พูดเป็นเล่น...ไทยจะเป็นเจ้าภาพบอลโลก

ไทยจัดบอลโลกตามกระแสหรือเอาจริง







ไม่ได้โม้ ประเทศไทย จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ จัดฟุตบอลโลก


ขอย้ำว่า เป็นเจ้าภาพจัดศึกเวิลด์ คัพ แน่นอน


สิ่งนี้ขอคอนเฟิร์มว่าไม่ใช่ข่าวลวง หรือ แค่ข่าวลือ หากใครที่รักกีฬาไทยและติดตามความเคลื่อนไหวมาตลอด จะรับทราบดีว่า ในช่วงกระแสฟุตบอลโลกเริ่มขึ้น


คีย์แมนกีฬาไทย เกิดปิ๊งส์ไอเดียสุดบรรเจิด


เมื่อประเทศแอฟริกาใต้ เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ครั้งล่าสุดที่เพิ่งเลิกราไป โดย นักเตะจากแดนกระทิงดุสเปน ผงาดครองแชมป์ เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ของชาติ และเป็นประเทศที่ 8 ที่ขึ้นทำเนียบเป็นแชมป์ลูกหนังโลก ตัวจริง


เขาทำได้ ไทยต้องทำได้ ซิว่ะ


เรื่องนี้โหมหนักมากขึ้นเมื่อทั้ง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย, การกีฬาแห่งประเทศไทย, สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ คณะกรรมาธิการกีฬา วุฒิสภา ฯลฯ


รวมถึงแรงสนับสนุนที่แข็งแรงอย่าง ภาครัฐบาล เพราะการริเริ่มที่ไทย จะชวนเพื่อนบ้าน อย่างมาเลเซีย และสิงคโปร์ มาเป็นแนวร่วมจัดมหกรรมใหญ่นี้


เกิดการจุดพลุจากการคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการให้ไทยเสนอขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาต่างๆ ระหว่าง 2554-2559 ประกอบด้วย ซีเกมส์, เอเชียนอินดอร์แอนด์มาเชียลอาร์ทเกมส์, เอเชียนยูธเกมส์, เอเชียนบีชเกมส์ และเอเชียนเกมส์ 


ในวันเดียวกันนั่นนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้สอบถามการเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกเกมส์ และ กรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สอบถามความเป็นไปได้ในการจัดฟุตบอลโลก โดยร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนและได้มอบหมายให้กระทรวงกีฬา เป็นผู้ศึกษารายละเอียดในเรื่องนี้ โดยส่วนตัวแล้วตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นไปได้ เพราะฟุตบอลโลก ปี 2002 เป็นการจัดร่วมกันระหว่าง เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ยังทำได้


ต่างเห็นพ้อง ร้อยใจว่า...มีโอกาสเป็นจริงได้


ล่าสุด รมต.กีฬา จุดเชื้ออีกครั้งกระทุ้งให้ส่วนที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าทำแผนปฏิบัติงานเป็นเจ้าภาพเวิลด์ คัพ ร่วมกับ มาเลเซีย หลัง ครม.ไฟเขียว


ทว่างานระดับมาร์เตอร์พีชนี้จะทำเพียง1-2 หน่วยงานคงเป็นเรื่องยาก แต่งานนี้ต้องการแนวร่วมของคนทั้งชาติ โดยเฉพาะกูรูที่รู้จริง รู้ลึกและเข้าถึง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ได้อย่างใกล้ชิด


แน่นอนงานนี้กุญแจสำคัญ คือภาครัฐ แต่ที่สำคัญกว่า คือ คุณวรวีร์ มะกูดี ตัวแทนของคนไทยในบอร์ดฟีฟ่า ในฐานะนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีคลุกคลีคนระดับบิ๊กเนมในฟีฟ่า จะเป็นคนให้มุมมมองและภาพที่ชัดเจน


ไทยและเพื่อนบ้านย่านอาเซียน มีสิทธิ์ เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ได้มากแค่ไหน


29ก.ค.นี้จะเป็นวันแรกที่เจ้ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเชิญมาหรือ และศึกษาแนวทางในเรื่องนี้ว่าเราแค่ฝัน หรือทำได้จริงแค่ไหน


สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกว่า งานมาสเตอร์พีซชิ้นนี้ไม่โดนทอดทิ้งกลางคันแน่นอน เพราะ คุณชุมพล รมต.กีฬา มีโครงร่างที่พอเห็นร่างๆ วางไว้แล้ว คือ การเร่งสร้างสนามฟุตบอล เพื่อรองรับอย่างน้อยต้อง 7 สนาม ไทยอาจจะเป็นเจ้าภาพ 4 สนาม และมาเลเซีย 3 สนาม


4 สนามกีฬาที่เข้าข่ายในการร่วมสร้างประวัติศาสตร์ คือ สนามกีฬาที่ จ.สมุทรปราการ มูลค่า 1,400 กว่าล้านบาท อีก 4 สนามน่าจะเป็น จ.สุพรรณบุรี, จ.ชลบุรี, สนามศุภชลาศัย และสนามราชมังคลากีฬาสถาน


อย่างไรก็ดีคนไทยด้วยกันมองว่า การลงทุนไม่เรื่องไกลเกินจริง แต่ปัญหาเดิมคือหลังการใช้สนามที่ต้องสร้างสนามกีฬาที่มีที่นั่งกว่า 50000 ที่นั่งนั้นสำคัญกว่า


เรื่องที่ต้องคิดและไม่ควรมองข้าม นอกจากสนามแล้ว ระบบสาธารณูปโภค การขนส่ง การรักษาความปลอดภัย รวมถึงเรื่องหลัก การสร้างนักเตะของไทย เวลานี้ไปได้แค่ไหน หากนักเตะยังไม่พัฒนา อย่างที่เป็นอยู่ น่าคิดให้หนัก


เชื่อว่า เรื่องรูปร่างหรือสรีระของนักกีฬานั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะอย่างนักเตะของสเปนแชมป์โลก ล่าสุด อย่าง ดาบิด บีย่า , อันเดรส อิเนียสต้า หรือ ฟิลิปป์ ลาห์ม ของเยอรมัน พกความสูงมาแค่ 160 กว่าเท่านั้น 


เหนืออื่นใด นักเตะญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รูปร่างไม่ได้ใหญ่โตทิ้งนักเตะไทยไม่มากมาย


แต่วันนี้เขาไปไกลกว่าไทยหลายช่วงตัว เพราะทั้งหมดเกิดจากความทุ่มเท ตั้งใจ เอาจริง และไม่เพ้อฝัน


ดังนั้นการที่ไทย อยากเสนอตัวเป็นเจ้าภาพเวิลด์คัพ คนไทยทุกคนสนับสนุนแน่ แต่การตัดสินใจเช่นนี้ไม่อยากให้เป็นเพียงแค่ เกาะกระแส และฝันไปวันๆ


ถ้าทำได้ทุกอย่างจะไหลเข้าประเทศชาติอย่างไม่รู้ตัวเหมือนที่ แอฟริกาใต้ ได้รับมาแล้วพิสูจน์ให้เห็นแล้ว

                     ขอบคุณเว็ปสยามกีฬาครับ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์