ต้องชนะสิงคโปร์ โดย เเจ็คกี้


ตั้งใจว่าให้ผลอุ่นเครื่องระหว่าง ไทย กับ ซีเรีย ออกมาก่อนจึงค่อยติดตามเบื้องหลัง




อย่างที่บอกนะครับ อุ่นเครื่อง ก็คือ อุ่นเครื่อง อย่าไปยึดถือผลแข่ง ต่อให้ชนะ ซีเรีย เราก็คงคุยไม่ได้หรอกครับ เพียงแต่สิ่งที่ได้เห็นคืองานของโค้ช เห็นว่า ไบรอัน ร็อบสัน กำลังทำอะไรอยู่





จากเกมอุ่นเครื่องตั้งแต่ กะตะ กรุ๊ป คัพ จนนัดล่าสุดพบของแข็งจากตะวันออกกลาง อย่าง ซีเรีย เราคงพอมองเห็นแนวทางของ ร็อบสัน อย่างชัดเจนว่าเขาต้องการวางกลยุทธ์ของทีมชาติไทย เอาไว้อย่างไร 





แม้ ซีเรีย ชุดนี้ไม่ใช่สไตล์เดียวกับ สิงคโปร์ แต่พวกเขาคือตัวแทนบอลจากอาหรับ ซึ่งเราต้องดวลเกือกอีกสองนัดระหว่าง จอร์แดน กับ อิหร่าน การชิงจังหวะอุ่นเครื่องครั้งนี้ คงไม่ได้หวังผลแค่เรื่องการเตะกับ สิงคโปร์ หากแต่มันคงมีนัยสำคัญในการอุ่นเครื่อง





เพื่อสำรวจความพร้อมของนักเตะชุดแรกที่จะเล่นกับ สิงคโปร์ และ ได้โอกาสปะทะกับทีมอาหรับก่อนเพื่อนำเป็นแนวทางในการเล่นนัดที่ 5 และ 6 ของการคัดเลือกเอเชียน คัพ กับทีมตะวันออกกลาง





ส่วน ซีเรีย เองถือว่าได้ประโยชน์โดยตรงเพราะพวกเขามีโปรแกรมคัดเลือกเอเชียน คัพ กับ เวียดนาม การแวะพักเตะอุ่นเครื่องกับไทยย่อมมีแต่ได้กับได้ ทั้งอากาศและเรื่องของสไตล์การเล่นที่ถูกมองว่าใกล้เคียงกับทีมเวียดนาม





หันมาดูการทำงานของ ไบรอัน ร็อบสัน ในเกมล่าสุดนี้ต้องยอมรับว่า ร็อบสัน น่าจะมี 11 คนแรกตามกลยุทธ์ของเขาในใจอยู่แล้ว หากปรับเปลี่ยนคงแค่หนึ่งหรือสองตำแหน่ง ไม่มากมายไปกว่านี้
 



โดยเฉพาะแผงหลังทั้งแผงตั้งแต่ผู้รักษาประตูและกองหลัง 4 คน สุรีย์-ณัฐพร-ภานุพงศ์-ณัฐพงษ์ ไม่น่าเพี้ยนไปจากนี้ แดนกลางที่เคยทดลองมิดฟิลด์หลายๆคนมาในสองเกมแรก นัดล่าสุดนี้เลือกตัวดูแล้ว คงเป็นชุดนี้แหละที่ลุยสิงคโปร์





นิรุจน์ สุระเสียง รับบทตัวตัดเกม มีริมเส้นสองคนคือ รังสรรค์ กับ สุเชาว์ โดยตัวรุกเป็นดัสกร ที่จะประสานงานกันกองหน้าคู่ ธีรศิลป์ และ ธีรเทพ เกมล่าสุดนี้เลือกตัวดูแล้ว คงเป็นชุดนี้แหละที่ลุยสิงคโปร์ นั่นหมายความว่าที่ว่างสำหรับ ณรงค์ชัย ในชุดแรกไม่มี
 




