เกมส์อุ่นเครื่อง! ไทย Vs สิงคโปร์ ในมุมมอง สื่อ สิงคโปร์


ขุนพลช้างศึก! ทีมชาติไทยชุดใหญ่กำลังจะลงเตะนัดอุ่นเครื่องกับ เมอร์ไลอ้อน ทีมชาติ สิงคโปร์ ในเย็นวันนี้(26 มีนาคม 2015) 

ถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี นัดหนึ่งใน อาเซี่ยน แน่นอนว่า งานนี้ ถูกจับตามองจาก สื่อ ทั้งของ ไทย โดยเฉพาะ สิงคโปร์ ซึ่ง ในสายตา ของ สื่อ จากแดน ลอดช่อง นั้น มองเกมส์อุ่นเครื่องนัดนี้ ว่า ยังไงบ้าง ไปดูกัน  

โดย สื่อดัง จาก สิงคโปร์ อย่าง fourfourtwo.com/sg  ได้วิจารณ์ เกมส์อุ่นเครื่อง นัดนี้ ผ่านทางบทความที่ชื่อว่า 

'ความแตกต่างที่น่าสนใจในนัด ไทย vs สิงคโปร์' 

มีเนื้อหาดังนี้

เกมส์อุ่นเครื่อง! ไทย Vs สิงคโปร์ ในมุมมอง สื่อ สิงคโปร์


นัดกระชับมิตรพฤหัสนี้จะเป็นโอกาสให้ไทยและสิงคโปร์เช็คความก้าวหน้าระหว่างกันนับแต่ที่พบกันในนัดเปิดสนาม AFF2014 จอห์น เดอร์เด้น จะแจกแจงให้ทราบว่าทั้งสองทีมเป็นอย่างไรกันบ้างก่อนเกมเย็นนี้....

โมเม้นท์สุดท้ายของสิงคโปร์ชุดใหญ่เมื่อปี 2014 อาจจะดูดราม่า แต่ที่แน่ๆมันห่างไกลกับคำว่าแฮ็ปปี้ซะเหลือเกิน เกมนั้นที่สิงคโปร์เจอมาเลเซีย (AFF2014 รอบแรกนัดสุดท้าย)จะต้องถูกบันทึกในประวัติศาสตร์เลยอย่างน้อยๆก็ช่วงท้ายเกมนั้น เกมนั้นจะถูกจดจำและนำมาถกเถียงอีกเป็นปีๆต่อเมื่อทั้งสองชาติต้องมาพบกันอีกไม่ว่าที่ไหนและเมื่อไร

การตกรอบแรกของสิงคโปร์ด้วยน้ำมือของมาเลเซียนั้น ในมุมมองของคนกลางถือว่าเป็นเกมน่าตื่นเต้น ส่วนในมุมมองแฟนมาเลเซียก็เหมือนขึ้นสวรรค์ ส่วนแฟนสิงคโปร์นั้นถือว่าสยองเลย แต่ว่าบางทีแฟนบอลสิงคโปร์เองก็อาจเหมือนได้ของปลอบใจนิดๆเมื่อมาเลเซียเกือบสร้างดราม่าได้ในรอบชิงฯแต่มาโดนไทยกระชากตกสววรค์เสียก่อนในช่วงท้ายเกม

บางทีก็เหมือนเป็นการประจวบเหมาะที่ไทยได้สิงคโปร์เป็นคู่ต่อกรทีมแรกในปีนี้ สิงคโปร์อยากฉะมาเลเซียแต่ต้องมาเจอไทย วันนี้จริงๆแล้วสิงคโปร์น่าจะได้แห่ถ้วย AFF รอบเมือง  แฟนๆสิงคโปร์อาจรับไม่ค่อยได้ที่ว่าทำไมไทยได้แชมป์ AFF แต่สิงคโปร์ตกรอบแรก

เวลาจะเขียนเรื่องบอลอาเซียนต้องระวังสักหน่อยเพราะเมื่อทีมใดทีมหนึ่งชนะเลิศและดูฟอร์มดี นักข่าวก็รีบมโนว่าทีมนั้นสามารถวัดกับยักษ์ใหญ่ระดับเอเซียได้ ก็ช่วยไม่ได้ที่จะคิดไปว่าจริงๆแล้วไทยดูเหมือนจะพ้นมาตรฐานอาเซียนไปวัดกับระดับเอเซียแม้ว่าผลงานของไทยในบอลคิงส์คัพจะน่าผิดหวังเล็กน้อยก็ตามที

ชนาธิป สรงกระสินธุ์ และ ชาริล ชัปปุยส์ เป็นสองดาวโรจน์จาก AFF2014 แต่ทั้งสองไม่ได้อยู่ในชุดที่จะเจอสิงคโปร์วันนี้ ซึ่งสิงคโปร์จะไปโล่งใจไม่ได้เพราะไทยมีนักเตะดีๆอีกเยอะ

หาสูตรที่ลงตัว

 เป็นปีๆมาแล้วที่ไทยเปลี่ยนโค้ชอยู่บ่อยๆในขณะที่สมาคมฯดูเหมือนจะพยายามอย่างที่สุดที่จะจัดตารางแข่งขันภายในแทนที่จะหานัดอุ่นเครื่องให้ทีมชาติ เอาแบบสั้นเลยมันก็คือการที่ไทยมีความสามารถในการผลิตนักบอลเก่งๆได้ตลอด,สร้างผลงานได้ดีแต่ไม่เคยหาความเสมอต้นเสมอปลายได้เลย

