ประวัติกีฬาฟุดบอล

ประวัติกีฬาฟุดบอล



ประวัติกีฬาฟุดบอล
เป็นกีฬาที่มีผู้สนใจ ที่จะชมการแข่งขัน และเข้าร่วมเล่น มากที่สุดในโลก ชนชาติใด เป็นผู้ให้กำเนิด กีฬาชนิดนี้อย่างแท้จริง นั้นไม่อาจจะยืนยัน ได้แน่นอน เพราะแต่ละชนชาติ ต่างยืนยันว่า เกิดจากประเทศของตนแต่ในประเทศฝรั่งเศส และประเทศอิตาลี ได้มีการละเล่นชนิดหนึ่งที่ เรียกว่า “ซูเลอ” (Soule) หรือจิโอโค เดล คาลชิโอ (Gioco Del Calcio ) มีลักษณะการเล่น ที่คล้ายคลึงกับกีฬาฟุตบอล ในปัจจุบัน ทั้งสองประเทศ อาจจะถกเถียงกันว่า กีฬ่าฟุตบอล ถือกำเนิดจากประเทศของตน อันเป็นการหาข้อยุติไม่ได้ เพราะขาดหลักฐานยืนยัน อย่างแท้จริง ดังนั้น ประวัติของกีฬาฟุตบอล ที่มีหลักฐานที่แท้จริง สามารถจะอ้างอิงได้ เพราะการเล่น ที่มีกติกา การแข่งขันที่แน่นอน คือประเทศอังกฤษ เพราะประเทศอังกฤษ ตั้งสมาคมฟุตบอลในปี พ.ศ.2406 และฟุตบอลอาชีพ ของอังกฤษเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2431 วิวัฒนาการด้านฟุตบอล จะเป็นไปพร้อม กับความเจริญก้าวหน้า ของมนุษย์ตลอดมา ต้นกำเนิดกีฬาตะวันออกไกล จะได้รับอิทธิพลมาจาก สงครามครั้งสำคัญๆ เช่น สงครามพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ได้นำเอา “แกลโล-โรมัน“ (Gello-Roman) พร้อมกีฬาต่างๆเข้ามาสู่เมืองกอล(Gaul) อันเป็นรากฐาน ส่วนหนึ่งของกีฬาฟุตบอล ในอนาคต และการเล่นฮาร์ปาสตัม (Harpastum) ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นกีฬาซูเลอ วิวัฒนาการของฟุตบอล ภาคตะวันออกไกล ขงจื้อได้กล่าวไว้ในหนังสือ “กังฟู” เกี่ยวกับกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กีฬาที่ใช้เท้า และศรีษะในสมัยจักรพรรค์เชิงตี (Emperor Cneng Ti) (ปี 32 ก่อนคริสตกาล) มีการเล่นกีฬา ที่คล้ายกับฟุตบอล ซึ่งเรียกว่า “ซือ-ซู” (Tsu-Chu) ซึ่งหมายถึง การเตะลูกหนังด้วยเท้า กีฬาชนิดนี้ ได้รับความนิยม อย่างกว้างขวาง ซึ่งนักประพันธ์ และนักประวัติศาสตร์ ในสมัยนั้นได้ยกย่อง ผู้เล่นที่มีชื่อเสียง ให้เป็นวีรบุรุษของชาติ และในสมัยเดียวกัน ได้มีการเล่นคล้ายฟุตบอล ในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ภาคตะวันออกกลางในกรุงโรม ความเจริญของตะวันออกไกล ได้แผ่ขยายถึงตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากอิทธิพลของสงคราม โดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช การเล่นกีฬาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ฮาร์ปาสตัม เป็นกีฬาที่นิยม ของชาวโรมัน และชาวกรีกโบราณ วิธีการเล่น คือ มีประตูคนละข้าง แล้วเตะลูกบอล ไปยังจุดหมายที่ต้องการ เช่น จากหมู่บ้านหนึ่ง ไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง การเล่นจะเป็นการเตะ การทุ่ม หรือการขว้างไปข้างหน้า ฮาร์ปาสตัม หมายถึง การเหวี่ยงไปข้างหน้า การเล่นกีฬาฮาร์ปาสตัม

