แข้งไทยไร้โชคพ่ายโทษโคนมชวดแชมป์คิงส์คัพ

ขุนพลแข้ง "ช้างศึก" ทีมไทย แรงดีไล่บดขยี้ "โคนม" เดนมาร์ก จนอ่อนระทวย แม้โดนกะซวกประตูก่อน แต่สู้ยิบตา ยิงแซงหน้า 2-1 จากนั้นมีโอกาสยิงอีกหลายครั้งแต่ตีนบอด สุดท้ายดวงกุด โดนตี 2-2 เจ๊านาทีสุดท้าย ก่อนจะพ่ายดวลจุดโทษ ชวดแชมป์ลูกหนังคิงส์คัพไปอย่างน่าเสียดาย ด้าน สุธี สุขสมกิจ เปรย อาจลาทีมชาติ บ่นร่วมทีมทีไรชวดแชมป์ทุกที

การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 39 ที่สนามสุระกุล จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 มกราคม เป็นเกมนัดชิงชนะเลิศ "ช้างศึก" ทีมไทย แชมป์ 13 สมัย ที่เกมแรกชนะเลบานอน 2-1 พบ "โคนม" เดนมาร์ก ที่เฉือน "โสมแดง" เกาหลีเหนือ 1-0 โดยผู้เล่น 11 คนแรกของทีมไทย เปลี่ยนแปลงจากนัดที่แล้ว 3 คน ผู้รักษาประตู ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (แทน โกสินทร์ หทัยรัตนกุล), กองหลัง ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์, ปฎิภาน เพชรพูล, แบ็กซ้าย ณัฐพงษ์ สมณะ, แบ็กขวา สุรีย์ สุขะ, กองกลาง สลาฮูดิน อาแว (แทน ดัสกร ทองเหลา), สุรัตน์ สุขะ, สุเชาว์ นุชนุ่ม, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว และ รณชัย รังสิโย (แทน ธีรศิลป์ แดงดา) ยืนเป็นกองหน้าตัวเดียว ด้านเดนมาร์กนักเตะส่วนใหญ่เป็นดาวรุ่งทีมชาติเยาวชน 21 ปี กับทีมชุดใหญ่ ขณะที่ผู้ตัดสินทั้ง 4 คนเป็นชาวไทย

 เปิดเกม เดนมาร์กใช้ความได้เปรียบรูปร่างสูงใหญ่กว่าเด็กไทยอย่างเห็นได้ชัด โยนบอลให้ศูนย์หน้าโหม่งพังประตู กดดันทีมไทยอย่างต่อเนื่อง ทีมไทยพยายามเปิดแลก ใช้ความคล่องตัวเข้าสู้ แต่ไม่มีโอกาสพังประตู นาทีที่ 35 ต้องมาสังเวยประตูแรกจนได้ เมื่อ นิโคไล สต็อกโฮล์ม เปิดฟรีคิกจากกลางสนามไปปากประตู กองหลังไทยประกบตัวไม่ดี มอร์เทน รัสมุสเซน ขึ้นโหม่งเช็ดให้ แดนนี โอลเซน กระหน่ำจ่อๆ แค่ 4 หลา ให้โคนมนำก่อน 1-0 หลังจากเสียประตูทีมไทยตั้งเกมใหม่ และเกือบยิงตีเสมอได้นาทีที่ 45 สลาฮูดิน หลุดเดี่ยวแต่ยิงไปชนตัวผู้รักษาประตูเดนมาร์ก จบครึ่งแรก ทีมไทยยังตาม 0-1

 ครึ่งหลังไทยปรับทัพเปลี่ยนตัว 3 คนรวด ส่ง ดัสกร แทน สลาฮูดิน, ธีรศิลป์ แทน รณชัย และสุธี สุขสมกิจ แทน ณัฐพงษ์ เกมรุกของทีมไทยดีขึ้นทันตา กดดันคู่ต่อกรด้วยการไล่บี้บีบพื้นที่จนเกมรับเดนมาร์กอ่อนแรงเสียขบวนเกมรับ ทีมไทยน่าจะได้ประตูตีเสมอจาก ธีรศิลป์ ยิงเต็มข้อกรอบเขตโทษ แต่เข้าซอง คิม คริสเทนเซน เกมของทีมไทยยังน่ากลัว นาทีที่ 59 สุธี ได้ยิงเต็มเท้าซ้ายแต่ไม่ผ่านมือ คิม คริสเทนเซน สถานการณ์ทีมเดนมาร์กไม่ดีขึ้นจน มอร์เทน โอลเซน กุนซือใหญ่ปรับหมากเปลี่ยนตัวผู้เล่น 2 คนรวด จนกระทั่งนาทีที่ 65 ทีมไทยมาพังประตูตีเสมอได้สำเร็จจากลูกจุดโทษ เมื่อ ธีรศิลป์ โดน เคนเนต ปีเตอร์เซน ดึงล้มในเขตโทษ สุธี สังหารไม่พลาดให้ทีมไทยตีเสมอ 1-1

 หลังเสียประตูทีมโคนมเปิดเกมแลกมากขึ้น แต่ยังไม่มีโอกาสยิงประตู นาทีที่ 70 ณัฐพร ได้รับบาดเจ็บ นิเวส ศิริวงค์ ลงมาแทน ถัดมาอีก 4 นาที ทีมไทยเปลี่ยนตัวคนที่ 5 อานนท์ สังสระน้อย แทน สุเชาว์ ยิ่งเล่นนักเตะไทยยิ่งคึก ในขณะที่โคนมดูจะอ่อนแรง นาทีที่ 80 แฟนบอลร่วมสองหมื่นชีวิตได้เฮลั่น เมื่อ ธีรศิลป์ ดีดบอลให้ สุธี ลากเข้าไปยิงด้วยเท้าซ้ายเสียบเสาสองให้ทีมไทยขึ้นนำ 2-1 ยิ่งเล่นทีมไทยยิ่งกดดันหนัก นาทีที่ 83 น่าจะได้ประตูเพิ่ม ดัสกร ยิงเล่นทางบอลไปชนโคนเสาลูกกระดอนออกมาเข้าทางปืน ธีรศิลป์ แต่ยิงเหินข้ามคานไป จากนั้นอานนท์ได้ยิงจ่อๆ แต่ไม่ผ่านมือนายทวารโคนมอีก จนกระทั่งนาทีที่ 90 ทีมไทยต้องโดนตีเสมอจนได้จากฝีเท้าของ เคน อิลโซ หมดเวลาเสมอกันไป 2-2 ต้องหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ

 ผลการดวลจุดโทษ นักเตะโคนม ที่ยิงก่อนและเท้าฉมังกว่ายิงเข้าหมดทั้ง 5 คน ส่วนทีมไทยยิงเข้า 3 คน โดย ดัสกร ยิงไปติดเซฟ ในขณะที่ สุธี, อานนท์ และรังสรรค์ ยิงไม่พลาด ทีมไทยจึงแพ้ชวดแชมป์ แพ้ 7-5 ส่วนผลคู่ชิงที่ 3 เลบานอน ชนะ เกาหลีเหนือ 1-0 จากการยิง อับบาส อาห์หมัด นาทีที่ 71 คว้าอันดับ 3 ไปครอง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์