เจ้าฟร้องซ์” นักเดาะสลัมเงินล้าน ส่งพี่เรียนจนจบป.ตรี (เรื่องดีดี ที่น่าอ่าน)

เผอิญได้อ่านในบอร์ดของ...แบล็คเบริ์น แฟนคลับ..แต่ที่มามาจากASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กันยายน 2552  ถ้าเคยซ้ำแล้วขออภัยนะครับ


“ฟร้องซ์-ด.ช.ปรเมศย์ อาจวิไล”

นักท่องราตรีในย่านตรอกข้าวสาร และว๊อกกิ้ง สตรีท แถวพัทยาหลายคน คงจะจำเด็กวัย 11 ขวบ ที่ยืนโชว์การเดาะลูกฟุตบอลด้วยท่วงท่าที่เร้าใจกันได้ดี
     
      เพราะเขาคือ “ฟร้องซ์-ด.ช.ปรเมศย์ อาจวิไล” ที่สามารถเดาะบอลไขว้ขา เลี้ยงบอลบนศีรษะ รวมไปถึงการเดาะที่เล่นท่าด้วยการเดาะไป ยืนแต่งตัวไป โดยที่บอลไม่ตกพื้นได้อย่างน่าทึ่ง! ซึ่งเขาสามารถเดาะได้เป็นจำนวนมากกว่าพันครั้ง
     
      จากความสามารถด้านการเดาะบอลตรงนี้ ทำให้ฟร้องซ์มีรายได้ตกเดือนละไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่นบาท ซึ่งรายได้ทั้งหมด ได้รับข้อมูลมาว่า เขาจะนำไปให้พ่อ เพื่อส่งพี่สาวเรียนต่อมหาวิทยาลัย จนบัดนี้พี่สาวคนที่ 2 เรียนจบปริญญาตรีแล้ว ทำให้ทีมงาน Life & Family ไม่พลาดที่จะดึงตัวเด็กเก่ง และดีคนนี้ มานั่งพูดคุยถึงความความสามารถ และความกตัญญูของเขากัน ทั้งนี้เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับเด็ก และเยาวชนคนอื่นๆ ได้เห็นต่อไป

     
      *** ถึงเกิดในสลัม แต่ก็เอาดีใส่ตัวได้
     
      “ฟร้องซ์” ด.ช.สลัม ได้เล่าชีวิตของเขาให้ทีมงานฟังว่า เขาอยู่กับพ่อ (ทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง) และแม่ (แม่ค้าขายโจ๊ก) มีพี่น้อง 5 คน พี่ชาย 1 คน พี่สาว 2 คน และน้องสาวอีก 1 คน อาศัยอยู่ร่วมกันภายในบ้านไม้ 2 ชั้นในย่านสลัมคลองเตย ใต้ทางด่วนดินแดง-บางนา แต่พี่ชายไม่ได้อยู่ด้วย เพราะต้องไปอยู่ต่างจังหวัดกับญาติ
     
      ความสนใจกีฬาฟุตบอล เริ่มต้นจากความประทับใจที่ฟร้องซ์มีต่ออดีตนักฟุตบอลทีมชาติของไทยอย่าง “ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน” ทำให้เขาใฝ่ฝันอยากเล่นเก่งแบบต้นแบบในสักวันหนึ่ง เขาจึงเริ่มฝึกฟุตบอลตั้งแต่อายุ 3 ขวบครึ่ง โดยมีคุณพ่อเป็นผู้หลอมปั้น ขณะที่การเดาะบอลนั้น ฟร้องซ์เริ่มหัดเดาะตั้งแต่อายุ 6 ขวบ
     
      เมื่อถามถึงนักฟุตบอลในดวงใจ ฟร้องซ์เอ่ยชื่อของ “พิพัฒน์ ต้นกันยา” นักเตะฟุตบอลอาชีพทีมชาติไทย ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ให้กำลังใจเขาในการไล่ตามฝัน ความประทับใจที่ได้รับจากพิพัฒน์ ทำให้เด็กชายนักเดาะบอลคนนี้มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาฝีมือ และหวังจะมีโอกาสรับใช้ชาติเช่นเดียวกับบุคคลต้นแบบของเขาเลยทีเดียว

ลีลาเดาะบอลสุดทึ่ง!