ซึ่งมีการเล่น ในสมัยกลางในการเล่นฮาร์ปาสตัม ขนาดของสนาม จะเล็กกว่าสนามกีฬาซูเลอ แต่จุดประสงค์ของกีฬาทั้งสอง คือ การนำลูกบอล ไปยังแดนของตน แต่เนื่องจากมีเสียงอึกทึก โครมครามจากการวิ่งแย่งลูกบอล ซึ่งอาจจะทำได้เกิด อุบัติเหตุได้ง่ายมาก อันเป็นข้อห้าม ของพระเจ้า จึงมีพระบรมราชโองการ ในนามของพระเจ้าแผ่นดิน ห้ามเล่นกีฬาดังกล่าวในเมือง ผู้ฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก นอกจากนี้ ยังมีข้อห้ามซึ่งออกในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.1892 ขอให้เล่นยิงธนู ในวันฉลองต่างๆแทนการเล่นเกมฟุตบอลในโอกาสต่อมา กีฬาฟุตบอลได้จัดให้ มีการแข่งขันกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากัน ระหว่างทีมต่างๆ ที่อยู่ห่างกันประมาณ 3-4 ไมล์ (5-6.5 กิโลเมตร) ในปี พ.ศ.2344 กีฬาชนิดนี้ ได้รับการขัดเกลาให้ดีขึ้น มีการกำหนด จำนวนผู้เล่นให้เท่ากันในแต่ละข้าง ขนาดของสนาม อยู่ในระหว่าง 80-100 หลา(73-91 เมตร) และมีประตูทั้งสองข้าง ที่ริมสุดของสนามซึ่งทำด้วยไม้ 2 อัน ห่างกัน 2-3 ฟุต ในปี พ.ศ.2366 ได้จัดให้มีการเล่นฟุตบอล ในรูปแบบของการเล่นในปัจจุบัน William Alice คือ ผู้เริ่มวางกฎบังคับต่างๆ สำหรับกีฬาฟุตบอลและรักบี้ ใน ปี พ.ศ.2393 ได้มีการออกระเบียบ และกฎของการเล่น ไปสู่ดินแดนต่างๆให้ปฏิบัติตาม โดยจำกัดจำนวน ผู้เล่นให้มีข้างละ 15-20 คน ในปี พ.ศ.2413 มีการกำหนดผู้เล่น ให้เหลือข้างละ 11 คน โดยมีผู้เล่นกองหน้า 9 คน และผู้รักษาประตู 2 คน โดยผู้รักษาประตูใช้เท้าเล่นเหมือน 9 คนแรก จนกระทั่งให้เหลือผู้รักษาประตู 1 คน แต่อนุญาตให้ใช้มือจับลูกบอลได้ในปี พ.ศ.2423 ในปี พ.ศ.2400 สโมสรฟุตบอลได้ก่อตั้งเป็นครั้งแรก ที่เมืองเซนพัสต์ ประเทศอังกฤษ และต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2406 สโมสรฟุตบอล 11 แห่ง ได้มารวมกันที่ กรุงลอนดอนเพื่อก่อตั้งสมาคมฟุตบอลขึ้น ซึ่งถือเป็นรากฐาน ในการกำเนิดสมาคมแห่งชาติ จนถึง 140 สมาคม และทำให้ผู้เล่นฟุตบอล ต้องเล่นตามกฎและกติกา ของสมาคมฟุตบอล จนเวลาผ่านไปจากคำว่า Association ก็ย่อเป็น Assoc และกลายเป็น Soccer ขึ้นในที่สุด ซึ่งนิยมเรียกกันในประเทศอังกฤษ แต่ชาวอเมริกัน เรียกว่า Football หมายถึง American Football ภายนอกเกาะอังกฤษ พวกกะลาสีเรือ ทหาร พ่อค้า วิศวกร หรือแม้แต่นักบวชได้นำกีฬาชนิดนี้ไปเผยแพร่ ประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศที่ 2 ในยุโรป ในอเมริกาใต้ สโมสรแรกได้ถูกตั้งขึ้น ในประเทศอาร์เจนตินา เมื่อพี่น้องชาวอังกฤษ 2 คน ได้ลงข้อความโฆษณา ในหนังสือพิมพ์ของเมือง บัวโนสไอเรสต์(Buenos Aires) เพื่อ หาอาสาผู้สมัคร ในปี พ.ศ.2427 กีฬาฟุตบอล ก็กลายมาเป็นวิชาหนึ่ง ในโรงเรียนของเมืองบัวโนสไอเรสต์ การแข่งขันระดับชาติ ครั้งแรกในทวีปอเมริกาใต้ คือ การแข่งขันระหว่าง อาร์เจนตินากับอุรุกวัย ในปี พ.ศ.2448 แต่อเมริกาเหนือเริ่มแข่งขันเมื่อปี พ.