จูบตาข่าย โดย..ยักษ์ ดอยแดง : โปรดรับผิดชอบร่วมกัน

18.12 น. ของเย็นวันอาทิตย์ หลังดวงอาทิตย์โบกมือลาการทำงานประจำวัน ระหว่างยกแก้วน้ำอุ่นขึ้นจิบตามประสาคนอายุ(เริ่ม)มาก และมักทักทายอาการป่วยไข้

 


เหมือนมุกตลกในหนังทุนต่ำ สายตากวาดอ่านข่าวลิเวอร์พูลทั่วไป จนทะลึ่งพรวดละอองน้ำอุ่นๆปะทะหน้าจอคอมพิวเตอร์!
 

หยิบทิชชู่ติดมือ ละเลงเช็ด ส่วนสมาธิยังยึดติดหัวข่าว หงส์อับจนขายตอร์หวังใช้หนี้
 

นับตั้งแต่ มิเชล พลาตินี่ ขึ้นนั่งแท่นประมุขลูกหนังยุโรป ดูเหมือนอดีตนโปเลียนลูกหนังไม่ค่อยสบอารมณ์กับสถานะฟุตบอลทุนนิยมสักเท่าไหร่
 

เชลซี - แมนฯซิตี้ กลายเป็นเป้าเพ่งเล็ง การทุ่มทุนดึงนักเตะด้วยราคาสูงจนทะลุเพดาน อาจก่อความบรรลัยกว่าที่ทุกคนคิด
 

ไอเดียล่าสุดบอสยูฟ่าเฉลยว่าเตรียมออกมาตรการคุมเข้มกับสโมสรที่จะลงเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ต้องมีสถานภาพการเงินปลอดจาก บัญชีแดง
 

เจาะลึกเข้าไปอีก สโมสรที่ติดหนี้สามฤดูกาลติดต่อกันจะหมดสิทธิ์รำบำแข้งเพื่อล่าเจ้าหูยักษ์สีเงินใบโต
 

เชลซี ติดหนี้ 44.4 ล้านปอนด์, แมนฯซิตี้ 92 ล้านปอนด์ และอาจเพิ่มเป็น 140 ล้านปอนด์สำหรับซีซั่นนี้ ทั้งสองทีมอยู่ในข่ายโดนตัดสิทธิ์
 

มันเลยเถิดมาถึงลิเวอร์พูล
 

สื่อจอมเสี้ยมเลยยกหัวข่าวข้างต้น การล้างหนี้แบบฉับไวคือปล่อยแข้งคุณภาพออกจากทีม เพื่อนำเงินเหล่านั้นล้างอาภรณ์เติมความบริสุทธิ์
 

จริงๆ สโมสรฟุตบอลกับการเป็นหนี้ไม่ใช่สิ่งแปลก พวกขาใหญ่ทั้งหลายต่างโดนดอกเบี้ยทุบกระหม่อมติดต่อช้านาน เพียงแค่โอกาสที่จะเป็นหนี้ติดต่อกันสามซีซั่นแทบไม่มี บางปีผลประกอบการเลยเลขศูนย์ไม่เท่าไหร่ก็ถือว่า กำไร
 

แต่สำหรับ ลิเวอร์พูล ความเชื่อมั่นโดนบั่นทอนจนแทบไม่เหลือเคร้าโครงความยิ่งใหญ่
 

สองแข้งที่ถูกยกขึ้นมาหนีไม่พ้น สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ เฟร์นานโด ตอร์เรส รายหลังเป็นประเด็นหลักหน่อย เนื่องจากยังเหลือเวลาค้าแข้งอีกหลายปี ผิดกับรายแรกที่อายุเกือบแตะเลขสาม ซึ่งดูแล้วคงเลือกปักหลักแถวรั้วแอนฟิลด์จนร่างกายไม่เอื้ออำนวย
 

ปีที่แล้วมีหนี้ 40.9 ล้านปอนด์ หากปล่อยตอร์เรสออกจากทีม นอกจากปลดหนี้แล้วยังได้ทุนเสริมอีกหลายสิบล้านปอนด์
 

กรุณาเงยหน้าขึ้นมอง ทอม ฮิคส์ แอนด์ จอร์จ จิลเล็ตต์ส
 

นับตั้งแต่เข้าเทคโอเวอร์ลิเวอร์พูลเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2007 กระซิบถามอย่างเป็นทางการ มีวินาทีไหนบ้างที่ทำให้ เดอะ ค็อป แช่มชื่นถึงหัวใจ
 

ดูโอปลิงมะกัน เข้ามาแบบหมายมั่นปั้นมือขอโกยเงินสกุลปอนด์เข้ากระเป๋ามากที่สุด หลังจากระดมทุน (กู้สินเชื่อธนาคาร) กว่า 300 ล้านปอนด์ เพื่อบริหารเบ็ดเสร็จ
 

