เมืองทอง-ชลฯถกเข้มป้องกันเหตุวุ่นชิงเอฟเอคัพ

       ฝ่ายจัดการแข่งขันเรียก 2 คู่ชิง เมืองทอง-ชลบุรี ถกเข้มเรื่องมาตรการป้องกันความวุ่นวายในศึกนัดชิงชนะเลิศ มูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ ได้บทสรุปแยกฝั่งแฟนบอลชัดเจน ทิศเหนือ-เมืองทอง,ทิศใต้-ชลบุรี พร้อมขายตั๋วแยกตามสีสโมสร แดง-น้ำเงิน จัดโควต้าขายบัตรทีมละ 7,000ใบ ตำรวจ,รปภ. เข้มกว่า 400 คน ช่อง 7 สีถ่ายทอดสด “บิ๊กเปี๊ยก” แจงหากกิเลนซิว 2 แชมป์ สิทธิเอเอฟซีคัพ ตกอยู่กับรองแชมป์ไทยลีก

      เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันนี้ (พุธที่ 3 พ.ย.53) ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลฯ ได้มีการประชุมความพร้อมของการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลมูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ ในคู่ระหว่าง เมืองทองฯ ยูไนเต็ด กับ ชลบุรี เอฟซี โดยมี “บิ๊กเปี๊ยก” องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ เป็นประธาน พร้อมด้วย สรายุทธ มหาวลีรัตน์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท สยามสปอร์ตมีเดีย แมเนจเม้นท์ จำกัด, สมิทธ์ จันทนป ผู้แทนจากมูลนิธิไทยคม และ ประสาทสินธ์ เหรียญศิริ หัวหน้าสำนักงานสมาคมฟุตบอล, รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทีมเมืองทองฯ ยูไนเต็ด และ อรรณพ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีมชลบุรี เอฟซี ร่วมกันประชุมหาข้อสรุป

      แบ่งฝั่งแฟนบอลชัด ทิศเหนือ-เมืองทอง, ทิศใต้-ชลบุรี
      โดยประเด็นแรกที่ได้ข้อสรุปคือ การแบ่งฝั่งแฟนบอลของทั้ง 2 ทีมให้ชัดเจน เพื่อป้องกันเหตุกระทบกระทั่ง ซึ่งในที่ประชุมมีบทสรุปว่า ให้แฟนบอลของทีมเมืองทองฯนั่งที่อัฒจันทร์ฝั่ง N หรือ ทิศเหนือ และอัฒจันทร์ฝั่ง E1 หรือ ทิศตะวันออก 1

      ส่วนแฟนบอลของทีมชลบุรีนั่งที่อัฒจันทร์ฝั่ง S หรือ ทิศใต้ และอัฒจันทร์ฝั่ง E2 หรือ ทิศตะวันออก 2 ส่วนในอัฒจันทร์ฝั่ง W หรือ ทิศตะวันตก ซึ่งเป็นฝั่งมีหลังคา จะเป็นที่นั่งของแฟนบอลทั่วไปและที่นั่งของวีไอพี, สปอนเซอร์

     โดยทางฝ่ายจัดการแข่งขันยังได้เตรียมรั้วเหล็กและรั้วลวดหนาม มาแยกแฟนบอลของทั้ง 2 ทีมให้เป็นสัดส่วน เพื่อป้องกันไม่ให้มีเรื่องกันอีกด้วย

      แบ่งตั๋ว 3 สี แดง-ขายแยกกลุ่มแฟนบอล
      สำหรับเรื่องการจำหน่ายตั๋ว มีข้อสรุปว่า ตั๋วสำหรับเข้าชมเกมนัดนี้จะมีอยู่ 3 สี นั่นก็คือ สีแดง, สีน้ำเงิน และสีเหลือง ซึ่งสีแดง และ สีน้ำเงิน จะจำหน่ายในราคา 100 บาท ส่วนสีเหลืองจะจำหน่ายราคา 200 บาท

      โดยทางฝ่ายจัดการแข่งขันจะให้ทั้ง 2 สโมสรนั่นก็คือ เมืองทอง และ ชลบุรี รับผิดชอบในการจำหน่ายตั๋วราคา 100 บาท ซึ่งทีมเมืองทองฯ ได้สิทธิขายตั๋ว “สีแดง” จำนวน 7,000 ใบ ซึ่งจะจำหน่ายเฉพาะแฟนบอลของทีมเมืองทองเท่านั้น ส่วนทีมชลบุรี ได้สิทธิขายตั๋ว “สีน้ำเงิน” จำนวน 7,000 ใบ ซึ่งจะจำหน่ายเฉพาะแฟนบอลของทีมชลบุรีเช่นเดียวกัน

