ผีเกือบตาย

คาร์ลอส เตเวซ ช่วยชีวิตไม่ให้ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องปราชัยต่อ ไก่เดือยทอง สเปอร์ส แบบหวุดหวิด หลังยิงประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บพอดี

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (2 ก.พ.2551)

สเปอร์ส 1-1 แมนฯ ยูไนเต็ด
สนาม : ไวท์ ฮาร์ท เลน
ประตู : 1-0 ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ น.21, 1-1 คาร์ลอส เตเวซ น.90

 
ไก่เดือยทอง สเปอร์ส มีนัดล้างตากับ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้งหลังจากที่แพ้มาในเกมเอฟเอ คัพ ที่ถือว่าโชคร้ายเพราะโดนใบแดงในเกมนั้น
 
นัดนี้ฆวนเด้ รามอส จัดแผนมาดีส่งอลัน ฮัตตัน และโจนาธาน วู้ดเกต 2 ใน 4 ตัวใหม่ที่ซื้อเข้ามาลงเป็นตัวจริง ทำให้เกมรับของเจ้าบ้านแน่นหนาขึ้นมาก แถมยังเล่นอย่างรัดกุมด้วย ทำเอาเกมรุกสุดสะแด่วของปีศาจแดงเล่นกันแทบไม่ออก
 
และในนาทีที่ 21 สเปอร์สก็มาได้ประตูขึ้นนำที่ต้องการจากเบอร์บาตอฟเจ้าเดิมที่เคยยิงในเกมที่แล้ว โดยลูกนี้ได้จากจังหวะที่ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดลูกเปิดเรียดของเลนน่อนมาไม่พ้นอันตราย โดยดาวยิงบัลแกเรียนสอยเข้าไปตุงตาข่ายให้ไก่นำ 1-0
 
ช่วงที่เหลือของครึ่งแรกแมนฯ ยูไนเต็ด พยายามจะเปิดเกมรุกเข้าใส่แต่ก็ทำอะไรเกมรับเจ้าบ้านที่ตรึงกันแน่นไม่ได้ ทำให้ต้องยอมตามหลังไปก่อน
 
ครึ่งหลัง ไมเคิล คาร์ริค ถูกส่งลงมาแก้เกมแดนกลางของแมนฯ ยูไนเต็ด แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก แถมยังน่าจะโดนอีกเมื่อเบอร์บาตอฟ เลื้อยหลบนักเตะปีศาจแดง 4-5 คนก่อนจะไหลให้คีน หลุดเดี่ยวเข้าไปเลือกยิงสบายๆ แต่กลับยิงไปเข้าซองฟาน เดอร์ ซาร์ แบบน่าเสียดาย
 
ช่วงเวลาที่เหลือเจ้าบ้านพยายามต้านทานอย่างสุดกำลัง และทำท่าจะได้ฉลองชัยอยู่รอมร่อแต่คาร์ลอส เตเวซ ก็ดับฝันแฟนบอลทั้งไวท์ ฮาร์ท เลน เมื่อตวัดยิงลูกเตะมุมของนานี่ เข้าไปในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้เกมจบลงด้วยการเสมอกันไป 1-1 แต่ปีศาจแดงก็เสียตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ดี

 
รายชื่อผู้เล่น
สเปอร์ส : ราเด็ค เชร์นี่, ปาสกาล ชิมบงด้า, ไมเคิล ดอว์สัน, โจนาธาน วู้ดเกต, อลัน ฮัตตัน, อารอน เลนน่อน (เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง น.79) , เจอร์เมน จีนัส, ทอม ฮัดเดิลสตัน, สตี้ด มัลบรองก์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ร็อบบี้ คีน (เจมี่ โอฮาร่า น.79)

แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ (ไมเคิล คาร์ริค น.46) , พอล สโคลส์ (อันแดร์สัน น.60) , ไรอัน กิ๊กส์ (นานี่ น.60), เวย์น รูนี่ย์, คาร์ลอส เตเวซ

ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคลตเท่นเบิร์ก