ด้านความสามารถ และพรสวรรค์ของลูกชายคนนี้ “คุณพ่อปรวุฒิ อาจวิไล” อายุ 47 ปี เล่าให้ฟังว่า ตอนลูกยังเล็ก เขาจะพาลูกซ้อนจักรยานยนต์ไปเล่นฟุตบอลกับเขาด้วยทุกครั้ง รวมทั้งตอนเด็ก ลูกจะชอบเล่นลูกฟุตบอลเป็นพิเศษ จึงสนับสนุนความสนใจด้านฟุตบอลให้ลูกเรื่อยมา จนลูกอายุได้ 3 ขวบครึ่ง ก็เริ่มฝึกให้ลูกแปบอล เลี้ยงบอล ซึ่งน้องเรียนรู้ได้เร็วมาก
     
      เมื่อลูกสนใจอย่างจริงจัง จึงส่งไปฝึกเรียนฟุตบอลกับสโมสรการท่าเรือแห่งเรือแห่งประเทศไทย โดยฝึกกับอ.ดาวยศ ดารา และ อ.พนิพล เกิดแย้ม เมื่อมีทักษะที่เล่นได้พอตัว จนอายุได้ 7 ขวบ จึงพาไปคัดตัวกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในครั้งที่มาเยือนไทย ผลปรากฏว่า ลูกเล่นได้ดีทุกอย่าง ยกเว้นทักษะการเดาะฟุตบอล
     
      ตั้งแต่นั้นมา จุดด้อยตรงนั้น ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ฟร้องซ์ มุ่งมั่นกับการเดาะฟุตบอลมากขึ้น ทำให้ฟร้องซ์ สามารถคว้าแชมป์เดาะบอลยุวชนโลกมาครอง ด้วยการเดาะฟุตบอลได้ถึง 6,500 ครั้งในเวลา 1 ชั่วโมงโดยที่ลูกบอลไม่ตกพื้น และปัจจุบันเขาใช้ความตั้งใจ และความมุ่งมั่นทุบสถิติการเดาะลูกฟุตบอลได้ถึง 10,000 ครั้งในเวลา 1 ชั่วโมงโดยที่ไม่หล่นพื้นเช่นกัน

*** นักเดาะเงินล้าน ส่งพี่สาวเรียนจนจบป.ตรี

เมื่อความสามารถในการเล่น และเดาะลูกฟุตบอล เผยแพร่ไปตามสื่อต่างๆ ฟร้องซ์ก็เริ่มมีงานโชว์เข้ามามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทุกๆ วันศุกร์ และเสาร์ ฟร้องซ์ถูกเชิญให้ไปโชว์เดาะบอลอยู่ที่โรงแรมนอร์ดิกพัทยา โดยมีข้อตกลงร่วมกับโรงแรมว่า ขณะเดาะฟุตบอล ฟร้องซ์ต้องใส่เสื้อของนอร์แมนกรุ๊ปด้วยทุกครั้ง ซึ่งพ่อกับฟร้องซ์ก็ตกลง ทางโรงแรมจึงให้เงิน 100,000 บาท ถือเป็นค่าพรีเซ็นเตอร์ในการใส่เสื้อ
     
      ในคืนเดียวกัน หลังโชว์ที่โรงแรมเสร็จ คุณพ่อจะพาน้องฟร้องซ์ไปโชว์เปิดหมวก อยู่บนถนนว๊อกกิ้ง สตรีท ซึ่งเป็นถนนคนเดินของนักท่องราตรีในพัทยา รายได้ต่อคืนอยู่ในช่วง 4,000-10,000 บาท ส่วนวันอาทิตย์จะไปโชว์ที่ร้านข้าวสารเซ็นเตอร์ มีรายได้ตกคืนละประมาณ 3,000 บาท ตกเดือนละ 4-5 หมื่นบาท รวมเม็ดเงินจนถึงตอนนี้ เจ้าฟร้องซ์สามารถเดาะฟุตบอลให้ครอบครัวมากกว่า 1 ล้านบาทแล้ว
     
