ไม่แขวนนวม มนัสยังคึก ชกโอลิมปิกอีก

มนัส บุญจำนงค์ ฮีโร่เหรียญเงิน รุ่น 64 กก. มวยสากลสมัครเล่น โอลิมปิกเกมส์ 2008 ในฐานะนักชกประวัติศาสตร์ของชาติไทย ด้วยการเป็นนักกีฬาคนแรก ที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์มาครองได้ 2 ครั้งติดต่อกัน กล่าวเปิดเผยว่า

ตนอยากที่จะลงแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ อีกสักครั้งเป็นครั้งที่ 3 ก่อนจะอำลาทีมชาติ
และก็เชื่อมั่นว่าจะต้องเป็นไปได้อย่างแน่นอนหากฟิตซ้อมอย่างจริงจัง ตอนนี้ตนอายุแค่ 28 ปี ยังสามารถที่จะเป็นยอดนักชกได้ ดูตัวอย่างที่ “พี่สมจิตร” แม้เขาจะอายุถึง 33 ปีแล้ว ยังสามารถคว้าเหรียญทองกลับมาได้ ตนก็มี ความเชื่อมั่นเช่นนั้นเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ตนคงจะต้องขึ้นไปชกในพิกัดที่น้ำหนักมากกว่านี้ เนื่องจากการคุมน้ำหนักตัวที่เป็นอยู่ตอนนี้ค่อนข้างจะลำบาก แต่ หากได้ขึ้นไปชกในรุ่นที่ไม่ต้องลดน้ำหนักมาก เชื่อว่า จะทำได้ดีกว่า 


ขณะที่ “เสธ.วีป” พล.อ.ทวีป จันทรโรจน์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย กล่าวว่า

หลังจากนี้ตนจะให้นักมวยได้พักแค่ 1 เดือนเท่านั้น โดยจะเรียกทั้งหมดเข้าแคมป์เพื่อฝึกซ้อมลุยการแข่งขันในรายการต่อๆไปในวันที่ 1 ต.ค. โดยระหว่าง 1 เดือนจากนี้ ทีมมวยสากลสมัครเล่นของไทย ยังคงเดินสายขอบคุณบรรดาสปอนเซอร์ไปเรื่อยๆจนครบ ในส่วนของมนัสนั้น ตนยังเชื่อว่าเขายังสามารถชกในนามทีมชาติได้อีก เพราะฝีมือดีอยู่แล้ว แต่คงต้องขยับรุ่นไปชกในรุ่นที่น้ำหนักมาก กว่านี้ เนื่องจากปัจจุบันการลดน้ำหนักค่อนข้างจะเป็น ปัญหาสำหรับเขา 


ส่วนกรณีที่ตนออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมา พากลในการตัดสินในการให้คะแนนกับนักมวยไทยในโอลิมปิกเกมส์ที่ผ่านมานั้น ตนขอเวลาอีกนิดหน่อยเพื่อ รวบรวมหลักฐานข้อมูลทั้งหมด จากนั้นจะชี้แจงพร้อมทั้งเอาเอกสารแสดงให้กับสื่อมวลชนได้ดูด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความผู้ใด เพียงแต่อยากให้ ความยุติธรรมเกิดขึ้นกับนักมวยที่ไปทำชื่อเสียงให้ ประเทศชาติเท่านั้นเอง สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าจากปัญหาดังกล่าวจะส่งผลให้โอลิมปิกเกมส์ ในปี 2012 ซึ่งลอนดอนจะเป็นเจ้าภาพนั้นจะไม่มีมวยสากลสมัครเล่น ตนเชื่อว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากประธานของสหพันธ์มวยนานา ชาติ หรือ “ไอบา” ก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการโอลิมปิก สากล หรือ “ไอโอซี” ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีการผลักดันกีฬามวยให้บรรจุอยู่ใน “ลอนดอนเกมส์” ได้อย่างแน่นอน 

ด้าน พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า

กรณีเงินเดือนจากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่ง ประเทศไทยฯ ที่จะให้กับนักกีฬาที่ได้เหรียญโอลิมปิก เหรียญทอง เดือนละ 1.2 หมื่นบาท เหรียญเงิน เดือนละ 1 หมื่นบาท และเหรียญทองแดง 8 พันบาท ตลอด 20 ปี ซึ่งเมื่อครั้งที่มนัสได้เหรียญทองโอลิมปิกเอเธนส์ เกมส์ มนัสก็ได้รับเดือนละ 1.2 หมื่นบาทไปแล้ว และมาในครั้งนี้ มนัสก็มาได้เหรียญอีก เป็นเหรียญเงิน จึงมีการตั้งประเด็นเอาไว้ว่า มนัสควรจะได้รับเงินเดือนเพิ่มอีกหรือไม่ ในเรื่องนี้ตนคิดว่า กรณีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา มนัสควรที่จะได้เงินเดือนในส่วนของเหรียญเงินเดือนละ 1 หมื่นบาทเพิ่มเติมอีก เพราะเรื่องอย่างนี้ในวงการกีฬาไทย คงไม่เกิดขึ้นง่ายๆอีกแน่


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์