ศูนย์หน้า...ที่ไม่มีอีกแล้ว


src=http://www.siamsport.co.th/_ImagesColumn/110118J2Q31910.jpg




เมื่อสัปดาห์ก่อน มีข่าวอดีตนักฟุตบอลไทยคนหนึ่งเสียชีวิตจากโลกนี้ไปอีกคน คือ ยรรยงค์ นิลภิรมย์
                    

คนรุ่นใหม่คงไม่รู้จักหรอกครับ เพราะ น้ายงค์ โด่งดังในชุดทีมชาติและทีม ทอ. กว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว
                    

ผมเองตอนเป็นเริ่มต้นเป็นนักข่าวกีฬาวัยละอ่อน ยังไม่ทันได้เห็น น้ายงค์ ลงสนามเลย แต่ตอนเด็กๆนั้น ชินหู ยรรยงค์ นิลภิรมย์ ไม่แตกต่างกับชื่ออย่าง อุดมศิลป์ สอนบุตรนาค, เฉลิม โยนส์, อัษฎางค์ ปาณิกบุตร, อัศวิน ธงอินเนตร ฯลฯ เพราะบุคคลเหล่านี้ติดทีมชาติมานาน
                    

แต่ก็เจอ ยกมือไหว้น้ายงค์บ่อยๆ ที่ใต้ถุนอัฒจันทร์สนามศุภฯ ที่ในยุคนั่นจะเป็นแหล่งชุมนุมของคนลูกหนังและนักข่าวกีฬา ด้วยมีทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลแข่งบ่อยมาก ยามเย็นก็ต้องมุ่งสนามศุภฯ กันล่ะ น้ายงค์คุยสนุกเฮฮา เพราะเหลียวไปข้างไหนก็เพื่อนทั้งนั้น
                    

สมัยนั้น รุ่นเดอะคุยกัน รุ่นเล็กรุ่นน้องอย่างผม ก็แค่อ้าปากฟังด้วยความนับถือ
                    

ทีมทหารอากาศ ในยุคครึ่งศตวรรษก่อน เป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก เป็นมหาอำนาจลูกหนัง แชมป์ถ้วย ก ติดต่อกัน 7 สมัย กัปตัน ชัยยะ ปั้นสุวรรณ นักเตะรุ่นพี่น้ายงค์ตัวกองหลัง ทอ. (สมัยหนุ่มรูปหล่อยังกะ ชาร์ลตัน เฮสตัน พระเอกเรื่องเบนเฮอร์) เคยเขียนเล่าว่า สไตล์ฟุตบอล ทอ. ไม่มีอะไรซับซ้อน คือ ใจถึง เตะหนัก เตะทั้งลูกทั้งคน วัดดวงกันว่า ไม่มึงก็กูได้หักกันบ้างล่ะวะ (มีกองหลัง ทอ. ยุคนั้นท่านหนึ่งชื่อ ประณีต ปราณีบุตร พี่ชัยยะเล่าว่า ประณีต คือ เตะอย่างเน้นๆ เอาให้จั๋งหนับ ปราณีบุตร คือ ปรานีแต่บุตรตัวเอง บุตรคนอื่นเตะมันโลด)
                 

พี่ยงค์เล่นศูนย์หน้า ทอ. ในยุคนั้น ลีลาแพรวพราว ประเภทม้วนไปม้วนมาอยู่แถวหัวกะโหลก และในเขตโทษหน้าประตูคู่แข่ง ใช้ความสามารถเฉพาะตัว หักข้อเท้าโยกแล้วตวัดยิงประตูอันเฉียบคม ศูนย์หน้าสไตล์นี้มักจะวอแวกับกองหลัง ผู้รักษาประตูคู่แข่ง เพราะโอกาสประชิดตัวบ่อย จึงมีลูกเฮี้ยว ตัวแสบที่ไม่ธรรมดา
              

