สมรักษ์เนื้อหอมชกฝรั่ง3ไฟท์

'สมรักษ์'เนื้อหอมชกฝรั่ง3ไฟท์

"ฮีโร่บาส" สมรักษ์ คำสิงห์ เนื้อหอม เดินสายชกฝรั่ง 3 ไฟท์รวด ระหว่าง ก.พ.-เม.ย. เจ้าตัวเผย ก่อนบินไปเมืองนอกอยากได้คิวล้างตากับ จอมโหด หมอเบสกมลา สักครั้ง

 

              หลังจากที่ "ฮีโร่บาส" สมรักษ์ คำสิงห์ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์คนแรกของไทย ได้สร้างความฮือฮาให้วงการกีฬา ด้วยการหวนคืนสู่เวทีผืนผ้าใบขึ้นชกมวยไทยอีกครั้งด้วยวัย 39 ปี ในชื่อ สมรักษ์ ส.เทพสุทิน โดยไฟท์แรกชนะแตก "ผู้พันวิทย์" ยอดวันเผด็จ ไก่ย่างห้าดาว (สุวรรณวิจิตร) ก่อนที่จะไปแพ้คะแนนต่อ จอมโหด หมอเบสกมลา ที่เวทีมวยลุมพินี ซึ่งในไฟท์ดังกล่าวเก็บค่าชมได้ถึง 4.2 ล้านบาท เป็นสถิติใหม่ของวงการมวยไทย

              ล่าสุดสมรักษ์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนเองกลับมาคืนสังเวียน เพื่อสร้างความคึกคักให้วงการมวยไทยอีกครั้ง ซึ่งได้รับการตอบรับจากแฟนมวยเป็นอย่างดี โดยนอกจากในเมืองไทยแล้วยังรวมไปถึงต่างประเทศที่ก็อยากได้ตัวไปขึ้นชกโชว์ โดยในปีหน้าจะมีคิวออกไปต่อยต่างแดน ในการชกมวยไทย 3 ยก 3 รายการรวด คือ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ฮ่องกง วันที่ 6 มีนาคม ที่สหรัฐอเมริกา และวันที่ 5 เมษายน ที่ฝรั่งเศส แต่ก่อนที่จะเดินทางตอนนี้พยายามที่จะติดต่อไปยัง จอมโหด หมอเบสกมลา เพื่อขอชกไฟท์ล้างตาก่อน เนื่องจากการพ่ายแพ้หนที่ผ่านมา ตนเองป่วยเป็นไข้ มีฝีขึ้นที่รักแร้ ถึงขึ้นหายใจไม่ออก แต่จะถอนตัวก็เกรงใจผู้จัดจึงต้องกัดฟันขึ้นชกและพบกับความพ่ายแพ้ในที่สุด

              "การกลับมาขึ้นชกมวยอีกครั้งของผม ไม่ได้หวังในเรื่องแพ้ชนะ เพราะเป็นเรื่องของการกีฬา ส่วนกรณีของจอมโหด ที่คาใจก็เพราะที่แพ้เนื่องจากไม่สบาย ดังนั้นจึงอยากขอล้างตาสักครั้ง ซึ่งจะเดิมพันกันสัก 5 หรือ 10 ล้านบาทก็ยังได้ ส่วนที่จอมโหดบอกว่าถ้าจะชกอีกครั้ง ขอให้ไปชกที่ จ.ภูเก็ต ผมไม่เกี่ยง เพียงแต่สงสัยว่าจะให้ชกกันที่ไหน และสถานที่จะเพียงพอใจการรองรับคนดูได้หรือไม่เท่านั้น"

              นอกจากนี้ สมรักษ์ ยังกล่าวถึงการที่ได้ท้าทายไปยัง บัวขาว ป.ประมุข ให้มาชกกันว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการโม้ หรือเรื่องเพ้อฝัน ใครว่าตนเองแก่แล้วจะทนการเดินบี้ของบัวขาวได้หรือเปล่า ตรงนี้อยากบอกว่า ถ้าตนฟิตสมบูรณ์ดีๆ และชกในพิกัดสัก 70 กก. คือให้บัวขาวลดน้ำหนักลงมาเล็กน้อย ถ้าบัวขาวคิดจะเอาชนะตนเองก็คงต้องเจ็บตัวไม่น้อยแน่

              "ผมเชื่อว่าศึก สมรักษ์-บัวขาว ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ เพราะการโคจรมาพบกันของคนที่มีชื่อเสียงระดับประเทศสองคน คนหนึ่งเป็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นแชมป์มวยเควันและไทยไฟท์ มั่นใจได้ว่าใครๆ ก็อยากดู ซึ่งหากพบกันจริง ผมคิดว่าจะเอาบัตรไปขายที่ร้านสะดวกซื้อ ราคา 2,000-5,000 บาท ก็น่าจะขายเกลี้ยง นอกจากนี้ผมยังคิดจะถ่ายทอดสดไปยังโรงภาพยนตร์ตามจังหวัดต่างๆ รวมถึงขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไปยังต่างประเทศ ทำให้เป็นประวัติศาสตร์ใหม่ของวงการมวยไทยไปเลย" เจ้าของฉายาโม้อมตะ กล่าวปิดท้าย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์