สุดยอดกีฬาไทยปี 54! วอลเลย์บอลหญิงกระฉ่อนโลก ฟุตบอลสร้างสีสันทั้งปี


หมายเหตุ :  นับตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม  2554  ไปจนถึงวันที่ 4  มกราคม 2555   เว็บไซต์ มติชนออนไลน์จะจัดทำรายงานพิเศษ   "10 ปรากฎการณ์ที่สุดแห่งปี 2554"  โดยผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในรายงานชิ้นนี้ จะประกอบไปด้วย   นานาบุคคลผู้ทรงอิทธิพล มีบทบาท  มาแรงในด้านต่างๆ  จากหลายแวดวงหลักๆ  ไม่ว่าจะเป็นการเมือง สังคม เศรษฐกิจ บันเทิง กีฬา ต่างประเทศ    หรือแม้แต่ภาคประชาชน   เป็นต้น  ทั้งในและนอกประเทศ  รายงานบางชิ้นของเราอาจมีลักษณะ "ทีเล่น" ขณะที่บางชิ้นอาจมีลักษณะ "ทีจริง"   อย่างไรก็ตาม คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า  ทั้ง 10 ปรากฎการณ์เหล่านี้ ล้วนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อสังคมไทยไม่ทางใดก็ทางหนึ่งทั้งสิ้น  ในรอบหนึ่งขวบปีที่ผ่านมา

------------------------------------------


ปี2554เป็นอีกหนึ่งปีทองของทีมวอลเลย์บอลสาวไทย เพราะสามารถยกระดับตัวเองให้ก้าวขึ้นสู่ทีมชั้นนำของโลก ที่วันนี้ชาติไหนๆก็ประมาทไม่ได้อีกแล้ว


เพราะนับแต่ทะยานคว้าแชมป์เอเชียเมื่อสองปีก่อน ทีมนักวอลเลย์สาวไทยก็สร้างผลงานเข้าตาคนไทยอย่างต่อเนื่อง


ในปีนี้ทีมนักวอลเลย์บอลหญิงซึ่งอยู่ภายใต้การคุมทีมของ"โค้ชอ๊อด"เกียรติพงศ์รัชตเกรียงไกร  ซึ่งผู้เล่นหลักๆ ก็ยังคงเรียกเสียงเชียร์และสร้างความฮือฮาให้กับคนไทยทั้ง ปลื้มจิตร์ ถินขาว, อรอุมา สิทธิรักษ์, นุศรา ต้อมคำ, กมลพร สุขมาก, อำพร หญ้าผา,  วรรณา บัวแก้ว, มลิกา กันทอง, อุทัยวรรณ แก่นสิงห์, วณิชยา หล่วงทองหลาง,  ฐาปไพพรรณ ไชยศรี และวิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ หัวหน้าทีม

กระหึ่ม "เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์"


ผลงานของสาวไทยต้นปีเริ่มระเบิดฟอร์มคว้ารองแชมป์รายการ 4 เส้าละตินคัพที่เปรู และได้แชมป์สโมสรเอเชียในนามสโมสร "ช้าง" คว้าสิทธิ์ไปชิงแชมป์สโมสรโลก

ช่วงกลางปี ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยติดกระแสจากการแข่งขันวอลเลย์บอล เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ 2011 ในสัปดาห์แรกของทัวร์นาเมนต์สาวไทยตบเอาชนะทีมชั้นนำของโลกอย่างคิวบาได้ แต่สัปดาห์ที่ 2 ที่คาซัคสถาน ไทยเอาชนะเจ้าถิ่นได้เพียงแมตช์เดียว เพราะโดนจับมาอยู่ร่วมกลุ่มกับ บราซิล และอิตาลี  ทีมยักษ์ใหญ่ของโลก


สัปดาห์ที่ 3 ที่กรุงเทพฯ ลูกยางสาวไทยทำผลงานในสนามกีฬาเวสน์ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ผู้เล่นตัวหลักอย่าง อรอุมา สิทธิรักษ์ จอมตบต้องประคบไหล่ระหว่างพักแข่งมาตลอด แต่สาวไทยยังปลุกกระแสแฟนกีฬาเข้ามาชมเต็มความจุของสนามทั้ง 3 แมตช์  และพิสูจน์ฝีมือแสดงให้เห็นว่าทีมพัฒนาไปมากด้วยการเอาชนะอาร์เจนติน่า ย้ำชัยชนะต่อคิวบาได้อีกครั้ง ก่อนที่จะแพ้บราซิลอีกหน


และในเวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ สนามสุดท้ายที่มาเก๊า ไทยสร้างชื่ออีกเมื่อสามารถล้มจีนลูกยางโลกอย่างจีนแชมป์เอเชีย 11 สมัยลงได้ จบรายการด้วยการคว้าอันดับที่ 6 เป็นผลงานที่ดีที่สุดของทีมไทยที่เคยลงแข่งมา ขณะที่สหรัฐคว้าแชมป์และบราซิลได้รองแชมป์ 

ครั้งนี้ถือเป็นผลงานสร้างชื่อให้กับทีมชาติไทยนับตั้งแต่ลงแข่งขันมาเมื่อปี 2002 พาสาวไทยติดอันดับทีม 10 ทีมของโลกเป็นครั้งแรก (จากอันดับวันที่ 18 พ.ย. ไทยอยู่อันดับ 13 แล้ว) นอกจากการเล่นที่มีลายเซ็นเป็นความเร็วและความดุดันแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต่างชาติให้ความสนใจกับเอกลักษณ์ของทีมคือ "รอยยิ้ม" ไม่ว่าจะได้หรือเสียแต้ม ใบหน้าของสาวไทยไม่เคยขาดรอยยิ้ม

"เราฝึกเด็กของเราให้มีจิตวิทยามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทุกคนช่วยกันเล่น ...เรารู้ว่าเราเพิ่มความสูงให้เท่าผู้เล่นชาติอื่นๆไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องมาหาจุดเด่นอย่างอื่นทดแทนก็คือความเร็ว เล่นทุกทักษะด้วยความเร็ว  จะทำให้ทุกโอกาสมีความเป็นไปได้ทันที"  โค้ชอ๊อดกล่าว

ผลพวงของผลงานครานี้ พากระแสวอลเลย์บอลกระหึ่มทั่วไทย รายการทีวีตามตัวสัมภาษณ์เพียบ ในโลกไซเบอร์มีการสร้างแฟนเพจนักวอลเลย์ฯสาวในเฟซบุ๊ค  แฟนๆเข้ามาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะ ปลื้มจิตร์ ถินขาว สาวหล่อที่ตอนนี้มีแฟนร่วมกดไลค์เข้าเพจปาเข้าไปกว่า 8 หมื่นคนแล้ว

ปลื้มปิติชิงแชมป์เอเชีย


รายการต่อมาเป็นการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ทัวร์นาเมนต์ช็อควงการที่ไทยเคยคว้าแชมป์เมื่อ 2 ปีก่อน แม้สุดท้ายไทยจะไม่สามารถป้องกันแชมป์ คว้าได้เพียงอันดับที่ 4 แต่ต่อกรกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้สนุกตื่นเต้นได้ใจกองเชียร์ทุกเซ็ต  โดยช่วงเวลาที่น่าปลาบปลื้มช่วงหนึ่งคือ สาวไทยทราบว่า ในหลวงทรงทอดพระเนตรการแข่งขันวอลเลย์บอลไทยและทรงเป็นกำลังใจให้ทีมด้วย

ปิดท้ายที่ซีเกมส์

ในศึกซีเกมส์ที่อินโดนีเซีย รายการสุดท้ายของปี ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยก็ไม่ได้สร้างความผิดหวัง สามารถป้องกันแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 8


ทำให้ทั้ง"โค้ชอ๊อด"เกียรติพงศ์ รัชตเกรียงไกรและทีมวอลเลย์บอลหญิงได้รับรางวัลดีเด่นในงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่นแห่งชาติประจำปีนี้ไปอย่างเต็มความภาคภูมิ


และจากผลงานที่พัฒนาขึ้นเป็นลำดับทีมสาวไทยได้สิทธิ์แข่งขันในรายการเวิลด์กรังด์ปรีซ์2012 เข้าคัดเลือกไปโอลิมปิกเกมส์ 2012 ในรายการเวิลด์ โอลิมปิก ควอลิฟิเคชั่น ทัวร์นาเมนต์ ระหว่างวันที่ 19-27พฤษภาคมที่ญี่ปุ่น และรายการเอเชี่ยน คัพ ปี 2012


ซึ่งงานใหญ่จริงๆ ของทีมวอลเลย์บอลสาวไทย ก็คือการคัดเลือกให้ผ่านเข้าไปเล่นโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงลอนดอนกลางปี 2012 ให้ได้

ฟุตบอลไทยสีสันฉูดฉาดทั้งปี

ขณะที่ฟุตบอลกีฬาขวัญใจคนไทย ภาพรวมของปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จต่อเนื่อง โดยเฉพาะฟุตบอลลีกภูมิภาค หรือ เอไอเอสลีก ที่ถือว่าติดตลาด กระแสความนิยมเข้าถึงคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง


สังเกตได้จาก 4 ทีมที่เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 ในฤดูกาลหน้า เป็นทีมจากต่างจังหวัดทั้งสิ้น อาทิ ราชบุรี เอฟซี,กระบี่ เอฟซี,พัทลุง เอฟซี และ นครราชสีมา เอฟซี แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาฟุตบอลของประเทศไทยกำลังเดินมาถูกทาง


ทว่าไฮไลต์สำคัญของวงการลูกหนังไม่ได้มีเพียงเท่านี้!


