ทุบประวัติศาสตร์ มนัสเบิ้ล เหรียญโอลิมปิก

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 29 “ปักกิ่งเกมส์ 2008” ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
 
เมื่อ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา แฟนกีฬาชาวไทยต่างจดจ้องอยู่กับการแข่งขันมวยสมัครเล่นที่สนามกีฬาเวิร์คเกอร์สเตเดียม โดยเป็นการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้าย หรือรอบก่อนรองชนะเลิศ ในรุ่นไลต์เวลเตอร์เวท 64 กก. เท่ากับว่าใครชนะในไฟต์นี้จะได้เหรียญทองแดงไปตุนไว้ก่อน ซึ่งมีนักชกไทยขึ้นเวทีเพียงคนเดียว ได้แก่
“ไอ้เติ้ล” มนัส บุญจำนงค์ เจ้าของเหรียญทองกีฬาโอลิมปิกเอเธนส์ 2004 เมื่อ 4 ปีก่อน และเป็นนักมวยผู้อื้อฉาวที่คนไทยติดตามข่าวอยู่ตลอด


ในการชกครั้งนี้ มนัสพบกับคู่ปรับเก่าเซริค ซาปิเยฟ จากคาซัคสถาน
 
คู่นี้เจอกันมาหลายครั้ง มนัสเอาชนะมาได้ล่าสุดในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 15 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อ 2 ปีก่อน โดยมนัสชนะฉิวเฉียดในรอบชิงเหรียญทอง สำหรับการชกในรอบ 8 คนสุดท้ายนี้ คณะกรรมการได้จัดทีมผู้ตัดสิน ประกอบด้วย ฌอง โรแบรต์ แลง ชาวฝรั่งเศส เป็นกรรมการห้ามบนเวที กรรมการให้คะแนน 5 คนจากแคนาดา สวีเดน ฟิลิปปินส์ อาร์เจนตินา และมอลโดวา
 


มนัสขึ้นเวทีมุมน้ำเงินด้วยความคึกคัก

ยกแรก ซาปิเยฟเดินเข้าหาทันที ขณะที่มนัสรอตั้งรับหาจังหวะต่อย และมากระแทกซ้ายได้ก่อนขึ้นนำ 1-0 มนัสยังถอยหาช่องต่อ มาได้ฮุกขวาเข้ากกหูอีกหมัดนำ 2-0 ช่วงปลายยกโดนไล่ติดมุมเจอหมัด 1-2 ของนักมวยคาซัคสถานลอดการ์ดเข้าหน้า จบยกนักมวยไทยนำ 2-1

ยกที่ 2 มนัสยังใช้สไตล์เดิมได้จังหวะฮุกขวาเก็บคะแนนอีก นำห่างเป็น 3-1 ก่อนจะเบียดยื้อสลับหนีเอาตัวรอด แต่ยกนี้มนัสเริ่มถูกเตือนเหนี่ยวหมัดก่อนหมดยก 

ยกที่ 3 ซาปิเยฟเดินปรี่เข้าหาแบบไล่ทะเลาะ มนัสได้ช่องกระแทกซ้ายตรงเข้าหน้า นำเป็น 4-1 พอคะแนนห่างมนัสผ่อนถอยใช้แท็กติกเข้าคลุกกอดบ้างหนีบ้างไม่ให้นักมวยคาซัคฯที่ไล่บดอย่างเดียวต่อยได้ถนัด มนัสถูกเตือนเหนี่ยวหมัดอีก ก่อนขึ้นมาโดนฮุกของซาปิเยฟ คะแนนตามมาเป็น 2-4 มนัสยังออกอาการป้อแป้ และมาถูกกรรมการฝรั่งเศสสั่งตัดคะแนน 2 แต้ม จากการเหนี่ยวคู่ต่อสู้ ทำให้คะแนนเสมอเป็น 4-4 ก่อนจะกัดฟันไล่ชกซาปิเยฟขยับหนีเป็น 5-4 แต่ปลายยกก็โดนฮุกสั้น อีกครั้ง ทำให้เสมอกัน 5-5 

ยกสุดท้าย มนัสตะโกนกระตุ้นตัวเอง ก่อนออกไปกลางเวที  ซาปิเยฟปรี่วิ่งเข้าใส่ทันที นักชกคาซัคฯเดินไล่บดอย่างเมามัน  แต่ก็เปิดช่องให้มนัสที่ปิดป้อง  แต่สายตาหาจังหวะชกและฉกหมัดขวากระแทกดักได้นำเป็น 6-5 ถัดมาได้จังหวะทิ่มขวาเข้าอีก นำไปเป็น 7-5  ขณะนั้นเหลือเวลาอีกเพียงนาทีเดียว ซาปิเยฟยิ่งพล่านหนักไล่ขยี้แบบไม่ต้องมีเชิง มนัสปิดป้องถอยบ้างกอดบ้าง เข้าคลุกติดบ้างจนหมดเวลา นักชกไทยชนะไป 7-5 มนัสถึงกับกางมือแผ่นอนบนเวทีแบบหมดสภาพเช่นกัน


หลังการชก “เจ้าเติ้ล” มนัส บุญจำนงค์ ที่ได้เหรียญทองแดงไปกอดตุนไว้

และกลายเป็นนักชกคนแรกใน ประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ได้เหรียญโอลิมปิก 2 ครั้งติดต่อกันถึงกับร่ำไห้สะอึกสะอื้นให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว โดยกล่าวว่า วันนี้ดีใจที่สุดในโลก ที่ทำได้สำเร็จ หนักใจและกังวลกับมวยคาซัคฯมาก เพราะในรุ่นนี้เป็นกระดูกชิ้นสำคัญ โชคดีที่มาเจอกันในนัดที่ 2 ทำให้ร่างกายยังเบียดกันได้อยู่ เพราะเขาแข็งแรงชกไม่หยุด ถ้าเจอกันท้ายๆก็ลำบากกว่านี้
ยอมรับว่าหมดตั้งแต่ยก 3 ใจไม่ดี พอหมดยกโค้ชบอกคะแนนเสมอกัน แต่โค้ชก็กระตุ้นบอกทำอะไรก็ได้ อยากทำอะไรทำไป ต้องสู้ให้ถึงที่สุด จึงตะโกนไปว่า “ไทยแลนด์สู้” ก่อนจะออกไปชก


นักชกประวัติศาสตร์กล่าวต่อว่า

ก่อนออกจากหมู่บ้านนักกีฬามาชกก็ไหว้พระมาทุกที่ และยังมีผู้สื่อข่าวให้พระหลวงพ่อทวด ตนก็กราบขอพร ถ้าชนะจะไปกราบท่านที่วัดช้างให้ จ.ปัตตานี มาทำได้อย่างนี้ดีใจมาก และในรอบรองชนะเลิศที่จะชกกับมวยคิวบา ในวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งตรงกับวันเกิดของแม่ ก็จะขอทุ่มเททำทุกสิ่งทุกอย่างให้เข้าชิงให้ได้ ตอนนี้ขอกลับตัวกลับใจ ขอบอกกับพ่อและแม่จะเป็นลูกมนัสคนใหม่ ไม่ทำอะไรแย่ๆเหมือนเดิมอีกแล้ว และต้องขอขอบคุณชาวไทยที่ยังให้โอกาส


สำหรับการชกกับคิวบา  มนัสกล่าวว่า 

ยังไม่เคยชก กันมาก่อน แต่เมื่อผ่านนักมวยคาซัคสถานที่ถือว่าเก่งสุด ในรุ่นนี้ ก็ไม่กลัวใครอีก มั่นใจว่าจะต้องผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้แน่


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์