ซีเกมส์สำหรับคนไทย...จบแล้ว



ไม่รู้ว่ากีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ข้ามฝั่งโขง เวียงจันทน์เกมส์ มีนัยยะแห่งความไม่ถูกโฉลกกับกีฬาไทยของเราอย่างไรนะครับ

ก่อนแข่งก็มีเรื่องขัดแย้งสารพัดให้คันหัวใจต่อกัน ไหนจะเรื่องบุคคล ไหนจะเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ จนเริ่มการแข่งขันแล้ว ทัพนักกีฬาไทยเราก็ลักๆ ลั่นๆ ในกีฬาหลายประเภท เหมือนเครื่องยนต์น็อกเดินไม่เต็มสูบ


พอฟุตบอลชายแพ้มาเลเซียแบบเฮงซวยที่สุด สร้างประวัติศาสตร์ตกรอบแรกกีฬาซีเกมส์  ก็เหมือนจบเลยครับ ช้อยเก็บฉาก


มันไม่ใช่เฉพาะกีฬาฟุตบอลอย่างเดียว แต่มันทำให้แฟนกีฬาทั้งชาติ เซ็ง หมดกำลังใจ หมดแรงคึกคัก หมดแรงเชียร์ ที่จะมีอะไรในซีเกมส์ให้ดูอีก


ก็ให้เห็นใจสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ สทท.11 ที่หวังสร้างผลงานโบแดง ในการเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์สู่ประชาชนชาวไทยมากที่สุด  ตอนนี้ถอนกำลังคนทำงานกลับสักครึ่งก็ยังได้  เพราะเวียงจันทน์เกมส์ ก็แค่อะไรจืดๆ ซังกะตายไปจนกว่าจะถึงวันปิดการแข่งขัน


ป่านนี้บรรดาช่องฟรีทีวีภาคีทีวีพูล ที่รวมหัวกันไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ทีวีซีเกมส์มาตั้งแต่ต้น คงแอบยิ้มในใจว่า...กูคิดถูกจริงๆ ที่ไม่จ่าย เพราะซีเกมส์เลิกแล้ว


กับคนลูกหนังที่มีส่วนรับผิดชอบทีมซีเกมส์ชุดนี้ ไม่ว่าใครทั้งสิ้น หัวจรดท้าย จำไว้เลยว่า คุณมีส่วนทำให้แฟนกีฬาชาวไทยจิตตก ไม่มีความสุข ทั้งที่ควรอยู่ในวาระเทศกาลแห่งความสุขแท้ๆ...ฮ่วย


ถ้าจะแพ้ แพ้ทีมอย่างเวียดนาม หรือแม้แต่สิงคโปร์ก็ว่าไป เพราะเป็นทีมที่มีมาตรฐานไล่บดบี้หายใจรดต้นคอเราอยู่ แต่แพ้มาเลเซีย ซึ่งเป็นบอลที่ตายซาก ตกต่ำ ยังขุนไม่ขึ้นแท้ๆ มันทุเรศทุรังสิ้นดี


ฟุตบอลสมัยนี้หากเสียประตูก็มาจากเกมรุกจังหวะทำประตูที่รวดเร็ว รุนแรง มีการทะลุทะลวงเฉียบขาดจึงถึงประตู  แต่สองประตูที่ทีมชาติไทยเสียนั้น  มันเป็นการบุกทำประตูระดับมาตรฐานฟุตบอลนักเรียน เลี้ยงเข้ามาจากกราบปีก ทำยึกยักๆ เร็วก็ไม่เร็ว แต่หลุดได้ แล้วส่งลูกเลียดเข้ากลาง ให้ตัวกองหน้าจิ้มสอดเข้าไป ทั้งที่ตัวกองหลังยืนเป็นแผง แต่ก็รั่วหมด


มันอะไรกันครับ?  ฝึกมาไม่ดี หรือนักเตะไม่ได้คิดเล่นเต็มร้อยกับเกมนี้?


มาตรฐานฟุตบอลเราไปถึงไหนแล้ว  คนทำทีม นักเตะ พูดกันภาษา มืออาชีพกันแล้ว ผิดพลาดอย่างห่วยแตกเช่นนี้  ต้องมีการสะสางรับผิดชอบ


บอลยุคนี้ไม่โทษนักเตะ (แม้เห็นๆ ว่า ทีมเวิร์กต่ำกว่ามาตรฐาน) แต่ต้องลงไปล้วงถึงเฮดโค้ช คนทำทีมว่า เซตระบบทีม วางหมากผิดพลาดไปหมด ไม่สามารถรีดศักยภาพประสิทธิภาพของทีมออกมาได้


ให้ผมเดานะครับ  ผมเดาว่า สตีฟ ดาร์บี้ คงวางแผนให้ลูกทีมเล่นพอตึงเท้า ไม่กดดัน ไม่อัดเต็มร้อยในเกม เพราะเล่นแค่เสมอก็ไม่เสียหายอะไร (ลึกๆ แล้วการพบลาวในรอบตัดเชือก ทางบอลเรากินดิบ อาจจะง่ายกว่าสิงคโปร์ที่มาตรฐานบอลสูงกว่าลาวด้วยซ้ำ)