เริ่มต้นปีกระต่ายทองด้วยความวุ่นวายในการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยหลังจาก“บังยี”วรวีร์ มะกูดี นายกคนปัจจุบันกำลังจะหมดวาระลง และมีแนวโน้มว่าจะแพ้เลือกตั้ง เนื่องจากมีกระแสข่าวลือหนาหูว่าสโมสรสมาชิกจะไม่เทคะแนนเสียงให้ ประกอบกับในวันลงคะแนนเสียงมีสโมสรสมาชิกที่ส่งตัวแทนมาลงคะแนนซ้ำซ้อนทำให้ “บังยี” ถือโอกาสเลื่อนการประชุมท่ามกลางความไม่พอใจของสโมสรสมาชิก แต่สุดท้าย “บังยี”ก็อาศัยการเจรจาล็อบบี้สโมสรสมาชิกจนกลับมานั่งเก้าอี้นายกลูกหนังได้เป็นสมัยที่ 3


อีกหนึ่งไฮไลต์คือการคว้าแชมป์ลูกหนังสูงสุดสมัยแรกของ “ปราสาทสายฟ้า”บุรีรัมย์ พีอีเอ ภายใต้การนำของ “บิ๊กเน”เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร ที่สามารถคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล และยังสามารถล้มแชมป์เก่า“กิเลนผยอง”เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ลงอย่างราบคาบ พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นมาอีกนับไม่ถ้วน


แม้ว่าจะต้องเสียแชมป์ให้กับบุรีรัมย์ แต่เมืองทองฯก็ยังไม่ทิ้งลายเจ้าพ่อการตลาดเสียทีเดียว ดูได้จากการดึง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษวัย 36 ปีเข้ามาสร้างสีสันให้กับกับฟุตบอลลีกไทยได้เป็นอย่างดี


แต่ในส่วนของทีมชาติไทยปีที่ผ่านมาถือว่าย่ำอยู่กับที่ เมื่อเทียบกับการเติบโตของฟุตบอลลีก


แม้ว่าทีมชาติไทยชุดใหญ่ภายใต้การนำของ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมันจะสร้างความสุขให้กับแฟนบอลด้วยสไตล์การเล่นที่ดูมีระบบมากขึ้นกว่าเก่าจนมีลุ้นเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 10 ทีมสุดท้าย โดยเหลือแมตช์ให้ตามลุ้นตามเชียร์กันอีก 1 แมตช์กับโอมานในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า


แต่ในมุมกลับกันผลงานของทีมชาติไทยชุดซีเกมส์กลับทำได้น่าผิดหวัง เนื่องจากต้องกระเด็นตกรอบแรกการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน หลังจาก 2 ปีที่แล้วต้องร่วงรอบแรกมาแล้วที่ สปป.ลาว ซึ่งครั้งนี้ต้องหยุดตัวเองตั้งแต่ยังเตะไม่ครบทุกแมตช์ ถือว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ผลงานของสมาคมลูกหนังได้เป็นอย่างดี

"เงือกอุ้ม"กระหึ่มซีเกมส์ส่งท้ายปี


ปี 2554 ยังครบวาระที่ทัพนักกีฬาไทยจะไปลุยมหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่อินโดนีเซียอันแสนยากลำบาก สมาคมกีฬาแดนสยามทั้งหลายมีทั้งผลงานเข้าเป้าประทับใจชาวไทย และผลงานหลุดเป้าไปอย่างน่าผิดหวัง


ผลงานของทัพไทยได้มาได้ 109 เหรียญทอง พลาดจากเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ที่ 129 เหรียญทอง จาก39 สมาคมมีเพียง 7 สมาคมที่ทำได้เกินกว่าเป้าหมายได้แก่ ยกน้ำหนัก, ว่ายน้ำ, เทควันโด, ยูโด, ตะกร้อ, พาราไกลดิ้ง, วอลเลย์บอล (กีฬาทางอากาศ และเบสบอล เป็น 2 สมาคมไม่ได้ตั้งเป้า)