      อย่างไรก็ดี รายได้ทั้งหมด ฟร้องซ์เปิดเผยว่า จะนำไปให้พ่อ เพื่อเป็นทุนให้กับพี่สาวได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งตอนนี้พี่สาวคนที่ 2 ได้เรียนจบปริญญาตรี และมีงานทำเป็นทีเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนั้นไม่นาน ฟร้องซ์ก็สามารถถอยรถกระบะ และซื้อที่ดินจำนวน 5 ไร่ในจ.นครปฐมให้กับครอบครัวโดยใช้เวลาไม่ถึง 3 ปีอีกด้วย สุดชื่นใจ ส่งพี่สาวเรียนจนจบป.ตรี


*** อนาคตไกล ถูกฝรั่งจองตัวไปนอร์เวย์

ไม่เพียงแต่ความสามารถด้านฟุตบอลจะลือกระฉ่อนไปทั่วประเทศ วันหนึ่งขณะที่ฟร้องซ์ ไปโชว์เดาะบอลอยู่ที่โรงแรมนอร์ดิก มอร์แทน กัมป์ส พีเดอร์เซน นักเตะปีกซ้ายทีมชาตินอร์เวย์ ของแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในพรีเมียร์ชิพอังกฤษ บินมาเที่ยวที่พัทยากับพ่อ ซึ่งเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงแรม
     
      จนมาวันหนึ่ง มอร์แทน นึกสนุก และต้องการเดาะบอลแข่งกับฟร้องซ์ แต่ผลออกมาปรากฎว่านักเตะรายนี้แพ้ ทำให้พ่อของมอร์แทนเห็นแวว และพรสวรรค์ของฟร้องซ์ และทาบทามให้ฟร้องซ์บินไปอยู่กับเขาที่ประเทศนอเวย์ เพื่อจะได้เรียนหนังสือ และเล่นฟุตบอล ทั้งนี้ได้เตรียมทีม และที่เรียนไว้หมดแล้ว เหลือแต่เพียงรอให้ฟร้องซ์มีอายุครบ 12 ปีก่อนเท่านั้น


*** ขยายโอกาส จ้างโค้ชสอนบอลเพื่อนฟรีในสลัม

ด้านคุณแม่ของน้องฟร้องซ์ อารีรัตน์ ตรรกวราธนะ” อายุ 47 ปี เล่าเพิ่มเติมว่า เมื่อลูกได้เงินจากการเดาะฟุตบอลมาในแต่ละครั้ง ฟร้องซ์จะนำเงินที่ได้จำนวนหนึ่ง ไปจ้างโค้ชสอนฟุตบอล ให้กับเพื่อนๆ ในสลัม โดยจ้างโค้ชทุกเดือนๆ ละ 7,000 บาท เพราะฟร้องซ์บอกกับเธอว่า อยากเปิดพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มีโอกาสเหมือนกับเขาบ้าง อย่างน้อย ก็ลดเวลาที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน หรือยาเสพติด (ทำมาได้ 2 ปี ปัจจุบันเลิกจ้างไปแล้ว)
     
      “ช่วงที่ฟร้องซ์ออกสื่อบ่อยๆ เพื่อนๆ แถวบ้าน จะมาขอให้ลูกสอนบอล และเดาะบอลเป็นประจำ แต่ฟร้องซ์ไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องเรียน และทำการบ้าน เขาจึงบอกกับเราว่า อยากให้เพื่อนได้มีโอกาสเล่นบอลเหมือนกับเขาบ้าง เขาจึงเปิดให้เรียนฝึกบอลฟรี โดยนำเงินที่ได้จากการเดาะฟุตบอลมาเจียดเป็นค่าจ้างโค้ชเดือนละ 7,000 บาท เพราะเขาไม่อยากให้เพื่อนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดี เช่น ยาเสพติด หรือการพนัน” คุณแม่เล่า

2 กำลังใจผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

*** สำเร็จได้ในวันนี้ เพราะกำลังใจจากพ่อแม่
     
      สุดท้าย เจ้าฟร้องซ์ อยากจะบอกกับพ่อแม่ ถึงกำลังใจ และความสำเร็จในวันนี้ว่า “ขอบคุณครับพ่อ ที่สอนผมเล่นบอล ขอบคุณครับแม่ที่สอนงานบ้านให้ผม และขอบคุณสำหรับน้ำเย็นๆ ที่ให้ผมกินหลังเดาะบอลเสร็จ ซึ่งกำลังใจจากพ่อกับแม่ ทำให้มีกำลังใจในการเดาะบอล ถ้าไม่มีท่าน ก็ไม่มีฟร้องซ์ในวันนี้ครับ”
     
