อีกแล้วกับ ยอดทองเลียนาย...

หยุดโมหะ..แล้วตรองดูสักนิด (1)
ผมกลายเป็น ศัตรูคนหนึ่ง ของกลุ่มพลังคนรักฟุตบอลไทย (ในระบบอินเทอร์เน็ต)


   ที่เดินหน้าขับไล่ คุณวรวีร์ มะกูดี ออกจากตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ด้วยข้อหาล้มเหลวในการบริหารงาน จนทำให้ฟุตบอลไทยตกต่ำสุดขีด

   ด้วยเพราะผมออกรับอยู่ข้างคุณวรวีร์ จากข้อเขียนที่เขียนลงในหนังสือพิมพ์สตาร์ซอคเก้อร์เมื่อสัปดาห์ก่อน

   ยอดทองจะ ''โดน'' อย่างไร ก็ลองเปิดหาอ่านได้ในเว็บไซต์พันทิปหรือในหลายๆ เว็บไซต์เอาเถอะครับ

   มากมายหลายคนทีเดียวที่เป็นห่วงผม ที่ ''โดนแรง'' เยอะทีเดียว ที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน

   แต่ ไม่เป็นไรหรอกครับ ของอย่างนี้ มันโดนกันได้ทั้งนั้นแหละ ด้วยโทสะของคนเราในยุคนี้ ล้วนรุนแรง พิพากษากันได้ในพริบตาที่จรดคีย์บอร์ดเว็บไซต์ เอาสะใจ จะหยาบคายมากหรือน้อยก็แล้วแต่พื้นฐานของแต่ละคน ผมไม่ได้ถือสากับเรื่องพรรค์นี้หรอกครับ

   มีบางกระทู้บอกว่า ผมอยู่ดีไม่ว่าดี กระแสขับไล่คุณวรวีร์เหมือนน้ำกำลังเชี่ยว ไม่มีใครเขาเอาเรือมาขวางหรอก เสือกไปให้ ''โดน'' เอง ช่วยไม่ได้ เป็นไอ้แก่ที่ไม่น่านับถือ (ยังดีนะครับที่บอกว่า เคยนับถือแต่ตอนนี้ ...เฮี่ยมาก)

   อยากจะเรียนว่า ใครจะนับถือหรือไม่นับถือ ไม่สำคัญเท่ากับผมนับถือตัวเอง และทำหน้าที่ของผมด้วยสามัญสำนึก

   ถ้าไม่ทำ แล้วทำตัวเป็น ''อีแอบ'' คอยโหนกระแส ใครโดนกระทืบ ก็เฮโลสาระพาขอร่วมด้วยสิครับ ผมคือคนใช้ไม่ได้


   ยาม นี้ คุณวรวีร์คือจำเลยสังคม นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ผมขออนุญาตเขียนถึงตัวตนของคุณวรวีร์ในแง่มุมหนึ่ง ขอสติสักอึดใจนะครับ อย่าเพิ่งเอาโมหะมาพิพากษากัน

   คุณวรวีร์ มาจากตระกูลมุสลิมระดับผู้นำ แต่เป็นเด็กอำนวยศิลป์ เพื่อนมาก บ้าบอลมาแต่เด็ก เป็นนักเตะทีมโรงเรียน โตขึ้นมาก็เล่นให้สโมสรมุสลิม, ทีมถ้วย ก ธนาคารกรุงเทพ ต่อมาได้ทุนเรียนมหาวิทยาลัยคูเวตจากรัฐบาลคูเวต เป็นนักฟุตบอลทีมมหาวิทยาลัย

   เพื่อนฝูงทุกวันนี้ก็ล้วนเป็น ใหญ่เป็นโตในสังคมกีฬาตะวันออกกลาง จบมาทำงานในเมืองไทย คุณวรวีร์ก็ได้เข้ามาทำงานในสมาคมฟุตบอลฯ เต็มๆ กว่าสองทศวรรษ จนเป็นเลขาธิการสมาคมฯ ให้กับ อาจารย์วิจิตร เกตุแก้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 ความเป็นคนคล่อง ภาษาดี มีเพื่อนมากในวิถีฟุตบอลสากลทั้งในเอเชียโดยเฉพาะในโลกมุสลิม คุณวรวีร์จึงมีเส้นทางสู่บอร์ดฟีฟ่า มีพันธมิตรในฟีฟ่าค่อนข้างแข็งแกร่ง