น้ายงค์ ผมไม่ทันดู แต่ได้ดูศูนย์หน้าสไตล์ตัวแสบ ก็คือ ไอ้เหม็น ประพนธ์ ตันตริยานนท์ แห่งทีมราชประชาฯ ในยุคเรืองรอง (จากไปนับสิบปีแล้วด้วยโรคมะเร็ง) ตัวเล็กกว่าใคร แต่ดุ๊กดิ๊กกุ๊กกิ๊กอยู่หน้าประตูนั่นแหละ แทนที่กองหลังจะทำฟาวล์ กลับเป็นศูนย์หน้าล่อกองหลัง
               

ครั้งหนึ่ง ในชุดทีมชาติ หมดเวลา 90 นาทีแล้ว แต่ไอ้เหม็นโดนผู้ตัดสิน (น่าจะเป็นฝรั่งฮ่องกง) ให้ใบแดง  ถามไถ่จึงทราบว่า ไอ้เหม็นไปกระซิบใกล้กรรมการคนนั้น ตอนเดินออกจากสนามว่า f**k You!
               

หม่อมเจตฯ ถามว่า...ไอ้เหม็น ทำไมเอ็งไม่ด่ามันเป็นภาษาไทยล่ะ จะได้ไม่โดนใบแดง ประพนธ์ตอบว่า...แหม...มันก็ไม่เท่ซิหม่อม เดี๋ยวมันจะดูถูกว่า นักบอลไทยพูดภาษาอังกฤษ ไม่เป็น
              

นี่แหละครับ ศูนย์หน้าสปีชี่ ตัวแสบ
              

แต่ตำนานของ น้ายงค์ ที่เล่าขานกันมา เหลือหลายยิ่งนัก
              

ฟุตบอลทีมชาติไทย ไปแข่งที่เวียดนาม แฟนบอลเจ้าถิ่นขย่มฮึ่มๆ รอบสนาม นักเตะคนอื่นก็เล่นกันตัวลีบๆ ยกเว้นน้ายงค์ที่คงหมั่นไส้ แกเลยออกลีลาเฮี้ยวสุดๆ
               

โดดโหม่งหน้าประตู ไม่โดดโหม่งเปล่าๆ แต่มีลูกแถม ถุยน้ำลายใส่หน้าผู้รักษาประตูด้วย หรือดึงกางเกงกองหลังแทบหลุด ไม่ให้โดดโหม่ง เพื่อลูกจะได้หลุดไปที่เสาสอง
                

กองหลังตัวประกบน้ายงค์ดีๆ ไหงลงไปงอก่อขิง ฟ้องผู้ตัดสินว่า น้ายงค์บีบไข่มัน
                 

น้าสันประสันต์ สุวรรณสิทธิ์ นักบอลร่วมทีม เล่าว่า...ไอ้ยงค์คนเดียว มันทำให้แฟนบอลวิ่งกรูกันมารุมกระทืบนักเตะไทย กลางสนาม อ่วมไปตามๆ กัน ยกเว้นมัน เพราะมันนกรู้ รีบวิ่งหนีขึ้นอัฒจันทร์ เข้าไปที่บ็อกซ์เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของเขา พวกแฟนบอลไม่กล้าขึ้นมาตี (บางตำนานเล่าว่า ผู้ใหญ่ระดับรัฐมนตรีนี่แหละ ยันถีบน้ายงค์กลิ้งลงมาให้ตำรวจรวบตัว) 
             

เรื่องราวลูกหนังอย่างนี้ เล่าเมื่อไหร่ก็ฮาเมื่อนั้น...เป็นตำนานที่ไม่มีอีกแล้ว
              

เช่นเดียวกับสปีชี่ศูนย์หน้าตัวแสบ อย่างไอ้เหม็น อย่างน้ายงค์ ที่ไม่มีอีกแล้วในวิถีฟุตบอลสมัยใหม่
            

น้ายงค์จากไปในวัย 72 สภาพของคนชรา...แต่ภาพแกโลดแล่นในจินตนาการของผม...ช่างสดใสเหลือเกินครับ



-ยอดทอง-

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์