมาร์ก โด่งดังสุดขีดในช่วงที่ค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า หลังย้ายจาก ยูเวนตุส เข้าสู่รัง คัมป์ นู ในปี 1989 เลาดรุ๊ป ก็สำแดงอิทธิฤทธิได้อย่างร้ายกาจภายใต้การนำทัพของ ยอดกุนซือ โยฮัน ครัฟฟ์ เขาเป็นส่วนหนึ่งของ บาร์ซ่า ชุดดรีมทีม ซึ่งคว้าแชมป์ ลา ลีกา 4 สมัยติดต่อกันระหว่างปี 1991-1994 รวมทั้งชุดแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1992 จากนั้นในปี 1994 เขาก็มีเรื่องไม่ลงรอยกับ ครัฟฟ์ และสร้างความตื่นตะลึงตึง ตึง ด้วยการย้ายข้ามฟากไปอยู่กับ อริตัวเอ้ อย่าง เรอัล มาดริด ซะงั้น แถมยังเป็นการย้ายที่ถูกต้องเสียด้วยเพราะมันทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนแรกใน ประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้ถึง 5 สมัยรวดกับ 2 สโมสรที่แตกต่างกัน |
7. โรแบร์โต้ บาจโจ้ ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่า เป็นนักเตะที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่ ฟิออเรนติน่า เคยมีมา แต่ช่วงเวลาทองในอาชีพค้าแข้งของ บาจโจ้ กลับเกิดขึ้นที่ ยูเวนตุส เทพบุตรเปียทองคำ คว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ กับ ยูเว่ ในปี 1993 รวมทั้งคว้าแชมป์ เซเรีย อา กับ โคปปา อิตาเลีย ในปี 1995 เขายิง 78 ประตู จากการลงสนาม 141 เกม ตลอดช่วงเวลา 5 ปี ในตูริน ก่อนตัดสินใจย้ายไปเล่นให้กับ เอซี มิลาน ผลงานกับ ทีมชาติอิตาลี ในฟุตบอลโลก พิสูจน์ให้เห็นว่า บาจโจ้ คือหนึ่งในสุดยอดเพลย์เมกเกอร์ในเจเนอเรชั่นของตัวเองอย่างแท้จริง โรบี้ ยิงประตูที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดใน อิตาเลีย 90 ใส่ เช็กโกสโลวะเกีย และเป็นผู้แบกอัซซูรี่ชุดที่แทบจะไม่มีอะไรเลยไปจนถึงนัดชิงฯ ฟุตบอลโลก 1994 แม้จะยิงจุดโทษพลาดจนทำให้ถ้วยฟีฟ่าตกไปอยู่ในมือของ บราซิล ก็ตาม |