การอุ่นเครื่องเป็นคำตอบอย่างหนึ่งสำหรับการทำงานของโค้ช หากไม่ลองแผน ไม่ลองนักเตะที่จะใช้งานและอยากจะใช้งาน คงผิดไปละครับ ถือว่า 2 เกมที่ภูเก็ตนั้นได้ลองไปชุดหนึ่งแล้ว ก่อนจะมาลงตัวในนัดเสมอ ซีเรีย 1-1 เชื่อว่า 90 เปอร์เซ็นต์น่าจะเป็นชุดนี้แหละครับ
 



ที่สำคัญ สตีฟ ดาร์บี้ คงให้ข้อมูลมาตลอดว่าเป็นชุดนี้ ที่เล่นด้วยกันบ่อยมาก จะมีก็ยุค ปีเตอร์ รีด ที่ไม่ได้ใช้งาน นิรุจน์ สุระเสียง ในตำแหน่งตัวตัดเกมซึ่ง เจ้าตั้ม มักเล่นกับทีมชาติได้ดี ผมว่าเขาน่าจะเป็นตัวทำลายเกมคู่แข่งได้ดีที่สุดในรอบ 5-6 ปีนี้





ปัญหาคือไปเล่นต่างประเทศทำให้โค้ชมองข้าม แต่สำหรับ ดาร์บี้ อาจมองต่างจากปีเตอร์ รีด เพราะเขาคุ้นเคยกับบอลอาเซียนมากกว่า เขาเห็นนักเตะทีมชาติไทยทุกคนผ่านตามาตลอด 10 ปี เขาย่อมมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ข้อมูล นิรุจน์ ทำหน้าที่กับทีมชาติได้ดีตลอด
 



เท่าที่ผมบรรยายฟุตบอลทีมชาติไทยทางช่อง 7 สี ผมมักจดสถิติและให้คะแนนด้วยทัศนะตัวเองในข้อมูลผังการเล่นของทีมชาติไทย นิรุจน์ มักเป็นหนึ่งในนักเตะที่ฟอร์มคงเส้นคงวา คือถ้าว่ากันถึงตัวตัดเกมในบ้านเราชั่วโมงนี้มีหลายคนฟอร์มดี แต่ นิรุจน์ ได้ลูกเก๋ากว่าหลายคน
 



อดุลย์ หละโสะ ผมก็ว่าดี เพียงแต่เขาต้องเล่นทีมซีเกมส์รอเวลาขึ้นชั้นมา ขณะที่ ศักดา เจิมดี เคยดัง ทะลุเปรี้ยงปร้าง แต่พอไปเล่นเวียดนามก็ดูจะถูกมองข้ามไป เหมือนกำลังเลื่อนชั้นมาปักหลักในทีมชาติชุดใหญ่ แต่แล้วก็หายไปดื้อๆเอาเป็นว่า นิรุจน์ สุระเสียง กลับมาติดทีมชาติอีกครั้งมันก็โอเคอยู่นะครับ





อย่าลืมว่า ร็อบโบ้ นั้นคือนักเตะกองกลางตัวทำลายเกมเป็นหัวใจของ แมนฯ ยูฯยุค ผีเข้าผีออก ที่ชอบชนะ ลิเวอร์พูล แต่แพ้ทีมท้ายตาราง (555)





ร็อบสัน ย่อมเข้าใจธรรมชาติของนักเตะตำแหน่งนี้ได้ดีกว่าใครไม่อย่างนั้นจะบาดเจ็บตั้งแต่หัวจนถึงเท้าเหรอครับ
 



นอกจาก นิรุจน์ อีกตำแหน่งหนึ่งคือ ภานุพงศ์ วงศ์ษา กองหลังร่างใหญ่จากการไฟฟ้าฯ ถึงเวลาได้พิสูจน์เกรดบอลระดับทีมชาติซักที หลังจากจวนเจียน วนเวียน ติดไม่ติด คือเป็นนักเตะฝีเท้าดีระดับสโมสรแต่พอพูดถึงทีมชาติกลับดูเป็นเส้นขนาน แต่วันนี้ได้โอกาสแล้ว ต้องพิสูจน์ตัวเอง
 