ไทยลีกพัฒนาขึ้นแต่เป็นการพัฒนาจากทีมใหญ่ไม่กี่ทีมแต่หลังจากนี้ต้องเริ่มอย่างจริงจังด้วยผู้นำที่ต้องเล่นบทบาทสำคัญนี้ จากการได้เยี่ยมชมทีมชั้นนำในไทยลีกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สิ่งที่น่าชื่นชมไม่ใช่แค่การจัดการนอกสนามที่ดีเท่านั้น แต่คือมุมมองสู่ทีมชาติไทย เหล่าโค้ชและเจ้าหน้าที่ทีมพูดเรื่องเป้าหมายร่วมระหว่างสโมสรและทีมชาติและบอกว่าจะช่วยทีมชาติประสบความสำเร็จได้อย่างไร ทีมชาติที่แข็งแกร่งเป็นผลดีกับสโมสร ไม่มีใครไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้แต่การนำสิ่งนี้ไปปฏิบัตินั้นไม่ง่ายเสมอไป

การให้โอกาสดาวรุ่งซึ่งหมายถึงให้โอกาสลงสนามจริงๆ(ไม่ใช่แค่ลมปากแล้วก็ส่งลงแค่นัดเดียว: เข้าใจว่าประชด แบร์นด์ สตังเก้อ โค้ชทีมชาติสิงคโปร์) 

    ถือเป็นกุญแจสำคัญ ความคิดนี้จะทำให้มีเด็กหน้าใหม่ที่ไม่เคยมีดีกรีมาก่อนได้โอกาสพิสูจน์ฝีเท้าและโค้ชก็ได้ช่วยประคองเด็กเหล่านี้ โค้ช เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ถือเป็นกุญแจสำคัญของไทย ความเป็นจริงที่ว่าเขาเคยลังเลไม่อยากคุมชุดใหญ่อาจกลายเป็นข้อดีไป เพราะนั่นหมายความว่า ถ้าจะให้คุมก็ต้องให้อิสระเต็มที่ เกียรติศักดิ์เป็นโค้ชหนุ่มที่มีอิสระในการทำงานมากกว่าโค้ชก่อนหน้าเขาส่วนใหญ่ แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้สวยหรูทั้งหมดสำหรับทีมไทย เพราะทีมไทยต้องเล่นดุกว่านี้ และกองหลังตอนนี้ก็อ่อนพร้อมโดนคู่แข่งลงโทษ แต่ที่แน่ๆทีมไทยพัฒนาขึ้นอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

พูดอย่างง่ายๆที่สุดก็คือ บอลไทยเวอร์ชันใหม่นี้มี "ปรัชญา" ทีมช้างศึกกำลังพัฒนาการเล่นในแบบของตัวเองและพอมีไอเดียคร่าวๆแล้วว่าจะตั้งเป้าไปไหน 

แล้วสิงคโปร์ล่ะเป็นอย่างไร? ขายวิสัยทัศน์ และก็พยายามแสดงให้แฟนๆเห็นว่าทำเต็มที่แล้วโดยหวังว่าแฟนๆจะให้อภัยที่พลาดพลั้งบ้างที่ผ่านมา ในตอนนี้ยากจะเห็นว่าสิงคโปร์กำลังขายวิสัยทัศน์อะไร

ไม่ยากเลยที่จะเข้าใจความรู้สึกแฟนบอลสิงคโปร์บางคนที่ได้รู้รายชื่อนักเตะชุดใหญ่หน้าเดิมๆชุดนี้ ไม่มีใครอยากให้เปลี่ยนยกชุดหรอกแต่นี่ในนัดที่จะเจอไทยและกวม ซึ่งเป็นนัดกระชับมิตร ซึ่งอยากจะเห็นนักเตะดาวรุ่งบ้าง ก็อย่างที่โค้ชทีม บาเลสเตียร์ กล่าวไว้ว่า นายทวาร ไซฟุล นิซัม น่าจะได้โอกาส ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยหลังตกรอบ AFF อย่างน่าผิดหวัง แล้วจะหวังให้เปลี่ยนแปลงในคัดเลือกบอลดลกในอนาคตอีกไม่ไกลได้อย่างไร

 บางทีนี่อาจมากเกินไปที่จะคาดหวังให้โค้ชวัย 67 ปีอย่างสตังเก้อเปลี่ยนแปลงและลองเด็กใหม่บ้าง โค้ชสตังเก้อ  มักใช้ของเดิมๆตลอด 

ซึ่งผิดจากโค้ชซิโก้ของไทยที่พร้อมลองแต่เราก็รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร นี่หละความแตกต่างที่มากที่สุดระหว่างไทยและสิงคโปร์


ติดตามการแข่งขันนัดนี้ได้เย็นวันนี้ (26 มีนาคม 2015) ทาง ช่องไทยรัฐทีวี เวลา 19 .00 น.


ขอบคุณข้อมูลบทความจาก :: fourfourtwo.com/sg 
แปลโดย  คุณ NTT thailandsusu.com
เรียบเรียงโดย ทีมงาน teenee.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์