      อย่างไรก็ดี เจ้าตัวเผยเคล็ดในการเล่นฟุตบอล และเดาะบอลว่า ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจ ขอแค่ให้มีใจรัก หมั่นฝึกซ้อม และหัดแปบอล ส่งบอล เลี้ยงบอลให้เก่ง ส่วนใครที่อยากเดาะบอลเก่งๆ ต้องฝึกเดาะบอลเป็นประจำ เริ่มจากเดาะแล้วจับ นับหนึ่ง จนคล่องขา จากนั้นเริ่มเดาะสองครั้ง สามครั้ง แล้วจับ ทำแบบนี้จนชำนาญ แต่อย่าหักโหม จนลืมเรื่องเรียน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ฟร้องซ์ไม่เคยลืม ปัจจุบันฟร้องซ์เรียนได้เกรดเฉลี่ย 3.14 สร้างความภูมิใจในตัวเอง และครอบครัวเป็นอย่างมาก
     
      ณ เวลานี้ทางโรงเรียนโสมาภานุสสรณ์ รามอินทรา ได้ดึงตัวฟร้องเข้าในทีมฟุตบอลของโรงเรียน เพื่อจะปั้นเป็นทีมฟุตบอล พร้อมกับปั้นฟร้องให้เป็นนักกีฬาทีมชาติไทย และมีแผนจะเปิดเป็นอะคาเดมีในปีนี้ ตอนนี้ฟร้องอยู่ในความดูแลของ โค้ชตู่-พนิพล เกิดแย้ม อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย และ อ.โด่งสยาม โสมาภา ผู้อำนวยการโรงเรียนโสมาภานุสสรณ์ รามอินทรา ที่ให้การสนับสนุนด้านการเรียน (เรียนฟรี) ที่พัก และการฝึกฟุตบอลมาโดยตลอด
     
     
*** สนใจให้ฟร้องซ์ไปโชว์การเดาะบอลตามงานต่างๆ ติดต่อคุณพ่อปรวุฒิ โทร. 087-416-3266






เครดิตจากคุณ: เจ้าชายนอกกะลา


++++++++++++++++++++++++++++++++++

น้องฟร๊องค์..... ผลิตผลจากสลัม เด็กด้อยโอกาสที่สู้ชีวิตจนไปปรากฏตัวต่อหน้าพระที่นั่งมาแล้ว

เอาประวัติน้องฟร๊องค์มาให้ฟังกันอีกที...

น้องฟร๊องค์เกิดปี 1998 คงไม่ต้องบอกเหตุผลว่าทำไมคุณพ่อของน้องฟร๊องค์ถึงได้ตั้งชื่อว่าน้องฟร๊องค์ ด้วยเพราะความรักฟุตบอลที่คุณพ่อมีต่อลูกชายและพยายามใส่ฟุตบอลเป็นทางเลือกให้กับชีวิตลูกชายตัวน้อยๆ แม้ว่าชีวิตจะไม่ได้สมหวังหรือมั่งคั่งใดๆ กีฬาเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะดึงชีวิตลูกชายตัวน้อยของเขาและครอบครัวของเขาให้ขึ้นมาได้

น้องฟร้องเด็กสลัมเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสเพราะเอาดีด้านการเล่นบอล

น้องฟร้องแววดีตั้งแต่เด็กชอบเล่นฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสพรสวรรค์ดึงโชคชะตาชีวิต น้องฟร้องผู้เกิดมาเพื่อเล่นฟุตบอล

วันที่ 7 ต.ค.50 ที่โรงเรียนบ้านหนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายปรวุฒิ อาจวิไล ผู้ปกครองของ ด.ช.ปรเมศย์ อาจวิไล หรือน้องฟร้องอายุ 9 ขวบ ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนอัทวิทย์ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร ศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีฝีเท้าเป็นอาวุธ ได้รับถ้วยรางวัลและแชมป์อย่างมากมาย ล่าสุดคว้าแชมป์เดาะบอลยุวชนโลก

ซึ่งสามารถเดาะได้กว่า 6,500 ครั้งใช้เวลา 1 ชั่วโมง 4 นาที มีความมุ่งมั่นจริงจังกับการฝึกซ้อมบอลตั้งแต่วัยเด็ก


