เพชฌฆาตเงียบ นิตินัดดา แก้วคำไสย์



คนเราเมื่อได้บังเกิดเติบโตขึ้นมาในสังคม ย่อมที่จะมีชีวิตและความคิดที่ไม่เหมือนแตกต่างกันไป หรือไม่บางทีอาจจะเหมือนกันบ้าง แต่มันก็เป็นเพียงบางสิ่งบางอย่างเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของความฝัน...ความฝันที่ในอนาคตข้างหน้าอยากจะเป็น อยากจะให้มันมีเกิดขึ้นในชีวิตของเรา แล้วเมื่อทุกคนมีความฝันแล้วต่างก็ต้องพยายามสร้างความฝันนั้น...ให้มันเกิดมีความหวังขึ้นมาว่ามันจะเป็นไปได้มั้ย
ทุกชีวิตต่างก็ต้องตะเกียกตะกายไขว่คว้าสิ่งที่ตัวเองต้องการ อยู่แค่เพียงว่า...แต่ละคนนั้นเดินในเส้นทางที่มีอุปสรรคและขวากหนามมากน้อยสักแค่ไหน
อย่างในสัปดาห์นี้ ผู้เขียนได้หยิบยกชีวิตของสาวน้อยคนหนึ่ง ที่มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ เธอคนนี้ฝันจะเป็นนักกีฬาของทีมชาติไทย ได้ไปแข่งขันกับต่างประเทศ ได้เอาความสามารถที่เธอมีแสดงออกมาให้ชาวโลกได้รู้ ได้เห็น ได้ประจักษ์ชัดแจ้งว่าตัวเธอนี้ ก็ทำให้พ่อแม่และญาติพี่น้องได้ภูมิใจกับการที่มีเธอเป็นลูก เป็นหลาน เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เหมือนกับลูกคนอื่นๆ ทั่วไป...

สาวน้อยคนนี้เธอมีชื่อว่า นิตินัดดา แก้วคำไสย์ หรือน้องอุ้ม อายุของเธอนั้น ในช่วงที่เธอได้ทำชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศไทย เธออายุเพียงแค่ 16 ปี แต่นับจากวันเดือนปีเกิดของเธอ ณ ปัจจุบันนี้ สาวน้อยนามว่าน้องอุ้มมีอายุ 23 ปี และย่างเข้าปีที่ 24 แล้ว น้องอุ้มเป็นบุตรสาวของนายสิทธิ์และนางยุพิน แก้วคำไสย์ เกิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2529 และมีลูกสาวคนเล็กอีก 1 คน คือ ด.ญ.ปริมประภา แก้วคำไสย์ อายุปัจจุบันก็ประมาณ 9 ปี น้องอุ้มเกิดมาพิการทางหูเป็นใบ้มาตั้งแต่กำเนิด ไม่สามารถเรียนรู้ภาษาพูดได้เหมือนคนทั่วไป มีปัญหาในการฟังและพูด เป็นอุปสรรคต่อการเล่าเรียนหนังสือ น้องจึงต้องเข้าศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เมื่ออายุได้ 9 ปี ซึ่งช้ากว่าเด็กทั่วไป 2 ปี
 
น้องอุ้มพยายามดำเนินชีวิตไปอย่างคนปกติธรรมดา ทำให้ได้เหมือนอย่างที่คนอื่นทำได้ น้องอุ้มมีความสามารถและฉายแววความเป็นนักกีฬา ประเภทตะกร้อ มาตั้งแต่เธอยังเล็กๆ น้องอุ้มชอบเล่นตะกร้อ มักจะเล่นอยู่กับเพื่อนที่เป็นผู้ชาย ซึ่งปกติเด็กผู้หญิงน้อยคนนักที่จะเล่นตะกร้อ เพราะจะถือว่าเป็นกีฬาที่พวกผู้ชายเขาเล่นกันมากกว่า แต่น้องอุ้มกลับชอบเป็นชีวิตจิตใจ และพ่อสิทธิ์ก็ไม่ได้ขัดขวางกลับยังส่งเสริมให้เล่นอย่างจริงจัง ฝึกเทคนิคการเล่นตะกร้อให้อีกด้วย
ความสามารถของน้องอุ้มนั้นได้ออกสู่สายตาประชาชนคนไทย เมื่อครั้งที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเซียนเกมส์ ครั้งที่ 13 “บางกอกเกมส์” และเมื่อพ่อสิทธิ์เห็นแววนักกีฬาของลูกสาวจึงส่งเสริมให้แสดงออกด้านกีฬาตะกร้ออย่างเต็มที่ โดยส่งให้น้องอุ้มเข้าเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อช่วยสานฝันให้ลูกสาวได้เป็นจริง แต่ก็เกือบจะไม่ได้เรียนเพราะเจ้าหน้าที่รับสมัครให้เหตุผลถึงความพิการ อาจจะส่งผลในการเรียนได้ แต่ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน นายศุภกิจ จันตรี ได้เปิดโอกาสให้ทดสอบฝีไม้ลายมือตั้งแต่ระดับพื้นฐาน เดาะตะกร้อ เล่นทีม และเสิร์ฟ ให้กรรมการได้ดู และปรากฏว่าผ่านการทดสอบ น้องอุ้มจึงได้เข้าเรียนต่อโดยเลือกภาควิชาเซปัคตะกร้อ
หลังจากนั้น อาจารย์ศุภกิจยังมีส่วนช่วยในการผลักดัน ...ให้น้องอุ้มได้ก้าวเข้าสู่สมาคมเซปัคตะกร้อแห่งประเทศไทย เพื่อเป้าหมายในการเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย ตามที่น้องอุ้มได้ตั้งใจไว้นั่นเอง


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์