ศ.2435 ในอิตาลี ฮาร์ปาสตัม เป็นต้นกำเนิดจิโอโค เดล คาลซิโอ ผู้เล่นกีฬาจะเป็นผู้นำ ทางสังคม หรือแม้แต่ผู้นำชั้นสูง ของศาสนา เช่น สันตปาปา เกลาเมนต์ที่ 7 ลีออนที่ 10 และเออร์เบนที่ 7 เป็นถึงแชมเปี้ยน ในกีฬาฟลอเรนไทน์ฟุตบอล ต่อมาชาวโรมัน ได้ดัดแปลงเกมการเล่น ฮาร์ปาสตัมเสียใหม่ โดยกำนด ให้ใช้เท้าแตะลูกบอลเท่านั้น ส่วนมือ ให้ใช้เฉพาะการทุ่มลูกบอล ซึ่งนักรบชาวโรมัน นิยมเล่นกันมาก กีฬาฮาร์ปาสตัม ซึ่งมีต้นกำเนิดจากสมัยโรมัน ได้ถูกแปลงมาเป็น กีฬาซูเลอหรือชูเลอ กีฬาชนิดนี้ เหมือนกับฮาร์ปาสตัม คือ นำลูกบอลกลับไปยัง แดนของตน แต่สนามมีขนาดกว้างกว่ามากการเล่น ซูเลอมักจะมีขึ้นในบ่ายวันอาทิตย์ หลังการสวดมนต์เย็น จะมีการแข่งขันสำคัญ ในช่วงเวลาดีคาร์นิวาล กีฬาชนิดนี้ เป็นที่นิยมมากในเขตปริตานี และมอร์ลังดี กีฬานี้ได้ถูกเผยแพร่ ไปยังอังกฤษ โดยผู้ติดตามของวิลเลี่ยม ผู้พิชิต ภายหลังการรบที่เฮสติ้งส์ (Hasting) เมื่อ 900 ปีกว่ามาแล้ว ประเทศอังกฤษ ได้ตกอยู่ในความปกครอง ของพวกเคนส์ เชื้อสายโรมัน ซึ่งยกกองทักมา ตีหมู่เกาะอังกฤษตอนใต้ และได้ปกครองเรื่อยมา จนถึงปี พ.ศ.1589 อังกฤษเริ่มเข้มแข็งขึ้น และสามารถขับไล่ พวกเคนส์ออกจากประเทศได้ หลังจากนั้น 2-3 ปี อังกฤษจึงเริ่ม ปรับปรุงประเทศเป็นการใหญ่ มีการขุดอุโมงค์ ตามพื้นที่หลายแห่ง ซึ่งในการขุดอุโมงค์คนงานคนหนึ่ง ได้ขุดไปพบกะโหลกศรีษะในบริเวณ ที่เคยเป็นสนามรบ และเป็นที่ฝังศพของพวกเคนส์มาก่อน ทุกคนในที่นั้นแน่ใจว่า เป็นกะโหลกศรีษะของพวกเคนส์ อารมณ์แค้นจึงเกิดขึ้นทันที เมื่อต่างคนต่างคิดถึงเหตุการณ์ ที่ถูกพวกเคนส์กดขี่ทารุณจิตใจ คนอังกฤษในสมัยนั้น ด้วยเหตุนี้ คนงานคนนึ่งจึง เตะกะโหลกศรีษะนั้นทันที ส่วนคนอื่นๆที่อยู่ในบริเวณนั้น ก็พากันหยุดงานชั่วคราว แล้วหันมาเตะกะโหลกศรีษะ เป็นการใหญ่ เพื่อระบายอารมณ์แค้น ที่เก็บไว้อย่างสนุกสนาน ผลที่สุด เมื่อคนพวกนี้หากะโหลกศรีษะ เตะกันไม่ได้ ก็เอาถุงลมของวัว มาทำเป็นลูกกลมขึ้นเตะแทนกะโหลกศรีษะ ปรากฎว่าเป็นที่รื่นเริงสนุกสนานกันมากต่อมาชาวโรมันได้นำเกมนี้ไปเล่นในอังกฤษ จากนั้นชาวอังกฤษก็ได้ ปรับปรุงวิธีการเล่น เทคนิคการเล่น ตลอดจนกติกา ให้เหมือนในสมัยปัจจุบัน คือ เกมฟุตบอลที่ใช้เท้าเล่น แต่ในระยะแรกของการเล่นฟุตบอล จะเล่นกันเป็นกลุ่มๆ เฉพาะพวกคนธรรมดาเท่านั้น ไม่มีการจำกัดจำนวนผู้เล่น ประตูจะห่างกันเป็นไมล์ และใช้เวลาในการเล่นหลายชั่วโมง จะเป็นการเล่นระหว่างทหารใหม่ที่ถูกเกณฑ์ นักบวช คนที่แต่งงานแล้ว คนโสด และพวกพ่อค้า เกมชนิดนี้ได้กลายเป็นสิ่งฉลองในงานพิธีต่างๆ เช่น ในวันโชรพ ทิวสเดย์(ShroveTuesday ) จะมีฟุตบอลนัดสำคัญให้คนได้ชม เกมในสมัยนั้น จะเล่นกันอย่างรุนแรง และมีการบาดเจ็บกันมากในวันที่ 13 เมษายน พ.ศ.1857 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ได้ทรงออกพระราชกฤษฎีกา เนื่องจากมีเสียงอึกทึกครึกโครม จากการวิ่งแย่งลูกบอล ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ มากมาย อันเป็นข้อห้ามของพระเจ้า โดยห้ามเล่นกีฬาดังกล่าว ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุก ฟุตบอลได้เริ่มแข่งขันภายใต้กฎของสมาคมแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ.2412 ระหว่างทีม รัตเกอร์กับทีมบรินท์ตัน จากนั้นกิจการฟุตบอลได้เจริญ ขึ้นช้าๆในต่างจังหวัดจนกระทั่ง สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มีการตั้งสมาคมฟุตบอล ต่างจังหวัดขึ้นในปี พ.