นายปรวุฒิได้ให้น้องฟร้องฝึกซ้อมอย่างจริงจังจากสโมสรทหารเรือ หลังเลิกเรียนตอนบ่ายสามโมงครึ่งของทุกวันน้องฟร้องจะฝึกในสนามฟุตบอลของโรงเรียนหลังจากนั้น ทุ่มครึ่งน้องฟร้องก็จะไปซ้อมที่สโมสรยาสูบเพื่อฝึกเทคนิคและทักษะกลยุทธการเล่นบอลต่างๆกับโค้ชทีมชาติ ด้วยความมุ่งมั่นมุมานะและการทุ่มเทอย่างจริงจังจึงทำให้น้องฟร้องได้โชว์ความสามารถฝีเท้าในงานสำคัญเกี่ยวกับกิจกรรมฟุตบอลต่างๆในกรุงเทพฯและตามสโมสรฯรวมถึงต่างจังหวัด พร้อมทั้งได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินรางวัลครั้งหนึ่งประมาณ 2,000-3,000 บาทเฉลี่ยต่อเดือนรับเดือนละ เกือบ 2-3 หมื่นบาท

เฉลี่ยต่อเดือนได้เกือบสามหมื่นบาท เรียกว่าฟุตบอลเป็นหนทางทั้งชื่อเสียงแต่เงินทอง แต่นอกเหนือจากนั้นคือใจรักในฟุตบอลของเด็กตัวเล็กคนนี้

ถ้าถามว่าเบสิคฝึกเขาได้แบบเด็กเจเอ็มจีหรือไม่ ตอบได้เลยว่าเขาไม่ได้รับการสอนและการสอบแบบเด็กเจเอ็มจี แต่ด้วยอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งใด นั่นคืออาจารย์ที่ชื่อ คุณ พยายาม ทำให้น้องฟร๊องค์ยังคงมีงานโชว์ตัวและรักฟุตบอลอยู่มาต่อเนื่อง


ฟร๊องค์ เอาแต่งานโชว์หรือไม่

มาดูกันให้ลึกๆ อีกที


ครั้งหนึ่งน้องฟร้องเคยคัดตัวทีมสโมสรแมนยูซึ่งสโมสรแมนยูได้มาคัดตัวเพื่อนักกีฬาเยาวชนไทยเพื่อไปฝึกทักษะที่สโมสรเมื่อสี่ปีที่ผ่านมาน้องฟร้องต้องแข่งขันกับเด็กอายุ 10 ขวบ ในขณะที่ตอนนั้นน้องฟร้องอายุ 7 ขวบแต่ยังไม่สามารถสู้เด็กรุ่นใหญ่ได้ แต่ก็ไม่ทำให้น้องฟร้องละความพยายามน้องฟร้องจะย่อท้อต่อการฝึกซ้อมฟุตบอลต่อไป ตลอดเวลาน้องฟร้องยังได้โชว์ฝีเท้าตามรายการทีวีทุกช่องอาทิ รายการซุปเปอร์จิ๋ว และรายการต่างๆอย่างมากมายล่าสุดกำลังจะออกอากาศที่รายการ 168 ชั่วโมงทางทีวีสีช่อง 3 ในปี 50

ซึ่งโอกาสที่น้องฟร้องได้รับในปี 50 นั้นคือได้ทำการเซ็นสัญญากับบริษัทนอร์ดิกซ์กรุ๊ปที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพัทยา โดยบริษัทนอร์ดิกซ์กรุ๊ปให้ทุนไปฝึกซ้อมบอลที่ประเทศนอร์เวย์กับทีมเยาวชนนอร์เวย์เพื่อศึกษาถึงทักษะ เทคนิคเทคกติกา กฎระเบียบความรู้ใหม่ๆในกระบวนการเล่นบอลของสโมสรระดับประเทศ ซึ่งนายปรวุฒิผู้เป็นพ่อได้สนับสนุนน้องฟร้องอย่างจริงจัง อนาคตอยากให้ลูกชายได้เล่นบอลลีกมากกว่าที่จะติดทีมชาติเหมือนเยาวชนทั่วไป

ได้เล่นบอลลีกมากกว่าเล่นทีมชาติ ผมว่าคุณพ่อของเขามีวิชั่นที่ดีมากๆ เลยทีวางหลักตรงนี้ไว้ให้กับลูกชายเมื่อเชื่อมั่น สโมสรจะเป็นทางออกของสังคมชีวิตเด็ก