   สถานะ ของคุณวรวีร์ได้ทำให้เกิดคุณูปการเยอะแยะกับวิถีฟุตบอลของเรา นับตั้งแต่ยังเป็นเลขาธิการสมาคมฯ จนมา พ.ศ.2550 อาจารย์วิจิตร เกตุแก้ว ลาออกจากตำแหน่ง เปิดทางให้คุณวรวีร์ขึ้นมาเป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ

   แค่ 3 ปีนะครับ ในยุคที่คุณวรวีร์นั่งเก้าอี้นายก วิถีลูกหนังไทยก็เปิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ระบบฟุตบอลอาชีพที่สร้างกันมาเป็นสิบปีที่เคยล้มเหลว ก็กลายเป็นจริง เป็นรูปธรรมที่สัมผัสได้ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้นาทีนี้

   พลังลูกหนังได้กลับคืนมาโดยสมบูรณ์ (กลุ่มรักฟุตบอลไทยที่เร่งขับไล่คุณวรวีร์ในยามนี้ก็คงรวมอยู่ด้วย)

   ถามว่า คุณวรวีร์เก่งกาจ พลิกฝ่ามือสร้างหรือ?...ก็ไม่ใช่

   แต่ เพราะ ความเป็นคุณวรวีร์ ต่างหาก ที่ทำให้องค์กรที่เข้ามาทุ่มเข้ามาดัน กล้าทุ่มลงทุนเป็นหลายร้อยล้านบาท ให้วิถีลูกหนังอาชีพตรงนี้เกิดขึ้นให้ได้ ทำให้รู้ว่าฟุตบอลไทยมีแวลูในตัว

   ถ้าไม่ใช่คุณวรวีร์ ไม่มีใครกล้าเสี่ยงหรอกครับ ทั้งสปอนเซอร์มูลค่าหลายสิบล้านบาท ทั้งองค์กรบริหารประสานช่วยงานคุณวรวีร์ ที่สุดวิถีฟุตบอลไทยมันก็เหมือนหลายๆ ปีในอดีต ที่ก็เห็นๆ กันอยู่

   ที่ผมเขียนมานี้ เป็นข้อเท็จจริงในอีกมุมหนึ่ง ว่าคุณวรวีร์เป็นคนฟุตบอลมายาวนาน แทบจะทั้งชีวิต มีแวลูในความเชื่อถือในวิถีลูกหนัง

   ฐานฟุตบอลอาชีพที่เราภูมิใจว่าเกิดได้ยิ่งใหญ่ในสองปี ถ้าไม่ใช่คุณวรวีร์ ก็ไม่มีหรอกครับ


   ถามว่า คุณวรวีร์มีข้อบกพร่อง ผิดพลาดไหม?

   มีครับ Nobody Perfect คนทำงาน ไม่มีใครไม่ทำผิดพลาดหรอก ในนิทานเทวดายังทำผิดเลย

   เพียง แต่ว่า คุณค่าในส่วนที่รังสรรค์ให้กับวิถีฟุตบอลไทยก็มีแวลูมากมาย จะมาพิพากษากันกับผลงานของทีมชาติ ถึงขั้นขย่มขับไล่กันอย่างนี้ มันสูญเสียมากกว่าได้เพียงสะใจ

   ผมก็เหมือนเห็นเพื่อนที่ เป็นคนดี โดนรังแกด้วยลุแก่โทสะ ก็ต้องโดดเข้ามาข้างเพื่อน ถึงจะเป็นไอ้แก่หน้าโง่ ออกไปให้โดนทุบ ก็จะเป็นไรไปเล่าครับ ถ้าเราลูกผู้ชายเพียงพอ

   ผมเพียงเขียนให้คุณๆ ผู้มีใจเป็นธรรม ได้เข้าใจในอีกมุมมองหนึ่งเท่านั้น

   และก็ขออนุญาตต่อพรุ่งนี้อีกวัน ทำไม ''น้ำมิตร'' จึงต้องผูกพัน



                                                                                            ยอดทอง

http://www.siamsport.co.th/Column/101213_098.html

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์