ศ.2450 และมีการฝึกสอนในปี พ.ศ.2484 ในทวีปเอเซีย อินเดียเป็นประเทศแรก ที่เริ่มเล่นฟุตบอล ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยกัลกัตตา เป็นผู้นำสำเนากฎหมาย การเล่นมาเผยแพร่ในปี พ.ศ.2426 และในปี พ.ศ.2435 ได้มีการแข่งขันชิงถ้วยรางวัลเป็นครั้งแรก ในทวีปซึ่งยังไม่มีชื่อเสียงด้าน การเล่นฟุตบอลเลย กีฬาชนิดนี้ก็ได้เริ่ม มีการเล่นมาก่อนร่วมร้อยปีแล้ว เช่น สมาคมฟุตบอล แห่งนิวเซาท์เวลส์ ได้ถูกตั้งขึ้นในออสเตรเลีย ปีพ.ศ.2425 และสมาคมฟุตบอล ของนิวซีแลนด์ได้ถูกตั้งขึ้นหลังจากนั้น 9 ปี ในแอฟริกา สมาคมระดับชาติแห่งแรก ได้ถูกตั้งขึ้นในประเทศแอฟริกาใต้ แต่อียิปต์เป็นประเทศแรกที่มีการแข่งขัน ระดับชาติในปีพ.ศ.2467 คือ 3 ปี หลังจากที่ได้ก่อตั้งสมาคมขึ้น และอียิปต์ สามารถเอาชนะฮังการีได้ 3-0 ในกีฬาโอลิมปิกที่ปารีสการแข่งขันระดับชาติ เป็นการแข่งขันระหว่าง อังกฤษกับสก๊อตแลนด์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2415 และในปีแรกของศตวรรษที่ 20 โดยประเทศยุโรปอื่นๆ อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ.2447 กลุ่มประเทศต่างๆ ในแถบนี้ได้ประชุมกันที่ ปารีสเพื่อตั้งสมาคมฟุตบอลนานาชาติขึ้น ในครั้งแรกก่อนการจัดตั้งสหพันธ์ 20 วัน สเปนและเดนมาร์ก ไม่เคยร่วมการแข่งขัน ระดับชาติมาก่อน และ 3 ประเทศใน 7 ประเทศที่เข้าร่วมประชุม ยังไม่มีสมาคมฟุตบอลในชาติของตน แต่ฟีฟ่าก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยมา โดยมีสมาชิก 5 ชาติในปี พ.ศ.2481 และ 73 ชาติในปี พ.ศ.2493 และในปัจจุบันมีสมาชิกถึง 146 ประเทศ ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมของฟีฟ่า ทำให้ฟีฟ่าเป็นองค์การกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลกสมาพันธ์ประจำทวีป ของสมาคมฟุตบอลแห่งแรก ที่ตั้งขึ้น คือ Conmebol ซึ่งเป็นสมาพันธ์ของอเมริกาใต้ สมาพันธ์นี้ ได้ถูกจัดตั้งเพื่อจัดการแข่งขันชิงชนะเลิศ ภายในทวีปอเมริกาใต้ ในปี พ.ศ.2460 เกือบครึ่งศตวรรษ ต่อมาเมื่อการแข่งขันภายในทวีป ได้แพร่หลายมากขึ้น จึงได้มีการจัดตั้งสมาพันธ์ ในทวีปอื่นๆขึ้นอีก คือ สหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป ในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดตั้ง ในทวีปเอเซีย และ 2 ปี ก่อนการจัดตั้งสมาคมฟุตบอลยุโรป ในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดตั้ง สหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาฟริกา (Concacaf) หรือสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอเมริกากลาง อเมริกาเหนือ และคาริบเบี้ยน ได้ถูกจัดตั้งขึ้น ในปี พ.ศ.2504 และน้องใหม่ในวงการฟุตบอลโลก คือ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งโอเซี่ยนเนีย (Oceannir)






เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์