นอกจากนี้เด็กชายปรเมศย์ หรือน้องฟร้องยังได้ทำการฝึกซ้อมกับเตรียมเยาวชนของนอร์เวย์อายุไม่เกิน 14 ปี โดย Mr.Johannes Mosegaard (Trainer) Mr.Aleksshnder Olsen (Trainer) และ Mr.Andrea Loberto (Coach) ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนทีมเยาวชนนอร์เวย์ที่จะทำการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรกับทีมเยาวชนจังหวัดชลบุรี ในปีนั้นกล่าวคือ ช่วงระหว่างวันที่ 6 -8 ต.ค.50 ที่สนามโรงเรียนอัญสัมชัญศรีราชา โดยคู่เปิดสนามระหว่างทีมอัญสัมชันศรีราชาฟาดแข้งกับทีมเยาวชนของนอร์เวย์อายุไม่เกิน 14 ปี ซึ่งได้ทำการซ้อมที่สนามของโรงเรียนวัดหนองปรือ

Mr.Andrea Loberto (Coach) พูดถึงน้องฟร้องว่า มีทักษะที่ดีในการเล่นฟุตบอลมีความพร้อมในการฝึกซ้อมเป็นอย่างดีมีความพยายามสูงมีพรสวรรค์ด้วย ซึ่งเด็กทั่วไปต้องใช้เวลานานแต่น้องฟร้องกับมีความเฉลียวฉลาดปฏิกริยาไวในการตอบรับ หลังจากที่ได้น้องฟร้องได้ร่วมฝึกซ้อมกับทีมเยาวชนนอร์เวย์ อายุ 14 ปี อนาคตไปไกลแน่นอน โค้ชกล่าวในท้ายที่สุด


น้องฟร้องปัจจุบันเล่นฟุตบอลตำแหน่งปีกขวาคือตำแหน่งที่ถนัดพร้อมทั้งออกโชว์ตัวตามงานสำคัญต่างๆที่เกี่ยวกับฟุตบอล ซึ่งเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองเลยทีเดียว และมีความขยันอดทนพากเพียรฝึกซ้อมที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของการเล่นฟุตบอล สร้างรายได้ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองได้อนาคตไปไกลอย่างแน่นอน

สำหรับตัวน้องฟร้องกล่าวว่านักฟุตบอลต้นแบบของทีมชาติไทยคือ ขวัญชัย เฟื่องประกอบ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติสังกัดสโมสรทีทีเอ็มสมุทรสาครในปัจจุบัน ในส่วนของนักฟุตบอลต่างประเทศที่เป็นต้นแบบน้องฟร้องชื่นชอบคือโรนันนินโย่ เนื่องจากเดาะบอลเก่งและมีความไวสูง ซึ่งต้นแบบในการฟุตเล่นบอลอย่างแท้จริง

น้องฟร๊องค์ได้รับเกียรติสูงสุดในชีวิตก็เมื่อไม่กี่ที่ผ่านมา ได้รับโอกาสให้ไปเดาะบอลต่อหน้าลานพระพักษ์ ณ หน้าลานที่ประทับ ในวโรกาศครบรอบ 80 ปีเฉลิมฉลองปีมหามงคลของคนไทยมาแล้ว

น้องฟร๊องค์ เป็นน้องที่รักฟุตบอล คุณพ่อเชื่อมั่นในระบบลีกไทย วันนี้เราได้ทำอะไรเหมือนเช่นน้องฟร๊องค์เขาหรือยัง....

แล้ววันนี้น้องอีกหลายคนที่เขาเข้าไปในสนามในวันนี้เขาได้เห็นแบบนั้น โตมาจะมีแบบน้องฟร๊องค์อีกเท่าไร เด็กเละเทะในวันนี้เพราะสังคมผู้ใหญ่ข่มขืนความคิดเด็ก

วันนี้สังคมกีฬากำลังมาล้างความคิดเด็กรุ่นใหม่ ก็ช่วยกันเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนา ดูบอลไทยมันให้อะไรมากกว่าแค่ไปนั่งดูจริง 


เครดิตจากคุณ : danielle  danielle ากคุณ : danielle


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์