สมรักษ์ ยันไม่ได้เบี้ยวหนี้ แค่หาเงินไม่ทัน!!!

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤษภาคม 2549 13:20 น.

สมรักษ์ คำสิงห์ วีรบุรุษเหรียญทองโอลิมปิก ตกเป็นข่าวดังอีกครั้ง หลังถูกอดีตหุ้นส่วนกิจการหมูกระทะ นางจารุวรรณ ลีละวุฒิ ออกมาทวงหนี้เกือบ 10 ล้านบาท ผ่านรายการโทรทัศน์ชื่อดัง หลังเช็คที่สมรักษ์จ่ายให้นั้นไม่สามารถขึ้นเงินได้ ฝ่ายเจ้าตัวยืนยันไม่ได้โกง เพียงแต่หาเงินให้ไม่ทันจริงๆ

โดย นางจารุวรรณ ได้กล่าวผ่านรายการเมืองไทยวาไรตี้ ทางสถานีวิทยุกองทัพบกช่อง 5 ซึ่งออกอากาศสดเมื่อคืนวันพฤหัสที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ตนและสมรักษ์รู้จักกันมานานแล้วเนื่องจากเคยส่งวัตถุดิบพวกเนื้อหมู เนื้อวัว และผักให้กับร้านของสมรักษ์ คำสิงห์ ที่นวมินทร์ ซึ่งร้านดังกล่าวมีลูกค้ามาอุดหนุนมาก ทำให้สมรักษ์คิดจะเปิดสาขาที่ 21 ที่พระโขนง ก็เลยชักชวนให้ตนมาร่วมหุ้นด้วย

โดยในเวลานั้น อ้อย (นางเสาวนีย์ คำสิงห์ ภรรยาสมรักษ์) ได้พูดคุยกับตนเองเรื่องทุนในการทำร้านที่เขาจะลงทุนด้วยประมาณ 2 ล้านบาทว่าตอนนี้ยังไม่มีเงินสด ต้องรอให้สมรักษ์กลับมาจากแข่งขันก่อนจะนำเงินซึ่งจำนวน 35 เปอร์เซ็นต์ที่จะรวมหุ้นด้วยมาให้ แต่สุดท้ายทั้งสมรักษ์และภรรยาก็ไม่ได้ให้เงินก้อนดังกล่าว แต่ด้วยความเป็นคนมีชื่อเสียงประกอบกับชื่อของสมรักษ์สามารถเรียกลูกค้าเข้าร้านได้ เวลานั้นตนและสมรักษ์จึงตกลงกันว่าจะนำเอากำไรในส่วนที่สมรักษ์ได้จากการทำร้านสาขาพระโขนง มาหักเงินทุนที่ยังติดค้างอยู่

นอกจากนี้ ทางร้านยังจ่ายเงินเดือนละ 20,000 บาท เป็นค่าเหนื่อยให้สมรักษ์ทุกเดือน นอกจากนี้ยังออกเงินดาวน์รถเบนซ์ จำนวน 5 แสนบาทให้ด้วย ซึ่งช่วงแรกร้านหมูกระทะสาขาพระโขนงก็ขายดี บางวันถึงขนาดมีคนมาต่อคิว แต่กิจการก็ขายดีอยู่เพียง 4 เดือน จากนั้นก็เริ่มขาดทุน ทางสมรักษ์ก็จะขอเข้ามาบริหารเอง ตนจึงบอกขายกิจการให้เขาในราคา 6 ล้านบาท สมรักษ์เลยตีเช็คมาให้ 2 ล้านบาท 1 ใบ และ 40,000 บาท หนึ่งร้อยใบ แต่เช็คทั้งหมดไม่สามารถขึ้นเงินได้

โดยเช็คใบละ 40,000 บาท ทางสมรักษ์ให้นำไปแลกเงินที่ร้านวันละ 40,000 บาทก็แลกได้เงินมาจำนวน 1 ล้านเศษ จากนั้นทางสมรักษ์ก็ไม่ยอมจ่ายอีก พอโทรศัพท์ไปหาก็ไม่รับ และทางสมรักษ์ก็ไม่ยอมติดต่อกลับ ซึ่งสร้างความลำบากให้เป็นอย่างมาก เนื่องจากตนเองก็มีค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระทุกเดือนอันเป็นผลต่อเนื่องมาจากช่วงที่ทำร้าน จึงจำเป็นต้องออกมาเรียกร้องให้สมรักษ์ คำสิงห์ ช่วยชำระเงินในส่วนที่เหลือด้วย

ทางด้าน สมรักษ์ คำสิงห์ ตอบโต้กับข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า รู้จักกับหุ้นส่วนคนนี้ในช่วงที่เปิดร้าน สมรักษ์ เนื้อย่างเกาหลี ที่นวมินทร์ ทางเขาก็ได้เข้ามาพูดคุยเพื่อขอหุ้นทำกิจการโดยจะไปเปิดที่สาขาพระโขนงโดยตกลงส่วนแบ่งกันที่ 35 เปอร์เซ็นต์ แต่เท่าที่ทำร้านมาก็แทบจะไม่ได้รับเงินส่วนแบ่งดังกล่าว เนื่องจากหุ้นส่วนอ้างว่ากิจการขาดทุนทุกเดือน ผมจึงขอเข้ามาบริหารร้านเอง ก็สามารถหาเงินชำระหนี้ให้เขาได้ล้านกว่าบาท แต่ช่วงหลังกิจการไม่ค่อยดีแล้วมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นอีกก็เลยต่อรองว่าขอจ่ายวันละ 1 หมื่นบาท แต่ทางเขาไม่ยอม ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คงต้องยอมให้ทางนั้นฟ้องไป เพราะอาจจะทำให้ผมจ่ายหนี้รายวันน้อยกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้