     ซึ่ง “ตั๋วสีแดง” จะสามารถเข้าสนามได้เฉพาะที่อัฒจันทร์ฝั่ง N และอัฒจันทร์ฝั่ง E1 เท่านั้น ส่วน “ตั๋วสีน้ำเงิน” สามารถเข้าสนามได้เฉพาะที่อัฒจันทร์ฝั่ง S และอัฒจันทร์ฝั่ง E2 เท่านั้นเช่นกัน

     ขณะที่ตั๋วสีเหลือง ซึ่งเป็นตั๋วสำหรับแฟนบอลทั่วไปและวีไอพี จะมีจำหน่ายที่หน้าสนามจำนวนทั้งสิ้น 3,000 ใบ ซึ่งตั๋วสีเหลืองนี้สามารถเข้าสนามได้ที่อัฒจันทร์ฝั่ง W (มีหลังคา)

      ระดมกำลังคุมเข้มกว่า 400 นาย ห้ามเหล้า, ขวด, อาวุธ, พลุ
      สำหรับในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ไว้รับมือเป็นจำนวนมาก โดยมี เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 จำนวน 100 นาย, สารวัตรทหาร จำนวน 50 นาย, ตำรวจปราบจลาจล 50 นาย, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุวัน 50 นาย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) จำนวน 150 นาย ซึ่งทั้งหมดจะกระจายกำลังกันประจำอยู่รอบสนาม พร้อมกันนั้นยังมี รถดับเพลิง, รถพยาบาล, และรถคุมขัง เตรียมการไว้อีกเป็นจำนวนมาก

      โดยมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น ทางฝ่ายจัดการแข่งขันห้ามมิให้นำ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮลล์, ขวดน้ำ, พลุ และ อาวุธ ทุกชนิดเข้าสนามโดยเด็ดขาด ซึ่งหากใครฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำและปรับ

      ช่อง 7 ถ่ายสด, อาจมีจอยักษ์หน้านิมิบุตร
      โดยการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศมูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ ระหว่างทีมเมืองทองฯ กับ ชลบุรี จะมีขึ้นในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เวลา 16.00 น. ซึ่งสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี ทำการถ่ายทอดสด พร้อมกันนั้นทางฝ่ายจัดการแข่งขันยังอาจจะเตรียมจอโปรเจคเตอร์ขนาดยักษ์ เพื่อใช้ถ่ายทอดสดให้แฟนบอลได้ชมกันที่บริเวณลานด้านหน้าอาคารนิมิบุตร ภายในสนามกีฬาแห่งชาติอีกด้วย

      ชี้อาจดึงเชิ้ตดำนอกเป่านัดชิงฯ
      ส่วนในเรื่องผู้ตัดสินที่จะลงทำหน้าที่ในนัดชิงชนะเลิศครั้งนี้นั้น ทางฝ่ายจัดการแข่งขันยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจะให้ใครลงทำหน้าที่ เพราะกรรมการชาวไทยในชั่วโมงนี้ยังไม่มีใครโดดเด่น พร้อมยังเผยว่า อาจจะใช้บริการเชิ้ตดำชาวต่างชาติ หากยังหาบทสรุปไม่ได้ ซึ่งในขณะนี้เล็งไว้ที่ผู้ตัดสินชาวญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นกรรมการมือ 1 ของทวีปเอเชีย

      แจงสิทธิเอเอฟซีคัพให้รองแชมป์ไทยลีกหากกิเลนเหมา 2
      ขณะที่ “บิ๊กเปี๊ยก” องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ ได้กล่าวถึงสิทธิในการได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลในระดับสโมสรเอเชียด้วยว่า “ในตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าสโมสรจากประเทศไทยจะได้เข้าร่วมการแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก แบบอัตโนมัติเลยรึไม่ หรือว่าเรายังต้องไปเล่นเพลย์ออฟเหมือนเช่นปีที่ผ่านมา เพราะผลการประเมินมาตราฐานของไทยพรีเมียร์ลีกยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะผ่าน ดังนั้นคงต้องรอกันไปก่อน”

      “ส่วนในรายการ เอเอฟซี คัพ ตามระเบียบของเอเอฟซี ปี 2010ได้กำหนดเอาไว้ชัดเจนว่า หากทีมที่ได้แชมป์ลีก ซึ่งได้โควตาไปเล่นในรายการ เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยได้อีกรายการ สิทธิในการได้ไปเล่นในรายการเอเอฟซี คัพ จะตกไปอยู่ที่ ทีมที่คว้ารองแชมป์ในรายการฟุตบอลลีก นั่นก็คือ หากทีมเมืองทองฯ ที่คว้าแชมป์ไทยลีก สามารถคว้าแชมป์มูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ ได้อีกรายการ สิทธิในการเข้าร่วมการแข่งขันเอเอฟซี คัพ จะตกไปอยู่ที่ทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ซึ่งเป็นทีมที่ได้รองแชมป์ไทยลีก”

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์