สมาคมยกน้ำหนัก และว่ายน้ำทำผลงานโดดเด่นคว้าเหรียญทองมากกว่าเป้าถึง 4 เหรียญ โดยสมาคมว่ายน้ำ มีนักกีฬาชูโรงเป็น "เงือกอุ้ม"ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง และ "เจมส์บอนด์"ณัฐพงษ์ เกษอินทร์  โดยเงือกอุ้มคว้าไป 5 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 1 ทองแดงเป็นนักกีฬาที่คว้าเหรียญติดมือได้มากที่สุด ขณะที่เจมส์บอนด์ คว้าไป 3 เหรียญทอง แถมกำตั๋วไปโอลิมปิกที่ลอนดอนทั้งคู่


เมื่อลองกลับมาดูสภาพร่างกายของเงือกอุ้ม ตัวเก๋าของทีมที่กำลังเข้าโค้งท้ายในเส้นทางสระคลอรีนแล้วดูเหมือนร่างกายของเจ้าสระสาวไทยจะตรงกันข้ามกับผลงานที่ยอดเยี่ยม เพราะเงือกสาวทีมชาติไทยมีอาการบาดเจ็บรุมเร้าทั้งปอดติดเชื้อ เจ็บหลัง และ ปวดไหล่ แต่กลับเป็นนักกีฬาที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดในมหกรรมกีฬานานาชาติในปี 2011


ผลงานของนักกีฬาอื่นๆที่ประทับใจชาวไทยน่ายกย่องในห้วงกีฬาชิงเจ้าภูมิภาค อาทิ แบดมินตันทีมหญิงสู้ฟัดสุดใจคว้าเหรียญทองจากเจ้าภาพ,บาสเก็ตบอลหญิงชู้ตโกงความตายไต่ซิวทอง


ขณะที่กีฬาเก่งของไทยอย่างตะกร้อก็ไม่ทำให้ชาวไทยผิดหวังกวาดเรียบ4 เหรียญทอง เทควันโด ความหวังเก็บไปถึง 7 เหรียญทอง ทั้ง"แม็ค"ชัชวาล ขาวละออ และ "หยิน"สริตา ผ่องศรี ประสบความสำเร็จต่อเนื่อง


อย่างไรก็ดี ผลงานของทัพเสื้อกล้ามยังคงเป็นแผลเล็กๆสำหรับวงการกับความผิดหวังของมนัส บุญจำนงค์ อดีตฮีโร่โอลิมปิกที่พลาดท่าร่วงรอบตัดเชือก แต่แผลเหวอะรอยใหญ่ยังคงเป็นทีมฟุตบอลชุดยู-23 ของไทยภายใต้การคุมทีมของ เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ซึ่งโดนสวดยับกับฟอร์มแสนปวดตับ ตกรอบแรกซีเกมส์เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน

... 


เมื่อพิจารณาเส้นทางนักกีฬาไทยทุกเหล่าทัพในปี 2554 เห็นได้ว่า "ผลงาน" ของทีมวอลเลย์บอลสาวไทยโดดเด่นที่สุด สร้างกระแสติดลมบน ด้วยความน่ารักจากลีลา และ รอยยิ้มของพวกเธอ รวมถึงฟอร์มการเล่นของทีมที่มอบความสุขให้กับ "ชาวไทย" ที่เชียร์ และเป็นกำลังใจให้โดยตลอด


ขณะเดียวกัน ผลงานกีฬามหาชนอย่างฟุตบอลอาจไม่ได้สวยหรูนัก แต่ถือได้ว่าภายหลังจากที่สภาพสมาคมฟุตบอลฯ(หรือสมาคมอื่นๆด้วย) เริ่มเข้ารูปเข้ารอย "ช้างศึก" ได้วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือเมืองเบียร์ ยาชั้นเยี่ยม ทั้งรักษาและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ทีมชาติไทยได้มากขึ้น แฟนบอลไทยจะยังตั้งความหวังและคอยติดตามผลงานของยอดกุนซือในการแข่งขันนัดชี้ชะตาคัดบอลโลกและรายการอื่นอยู่เช่นเดิม


บทสรุปสำหรับแวดวงกีฬาปีนี้เชื่อว่าชาวไทยทุกคนอยากบอกว่า"เรารัก และขอบคุณทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย พวกคุณคือที่สุดของกีฬาปี 54"

(หวังว่าปีหน้า หรือปีต่อๆไปจะได้ขอบคุณ และมีความสุขกับทีมฟุตบอลไทยรวมถึงกีฬาทุกชนิดที่พวกเรารักแบบสุดใจอีกครั้งเช่นกัน)



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์