ขุนพลเสื้อกล้ามไทยเจ๋งโกย 6 เหรียญทอง

ขุนพลเสื้อกล้ามไทยเจ๋งโกย 6 เหรียญทอง

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 ธันวาคม 2548 22:20 น.

ขุนพลเสื้อกล้ามไทยไม่ทำให้ผิดหวังคว้าเหรียญทองมาได้ทั้งหมด 6 เหรียญทองในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 23 แบ่งเป็นชาย 5 และหญิง 1 โดยเฉพาะทีมชายที่เอาชนะเจ้าภาพฟิลิปปินส์ถึง 4 รุ่น

การแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นรอบชิงชนะเลิศในซีเกมส์ครั้งที่ 23 ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคม 48 ณ สนามลาซาล โคลิเซียม เมืองบาโคลอดประเทศฟิลิปปินส์ นักชกเสื้อกล้ามไทยเข้าชิงด้วยกันทั้งหมด 8 รุ่นแบ่งเป็นมวยสากลสมัครเล่นหญิง 2 รุ่น และ มวยสากลสมัครเล่นชาย 6 รุ่น

นักมวยไทยที่ขึ้นสังเวียนเป็นรายแรกได้แก่ อุษณากร ถวิลสุวรรณวัง ในรุ่นไลต์เวตน้ำหนักไม่เกิน 48 กก. พบกับนักมวยจากพม่า ในยกแรกไทยขึ้นนำ 12-0 หมัดยกที่สอง อุษณากร ที่ฟอร์มเหนือกว่าเป็นฝ่ายเอาชนะนักชกจากพม่าไปแบบอาร์เอสซี เอาท์สกอร์ 16-1 หมัดคว้าเหรียญทองแรกให้กับทีมมวยสากลสมัครเล่นไทย

มวยสากลสมัครเล่นหญิงไทยรายที่สองได้แก่ ราตรี เครือเค้ ในรุ่นไลท์เวต พิกัดน้ำหนักไม่เกิน 60 กก. พบกับมิเชล มาร์ติเนส จากฟิลิปปินส์ ในยกแรก นักชกเจ้าภาพใช้ออกหมัดชุด ในขณะที่ราตรี พยายามหาจังหวะเข้าทำสกอร์หมดยกแรกนักชกเจ้าภาพนำ 9-2 ในยกที่สองราตรีถูกพายุหมัดเจ้าภาพจนลงไปกองอยู่กับพื้นแต่กรรมการไม่นับ หมดยกที่สอง มิเชล มาร์ติเนส มีสกอร์นำ 18-6 หมัด ยกสุดท้ายรูปมวยเจ้าภาพยังคงเหนือกว่าสุดท้ายเอาชนะราตรี เครือเค้ไปได้ด้วยสกอร์ 28-10 หมัด

ในขณะที่มวยสากลสมัครเล่นชายมีขุนพลเสื้อกล้ามไทยเข้าชิงทั้งหมด 6 รุ่นประกอบไปด้วย สมจิตร จงจอหอ ในรุ่นฟลายเวตพิกัดน้ำหนัก 51 กก .แท่งทอง คลองจันทร์รุ่นพิกัดน้ำหนัก 54 กก. วรพจน์ เพชรขุ้ม ในรุ่นเฟเธอร์เวตพิกัดน้ำหนัก 57 กก. พิชัย สายโยธา ในรุ่นไลต์เวลเตอร์เวต พิกัดน้ำหนัก 64 กก. ที่รุ่นเวลเตอร์เวท พิกัดน้ำหนัก 69 กก. นน บุญจำนงค์ และ สุริยา ปราสาทหินพิมายในรุ่นมิดเดิลเวท พิกัดน้ำหนัก 75 กก.

โดย ´นักชกโอลิมปิกสไตล์´ สมจิตร จงจอหอ ขึ้นชิงชัยเหรียญทองเป็นคนแรกในรุ่น ฟลายเวตพิกัดน้ำหนัก 51 กก . พบกับนักชกจากเวียดนาม ชาน กอก เวียด ในยกแรกสมจิตรเป็นฝ่ายเดินเข้าหานักชกจากเมืองลุงโฮ และเป็นฝ่ายขึ้นนำในยกแรก 5-0 หมัด ยกที่สองนักชกเวียดนามพยายามเข้าทำคะแนนแต่สมจิตรที่มีรูปมวยดีกว่าก็ไม่พลาดหมดยก สมจิตรยังนำที่ 8-2 ยกที่สามสมจิตรยังคงทำคะแนนนำอยู่ที่ 11-3 ในยกสุดท้ายขุนพลเสื้อกล้ามไทยชกแบบสบายๆและเอาชนะไปด้วยคะแนน 16-7 หมัดคว้าเหรียญทองแรกให้กับทีมมวยสากลสมัครเล่นชายเป็นเหรียญแรก

นักชกไทยที่ขึ้นสังเวียนเป็นรายที่สองได้แก่ แท่งทอง คลองจันทร์รุ่นพิกัดน้ำหนัก 54 กก. ขึ้นสังเวียนเจอกับ โจ ทิปอน จากฟิลิปปินส์ เจ้าภาพ เสียงระฆังยกแรกทั้งคู่เป็นมวยวงนอกอาศัยชิงจังวะออกหมัดยาวๆ แต่ ทิปปอน มีหมัดตามสองสามที่ดีกว่าเก็บแต้มหนีห่างถึง 8-4 ในยกที่สอง แท่งทอง หันมาเดินเข้าหา ทว่ายิ่งเดินก็ยิ่งโดนเมื่อไปเข้าทางขวาตรงของ ทิปอน ตลอดจบยกนี้ตามหลังห่างไปอีก 7-16

