ประวัติทีมชาติไทย

ประวัติทีมชาติไทย


 



เริ่มต้นทีมชาติไทยฟุตบอลทีมชาติไทยก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2458 ซึ่งในขณะนั้นทีมชาติถูกเรียกว่า คณะฟุตบอลสำหรับชาติสยาม โดยได้ทำการลงแข่งกับครั้งแรกกับทีมฝ่ายยุโรปในประเทศไทย ในวันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2458 ที่ สนามราชกรีฑาสโมสร หลังจากนั้นหนึ่งปีต่อมา ปี 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนา สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยขึ้นในชื่อ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศสยาม ในปี 2473 ทีมชาติไทยได้ถูกเชิญไปเล่นที่อินโดจีนต้อนรับการเสด็จประพาสอินโดจีนของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งนับเป็นการแข่งขันครั้งแรกของทีมชาติไทยในต่างประเทศ โดยได้แข่งขันทั้งหมด 4 นัด ระหว่างวันที่ 14-20 เมษายน โดยแข่งกับทีมที่ทางชาติอินโดจีนซึ่งเป็นทีมที่มีผู้เล่นผสมผสานระหว่างชาวเวียดนามกับชาวฝรั่งเศส src=http://bp2.blogger.com/_RxNRHS3ICe8/Rl5SvBoKN5I/AAAAAAAAAEc/FIzg7b2VItI/s200/406_4_29351.GIF
เข้าสู่ระดับโลกปี สมาคม 2459 ก่อตั้ง 2468 ฟีฟ่า 2500 เอเอฟซี 2537 เอเอฟเอฟ ในปี 2499 พล.ต. เผชิญ นิมิบุตร ซึ่งเป็นนายกสมาคม ได้มีหาผู้เล่นจากหลายสโมสรเพื่อจัดตั้งทีมที่จะลงแข่งกีฬาโอลิมปิก ซึ่งทางทีมได้มีโอกาสเข้าร่วมแข่งครั้งแรกใน กีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 16 นี้ ซึ่งถูกจัดขึ้นที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในการแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันแบบแพ้คัดออก ทีมไทยได้จับฉลากแข่งกับ ทีมชาติสหราชอาณาจักร (ซึ่งมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นทีมชาติอังกฤษ [1]) ใน วันที่ 26 พฤศจิกายน โดยทีมไทยพ่ายแพ้ไป 9 ประตูต่อ 0 ซึ่งเป็นสถิติแพ้สูงสุดของทีมไทยจวบจนปัจจุบันนี้ โดยในรอบที่สอง ทีมสหราชอาณาจักรก็พ่ายแพ้ให้กับทีมชาติบัลแกเรีย 6 ประตูต่อ 1 โดยทีมชาติบัลแกเรียได้เหรียญทองแดง ทีมชาติยูโกสลาเวีย ได้เหรียญเงิน และทีมชาติโซเวียตได้เหรียญทองไปครอง[3] ภายหลังจากการแข่งขัน หนังสือพิมพ์สยามนิกร ฉบับวันที่ 28 พฤศจิกายน ได้พาดหัวข่าวหน้ากีฬาว่า ทีมชาติอังกฤษเฆี่ยนทีมชาติไทย 9 - 0 ซึ่งภายหลังจบการแข่งขัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้ส่ง พล.ต.ดร.สำเริง ไชยยงค์ นักฟุตบอลในชุดโอลิมปิกนั้น ไปศึกษาพื้นฐานการเล่นฟุตบอลจากประเทศเยอรมนีเพื่อให้กลับมาสอนการเล่นฟุตบอลให้แก่ทีมไทยในปี 2508 ทีมชาติไทยได้เหรียญทองในการแข่งขันฟุตบอลในกีฬาแหลมทอง (หรือซีเกมส์ในปัจจุบัน) เป็นครั้งแรก โดยการแข่งขันครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และต่อมาไทยยังคงได้แชมป์ซีเกมส์อีกหลายครั้ง โดยรวมทังสิ้น 12 ครั้ง และอีกsrc=http://bp2.blogger.com/_RxNRHS3ICe8/Rl5S9BoKN6I/AAAAAAAAAEk/sk3nDn506DQ/s200/406_25_41221.GIFสามปีต่อมา