อย่างไรก็ตาม ด้วยจริต ซอคเกอร์ อันน้อยนิด แม้เคยประสบความสำเร็จในการบริหาร ดัลลัส สตาร์ (ไอซ์ ฮ็อคกี้) และ เท็กซัส เรนเจอร์ส (เบสบอล) แต่กับฟุตบอลที่ไม่มีทัชดาวน์ พวกเขาแทบไม่มีความรู้แม้แต่หางอึ่ง
 

โอเค เรื่องงบประมาณมีให้เรื่อยๆ แม้ทำอิดๆออดๆตามสมควร และ ราฟาเอล เบนิเตซ ค่อนข้างโชคร้ายในการเสริมทัพ ทว่าเรื่องอื่นๆ ควรยอมรับ
 

นิว แอนฟิลด์ กลายเป็นโปรเจคต์แห่งความฝัน ไร้ความคืบหน้า
 

ต้นปี 2008 แอบเจรจาลับๆเพื่อขายสโมสรให้ ดีไอซี (ดูไบ อินเตอร์เนชันแนล แคปิตอล) จุดนี้ต่อให้คนมองโลกแง่บวกแค่ไหน ก็ต้องคิดมาก เข้ามาบริหารปีเดียว จะขายเอากำไรซะแล้ว...สงสัยเรื่องนามธรรมที่เราเรียกว่า ความจริงใจ 
 

เรื่องราวหนักหน่วงเข้าไป เมื่อสายลับยืนยันว่า จอร์จ จิลเล็ตต์ส ปล่อยของ ให้ ดีไอซี เรียบร้อย เพียงแต่ ทอม ฮิคส์ โดดบล็อคหน้าเน็ตด้วยเหตุผลเขาต้องมีหุ้นส่วนหลงเหลืออย่างน้อย 20%
 

นับแต่นั้น จิลเล็ตต์ส กับ ฮิคส์ เริ่มไม่มองหน้ากัน เมื่ออำนาจไม่ชัดเจนส่งผลถึงสายสัมพันธ์ สุดท้ายคนรับกรรมหนีไม่พ้นสโมสร
 

เร็วๆนี้ ทอม ฮิคส์ จูเนียร์ ลูกชายของ ทอม ฮิคส์ ได้รับสารอีเล็คทรอนิคส์จากกลุ่ม สปิริต ออฟ แชงคลี่ย์ ที่ก่อตั้งเพื่อยืนฝั่งตรงข้ามกับสองประธานจอมดูดเงิน
 

เนื้อหาสรุปใจความได้ว่า ทำไมต้องโยงเอา ราฟาเอล เบนิเตซ เข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องหนี้สินด้วย ฮิคส์ จูเนียร์โต้ตอบด้วยคำเผ็ดร้อน ก่อนจะยอมขอโทษภายหลัง ทว่าไม่ได้ช่วยให้สายใยกระชับเหมือนเดิม
 

มองโลกในแง่ร้าย หากซีซั่นนี้หลุดโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยสถานการณ์การเงินเลวร้าย เชิญ เดอะ ค็อป ร่วมอาลัย เอล นินโญ่ ตั้งแต่เนิ่นๆ
 

ทั้งหมดทั้งมวลแสดงให้เห็นว่าระบบการจัดการของลิเวอร์พูลเป็นแค่พวกมือสมัครเล่น เมื่อปล่อยให้พวกมือสมัครเล่นบริหารสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ร่วมร้อยปี ทุกคนที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันรับผิดชอบ
 

ถ้าใครยังคิดยืนข้างเจ้าของสโมสรคู่นี้ ผมมีเกร็ดเล็กๆมาเล่าสู่กันฟัง
 

ปี 1999 ทอม ฮิคส์ ข้ามฟากจากแดนมะกันไปเปิดตลาดที่บราซิล โดยเทคโอเวอร์สโมสร โครินเธียนส์ มันเริ่มต้นด้วยความสวยงามเมื่อมีแชมป์สโมสรโลกชูชัน
 

แต่จากนั้น เริ่มอึมครึมและแทบเป็นสเต็ปเดียวกับลิเวอร์พูล ฮิคส์ เริ่มมีปัญหากับหุ้นส่วน, แผนงานสร้างสนามไร้ความคืบหน้า, พยายามยัดเยียดกิจการตัวเองเพื่อเป็นสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อ....แน่ล่ะ เขาไม่จ่ายสักแดงเดียว สุดท้ายพยายามเปลี่ยนสีเสื้อประจำทีม!
 

เสียงประท้วงจากแฟนบอลเริ่มหนาหูมากขึ้นเรื่อยๆ การชูป้ายเสียดสีในสนามเป็นเรื่องขี้ประติ๋ว เมื่อเทียบกับจดหมายขู่ฆ่า, พ่นสีสเปรย์ใส่รถคันหรู, ขว้างก้อนหินเข้าเขตบ้าน
 

กระทั่งสุดท้ายเขายอมถอนหุ้นและขายสโมสร
 

จะลองดูสักตั้งไหมล่ะ เดอะ ค็อป


 
ยักษ์ ดอยแดง


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์