แล้วเกมมันก็เสมอจริงๆ เพราะเราเล่นผิดฟอร์มเกมรุกเนือยเกินไป (นักข่าวสายฟุตบอลบอกว่า สตีฟ ดาร์บี้ สั่งให้เล่นเกมโยนสาดอย่างเดียว ได้บอลก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บปะทะ เพราะมาเลเซียติดดาบเล่นแลกอยู่แล้ว)


แต่พอเสมอแล้ว ในสิบนาที ห้านาทีสุดท้ายของเกม เฮดโค้ชมืออาชีพต้องรู้ว่า จะปรับเปลี่ยนแผนการเล่นอย่างไรเพื่อเป็นฝ่ายคุมเกมไม่ใช่หรือครับ? 


มันก็แค่ลงมาแพ็กหลังกลางให้แน่น ปล่อยศูนย์หน้าโดดคนเดียว เราต้องเป็นฝ่ายคุมเกม ครองบอลให้นานที่สุด รักษาสกอร์ นั่นคือเกมบอลลำเลียงลูกเลียด ติ๊กต๊อก มาเลย์เองต่างหากที่ต้องกดดัน จะแย่งบอลรุนแรงก็ต้องเสียฟาวล์ให้กับเรา แล้วเราก็ครองเกมไว้ให้เวลาหมดไปเรื่อยๆ...มันแค่นี้เอง


เฮดโค้ชต้องมีสมาธิ อ่านเกมและสั่งปรับเกมไปกับเวลาการแข่งขัน  ไม่ใช่เครียด ห้านาทีสุดท้ายก็ยังสั่งโยนเล่นลูกยาวอยู่นั่น..บอลไปเร็วก็กลับมาเร็ว


เป็นโค้ชริมสนาม จะกระเด้งขึ้นมาด้วยความตระหนก พร้อมกับแฟนบอลหน้าจอที่ตะลึงกับการเสียประตูลูกที่สองในเวลาพิเศษทดเจ็บได้อย่างไร...ฮ่วย


สตีฟ ดาร์บี้ ไม่ได้เรื่องครับ เขาทำให้ทีมบอลเราแพ้มาเลเซีย และซิโก้เกียรติศักดิ์ ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย จะโยนให้สตีฟคนเดียวไม่ได้


ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ว่า แม้ สตีฟ ดาร์บี้ จะเป็นเฮดโค้ช แต่ภาระความกดดันมากที่สุดอยู่บนบ่าของซิโก้ เกียรติศักดิ์ ที่เป็นผู้ช่วยโค้ช เพราะเป็นคนไทย ทำงานกับลูกทีมเต็มๆ จะมาอ้างว่า ไปช่วยงาน เงินทองก็ไม่ได้เรียกจากสมาคม  มันไม่เกี่ยว ฟังไม่ขึ้นหรอก


มืออาชีพ ต้องเปิดหมวกลาออกไปเลยทั้งคู่ ไม่ต้องให้สมาคมไล่ออก เพราะถ้าสมาคมไม่ไล่ออกสมาคมเองนั่นแหละ จะโดนมหาชนด่าว่าหน่อมแน้ม ทำงานลูบหน้าปะจมูก ไม่มืออาชีพ

ทีมบอลไทย แพ้ตกรอบแรกก็บินกลับทันที...ผลงานอย่างนี้ไม่ควรนั่งเครื่องบินกลับเลยนะครับ นั่งรถไฟชั้นสามมาให้สมฐานะผู้แพ้หน่อย  ยังดีนะที่เป็นสมัยนี้ ถ้าเป็นสมัยกรุงศรีอยุธยา อาจต้องว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงและเดินเท้ากลับเอง ผ่านเวียงเมืองไหน ใครก็โห่


ซิโก้ เกียรติศักดิ์ ยังไม่ต้องกลับกรุงเทพฯ แวะขอนแก่นบ้านเกิด เพื่อบวชเสริมดวงหน่อยก็ดีนะ (ดูชื่อวัดดีๆ ด้วยว่า ไม่ใช่วัดราษฎร์เสื่อมศรัทธาบอล) แล้วก็บินไปทำงานกับเจ้านายเก่า ด่อง เหงียน ดึ๊ก เจ้าของสโมสรฮอง อันห์ ยาลาย น่ะดีแล้ว เพราะสโมสรฟุตบอลในบ้านเราคงลังเลที่จะเรียกใช้งาน


ส่วน สตีฟ ดาร์บี้ ลงเครื่องที่สุวรรณภูมิ ก็ต่อเครื่องกลับลอนดอนไปเลย เอ็งมันไม่ได้เรื่องจริงๆ



-ยอดทอง-


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์