ในปี 2511 ทีมไทยได้เข้าร่วมโอลิมปิกอีกครั้ง โดยโอลิมปิกครั้งที่ 19 นี่จัดขึ้นที่ เมืองเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก ซึ่งในคราวนี้เป็นการแข่งขันแบบจับกลุ่มกลุ่มละสี่ทีม ทีมไทยแพ้สามครั้งติดต่อกัน โดยแพ้ให้กับ ทีมชาติบัลแกเรีย 7 ประตูต่อ 0 , ทีมชาติกัวเตมาลา 4 ประตูต่อ 1 และ ทีมชาติเช็กโกสโลวาเกีย 8 ประตูต่อ 0 ทำให้ทีมไทยตกรอบแรกในการแข่งขัน ซึ่งผู้ชนะในคราวนี้ คือทีมชาติฮังการี ได้เหรียญทองไปครอง
ในปี 2515 ประเทศไทยได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอล เอเชียนคัพ 1972 ซึ่งเป็นการจัดการแข่งขันเอเชียนคัพครั้งที่ 5 โดยในการแข่งขันนี้ ทีมชาติไทยได้อันดับที่ 3 โดยยิงลูกโทษชนะทีมชาติกัมพูชา 5 ประตูต่อ 3 ภายหลังจากเสมอกัน 2 ต่อ 2 ซึ่งในการแข่งขันนี้ ทีมชาติอิหร่าน ชนะเลิศ และทีมชาติเกาหลีใต้ ได้รางวัลรองชนะเลิศตามลำดับ
ในปี 2519 ประเทศไทยได้แชมป์คิงส์คัพครั้งแรก โดยเป็นแชมป์ร่วมกับ ทีมชาติมาเลเซีย ภายหลังจากที่มีการเริ่มมีการจัดคิงส์คัพในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2511 โดยต่อมาทีมชาติไทยได้เป็นแชมป์คิงส์คัพอีกหลายครั้งรวมทั้งสิ้น 10 ครั้งด้วยกัน
สำหรับการแข่งขันในเอเชียนเกมส์ ทีมชาติไทยยังไม่สามารถที่จะชนะเลิศได้ โดยความสำเร็จสูงสุดคือเข้ารอบสี่ทีมสุดท้าย ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 11 ที่จัดขึ้นที่ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในปี พ.ศ. 2533 เช่นเดียวกับ เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 13 ที่จัดขึ้นที่ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2541 และ เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 14 ที่จัดขึ้นที่ ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ในปี พ.ศ. 2545
ในปี 2537 ไทยได้ร่วมก่อตั้งสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน กับอีก 9 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน และนอกจากนี้ ประเทศไทยได้มีการเชิญสโมสรชั้นนำจากทั่วโลก มาแข่งขันกับในประเทศไทยหลายครั้ง ได้แก่ เอฟซีปอร์โต (2540) อินเตอร์มิลาน (2540) โบคาจูเนียร์ (2540) ลิเวอร์พูล (2544) เอฟเวอร์ตัน (2548) แมนเชสเตอร์ซิตี (2548) โบลตันวันเดอร์เรอร์ (2548) และสโมสรชั้น
นำอื่น ๆ


ผู้เล่นที่โดดเด่นในอดีต!


เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง,โกวิทย์ ฝอยทอง,ดุสิต เฉลิมแสน,ตะวัน ศรีปาน,เทิดศักดิ์ ใจมั่น,ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล,นที ทองสุขแก้ว,ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน

เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์,วัชรพงศ์ สมจิตต์,วิทยา เลาหกุล,กัมปนาท อั้งสูงเนิน,พงศธร เทียบทอง,นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์,อัศวิน ธงอินเนตร






เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์