"บิ๊กแมตช์" ศึกศักดิ์ศรีทีมเมืองหลวงปืนใหญ่ฟัดเชลซี
"ยอดมนุษย์ติตี้"โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 ธันวาคม 2548 16:56 น.
ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ทีมจอมบุกพกฟอร์มสุดบู่เตรียมเปิดรังล้างแค้น สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี จ่าฝูงที่มีเกมรับเหนียวแน่น มาดูกันว่าเจ้าบ้านที่เน้นเกมบุกเป็นหลักจะเจาะประตูผู้มาเยือนได้หรือไม่ ในศึกแห่งศักดิ์ศรีครั้งยิ่งใหญ่ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ติดตามกันวันอาทิตย์นี้ห้าทุ่มตรง
สำหรับสัปดาห์นี้ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็กลับมาฟาดแข้งกันเหมือนเดิม โดยวันเสาร์มีเตะ 5 คู่ และ วันอาทิตย์ 2 คู่ โดยหลังจากนี้โปรแกรมการแข่งขันจะถี่ขึ้น คือจะมีเตะทุกๆ 2 วัน ถือว่าเป็นโปรมแกรมสุดโหดต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส งานนี้เป็นการพิสูจน์ว่าทีมไหนแข็งแกร่งมากกว่ากัน ก่อนจะรู้ว่าคู่ไหนน่าติดตามชมในสุดสัปดาห์ ลองมาดูผลงานของแต่ละทีมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกัน
ซึ่งแฟนๆ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของ 2 ทีมใหญ่อย่าง เชลซี จ่าฝูงและ ลิเวอร์พูล ได้เฮกันถ้วนหน้าเพราะเก็บ 3 แต้มได้สำเร็จ โดยเฉพาะหงส์แดงที่เก็บชัยชนะ 7 นัดรวดเป็นครั้งแรก ภายใต้การคุมทีมของ ราฟา เบนิเตซ กุนซือจอมเทคนิค ส่วนจ่าฝูงยังร้อนแรงเหมือนเดิม ขณะที่ทีมใหญ่อีก 2 ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มการเล่นขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดเวลา ทำได้แค่ไล่ตีเสมอทีมที่หนีโซนตกชั้นอย่าง เอฟเวอร์ตัน ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด บ้านของตัวเอง แต่มาเอาตัวรอดในกลางสัปดาห์ที่ด้วยการต้อนรับน้องใหม่ วีแกน แบบไม่ยั้ง 4-0 งานนี้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังราคาแพง ทำประตูแรก ให้ตัวเองสำเร็จในเสื้อสีแดง พร้อมทวงตำแหน่งรองจ่าฝูงกลับมาจากลิเวอร์พูลอีกครั้ง ต่างจาก อาร์เซนอล ที่พ่าย สาลิกาดง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-1 โดยเกมนี้เล่นกันดุเดือดจนเลือดตกเลยทีเดียว ทำแต้มหล่นมือไปอีกนัด เส้นทางลุ้นแชมป์นั้นริบหรี่ลงทุกที
โดยไฮไลท์ประจำสัปดาห์นี้คงหนีไม่พ้น ศึกลอนดอนดาร์บี้แมตช์ ระหว่าง ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ทีมอันดับ 6 ของตารางเจอกับ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ซึ่งทั้งคู่จะมาเจอกันในวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2548 เวลา 23.00 น.
เริ่มต้นที่การเมียงมองสถิติ 5 นัดหลังสุดของเจ้าบ้าน อาร์เซน่อล ในเกมฟุตบอลลีก ด้วยผลงานชนะ 3 นัด แพ้ 2 นัด ถือว่าฟอร์มตกต่ำแบบไม่น่าเชื่อ และความพ่ายแพ้ของปืนใหญ่ในทั้ง 2 ครั้ง ส่งผลให้คะแนนที่ไล่ เชลซี ออกห่างเป็น 17 แต้ม และอันดับในตารางก็หล่นลงไปอยู่ที่ 6
ส่วนทีมเยือนเชลซีนั้น ยังเล่นได้คงเส้นคงวา ถึงแม้ว่าเกือบจะเสีย 2 แต้ม แต่ยังคงมีโชคในลูกโหม่งของ จอห์น เทอร์รี่ ช่วยเอาไว้ให้เฉือน มิดเดิลสโบรช์มา 1-0 ทำให้รอดตัวไปอีกครั้ง โดย 5 นัด หลังสุดนั้น เชลซีเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด ครองอันดับ 1 ที่ยังไม่มีทีมไหนแซงได้ สมกับเต็งหนึ่งในการคว้าแชมป์ของฤดูกาลนี้
ด้านความพร้อมของเจ้าบ้านสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก หลังจากเพิ่งพ่าย นิวคาสเซิ่ล 0-1 มาหมาดๆ งานหนักจึงตกเป็นของ อาแซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศสที่ต้องปวดหัวการเล่นของลูกทีม บวกกับนักเตะที่บาดเจ็บหลายรายที่นอนรอบนเตียงพยาบาลไม่ว่าจะเป็น เดนนิส เบิร์กแคมป์, ปาสกาล ซีกอง, อเล็กซงซ์ ซง, แบ็กซ้ายทั้ง 2 คนคือ แอชลี่ย์ โคล และกาแอล กลิชี่ รวมถึงรายล่าสุด โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส แนวรุกทีมชาติสเปนที่บาดเจ็บต้นขาจากนัดล่าสุด แถม จิลแบร์โต้ ซิลวา ติดโทษแบนอีก 1 นัด ถือเป็นการวัดเทคนิคของเวนเกอร์ที่ต้องแก้เกมกันยกใหญ่กันอีกครั้ง
ศึกใหญ่ของลอนดอนในครั้งนี้ เวนเกอร์ยังคงใช้ระบบการเล่นเดิม 4-4-2 ผู้รักษาประตู เยนส์ เลห์มันน์ แผงผู้เล่นแดนหลังเป็น เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โลแรน เอตาเม่, โคโล่ ตูเร่, และ โซล แคมเบลล์ เกมในแดนกลางจะเป็นหน้าที่ของ โรแบร์ ปิแรส เดินเกมริมเส้นร่วมกับ เฟรดริก ลุงเบิร์ก ส่วนคู่มิดฟิลด์ตัวกลางจะเป็นการทำหน้าที่ของสองกองกลางดาวรุ่ง มาติเยอ ฟลามินี่ กับ ฟรานเชส ฟราเบรกาส ขณะที่ในตำแหน่งกองหน้าล่าประตูยังต้องพึ่งพาทีเด็ดของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ เธียร์รี่ อองรี เช่นเคย