ในยกที่ 3 และ 4 แท่งทอง ต้องเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาสาวหมัดทั้งซ้ายและขวาแต่ยังความแม่นยำแถมยังโดนสวนกลับหลายหมัดสกอร์ในยกสามเจ้าถิ่นทิ้งเป็น 25-9 ก่อนที่ในยกสุดท้าย นิปอน จะตีกรรเชียงหนีส่วน แท่งทอง วิ่งไล่ล่าพยายามออกหมัดเป็นชุดจน นิปอน ออกอาการแต่ประคองตัวจนครบยกเอาชนะไป 27-14 ทำให้ แท่งทอง ได้เพียงเหรียญเงินเท่านั้น

คู่ต่อมา วรพจน์ เพชรขุ้ม เหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ ในรุ่นเฟเธอร์เวตพิกัดน้ำหนัก 57 กก ลงชิงเหรียญทองกับ โฮเซ่ ลาดอน ของเจ้าภาพอีกราย เริ่มยกแรกนักชกเจ้าถิ่นพยายามเดินเข้าหา ทว่า วรพจน์ อาศัยชิงจังหวะดักขวาตรงเข้าเป้าได้จะๆ จบยกแรก วรพจน์ นำห่าง 12-2 ในยกสอง ลาดอน ต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าหาแต่ก็เหมือนเข้าทางของ วรพจน์ ที่สวนหมัดหนึ่งสองตลอดแถมยังมีหมัดแย็บคอยรบกวน หมดยกสอง วรพจน์ ทิ้งไปอีก 19-7

ขึ้นยกที่ 3 ลาดอน เดินเร็วขึ้นพยายามตัดเวทีให้แคบลงแต่ วรพจน์ ไม่ได้หนีอย่างเดียวคอยออกหมัดขวาซ้ายตอบโต้ตลอด ในช่วงปลายยก วรพจน์ พลาดโดนหมดบวกของ ลาดอน ร่วงจนกรรมการต้องนับ 8 ก่อนจะเอาตัวรอดได้หวุดหวิด นำอยู่ 26-14 ยกสุดท้าย ลาดอน กำหมัดแน่นหวังน็อคให้ได้ ส่วน วรพจน์ ตีกรรเชียงหนี ครบ 4 ยก วรพจน์ เอาชนะไป 32-22 คว้าเหรียญทองเหรียญที่สองให้กับทัพมวยสากลสมัครเล่นทีมชายไทย

รุ่น ในรุ่นไลต์เวลเตอร์เวต พิกัดน้ำหนัก 64 กก.พิชัย สายโยธา เจอกับนักชกเจ้าภาพ เรโมเน่ ปริน โดยตลอดการชกทั้ง 4 ชก พิชัย อาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่าออกหมัดหนึ่งสองเก็บแต้มเอาชนะ ปริน ด้วยคะแนน 28-23 หมัด คว้าเเหรียญทองเหรียญที่สามของกำปั้นชายไทย

คู่ต่อมา พิกัดน้ำหนัก 69 กก. นน บุญจำนงค์ ขึ้นเวทีประจัญหน้ากับ เมลลิเกน ของฟิลิปปินส์ โดยการชกในยกแรก นนท์ มีช่วงชกที่ยาวกว่าอาศัยออกขวาตรง ขณะที่ เมลลิเกน คอยดักด้วยซ้ายจบยกแรกเสมอกัน 4-4 ในยกสอง นนท์ ยังถอยแล้วคอยดักด้วยขวาทั้งใบหน้าและลำตัวแต่คะแนนกลับไม่ค่อยขึ้น ผิดกลับ เมลลิแกน ที่ออกยังไงก็เป็นแต้ม อย่างไรก็ตามจบยกสอง นนท์ นำ 13-11

มาถึงยกที่ 3 นนท์ ควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดโดยมีทีเด็ดอยู่ที่การทิ่มขวาตรงเข้าหน้า เมลลิแกน จนเลือดอาบ ก่อนค่อยต่อยสะสมจนหนีห่างเป็น 23-13 หมัด ยกสุดท้าย นนท์ เต้นหนีแล้วคอยออกจังหวะสองและรักษาความได้เปรียบจนครบ 4 ยก เอาชนะไป 30-15 เป็นเหรียญทองที่ 4 ของเสื้อกล้ามไทย

การชกคู่สุดท้ายในรุ่นมิดเดิลเวท พิกัดน้ำหนัก 75 กก. สุริยา ปราสาทหินพิมาย เจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ ขึ้นดวลหมัดกับ การิโด นักชกเจ้าถิ่นเหมือนเคย ทั้งคู่เป็นมวยหมัดหนักโดยต่างน็อคคู่แข่งมาได้ในรอบที่ผ่านมา การชกยกแรก สริยา มาเน้นจิ้มซ้าย ขณะที่ การิโด เข้าวงในออกหมัดเป็นชุดแต่ความจะแจ้งมาอยู่ที่ฝั่งไทยที่ดึงออกซ้ายเน้นจน การิโด ออกอาการ จบยกแรก สุริยา ทิ้งห่าง 11-4

ก่อนขึ้นยกสอง การิโอ มีแผลแตกจึงขอยอมแพ้ ทำให้ สุริยา เอาชนะอาร์เอสซี สรุปไทยคว้าเหรียญทองชกมวยได้ทั้งหมด 6 เหรียญทอง แบ่งเป็นชาย 5 เหรียญทอง หญิง 1 เหรียญทอง

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์