อีกตำแหน่งหนึ่งที่เราคงเห็นถึงการจัดตัวคือ ธีรเทพ วิโนทัย เขาถูกจับไปยืนกองหน้าคู่กับ ธีรศิลป์ แดงดา ไม่ใช่เพราะเล่นสโมสรเดียวกัน หากแต่ ร็อบโบ้ ต้องการกองหน้าคู่ที่เล่นได้ในบทบาทหน้าสูงและต่ำ คือมีตัวเป้ากับตัวที่สอง ซึ่งคุณสมบัติก็อย่างที่ทราบ





ธีรเทพ เป็นนักฟุตบอลทักษะดี ครองบอลดี ยิงบอลหนัก ยิงเข้าข้อเท้าโดยตลอด จึงเห็นลูกยิงของ ลีซอ พุ่งแรง นั่นเพราะเขาซัดเข้าจุดโฟกัส อีกทั้งยังเปิดบอลได้ดี กดดันกองหลังกับประตูได้ ส่วน ธีรศิลป์ ไม่ต้องพูดถึง ครบเครื่องและเป็นกองหน้าอันดับหนึ่งของประเทศเราเวลานี้ เก็บบอลเล่นได้ รูปร่างสูง คล่องตัว เล่นได้สองบทบาท นั่นจึงทำให้เขากับ ลีซอ สามารถสลับกันยืนหน้าเป้าและต่ำได้อย่างลงตัว อันนี้แตกต่างกับทีมเมืองทองฯที่ใช้ ลีซอ ในตำแหน่งปีกขวา





สิ่งนี้คือสิ่งที่เห็นก่อนเยือน สิงคโปร์ นะครับ ส่วนเรื่องในสนามนั้นต้องดูว่าเขาจะนำประสบการณ์ระดับที่ ปีเตอร์ วิธ มาใช้ได้ดีขนาดไหน ส่วน ปีเตอร์ รีด ผมไม่ขอเขียนถึงมากนัก เพราะเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลยกับทีมไทย แถมยังเห็นเราเป็นทีมคั่นเวลาของตัวเองซะอีก





ดูแนวคิดของ ร็อบโบ้ แล้วไม่แตกต่างจากแนวคิดดั้งเดิมสมัยเป็นนักเตะและผจก. ในอังกฤษ เพราะเขาคุ้นกับระบบการเล่นแบบ 4-4-2 โดยที่แดนกลางเน้นระบบปีก กลางตัดเกมและกลางรุก ในขณะเดียวกันก็ปรับตัวตามแบบบอลสมัยใหม่ที่สามารถสลับตำแหน่งกันได้อย่างอิสระ โดยไม่กระทบต่อบทบาทและหน้าที่ของแต่ละคน เรื่องรายละเอียดคงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ร็อบสัน ซึ่งเราคงเห็นกันในการบุกเยือนแดนลอดช่อง





เพียงแต่ว่าความกดดันของ ร็อบสัน ย่อมมีเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยมาตรฐานของไทยยังเหนือกว่าสิงคโปร์ แม้ฝ่ายหลังพยายามพัฒนาจนไล่หลังมาทันแล้ว
 



ด้วยความรู้สึกลึกๆคนไทยยังมองว่าเราเหนือกว่าพวกเขาอยู่ ต่อให้ฝ่ายโน้นเล่นโอนสัญชาตินักเตะมาก็ตามที แต่เรายังเหนือกว่า ดังนั้นจึงไม่อยากเห็นความพ่ายแพ้ของเราเกิดขึ้นที่แดนลอดช่อง
 



ไบรอัน ร็อบสัน จึงประเดิมงานแรก (อย่างเป็นทางการ) ด้วยความกดดันและด้วยเดิมพันที่ทีมชาติไทยต้องชนะ A must win at Singapore Robbo ? 

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์