ฤดูกาล 2016 อาจเป็นปีแห่งความสำเร็จของนักเตะบางคน
แต่สำหรับพวกเขามันคือปีแห่งความเจ็บปวดที่แทบไม่อยากจำ
บ้างถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานจนไม่ได้ลงสนามแม้แต่เกมเดียว
หรือบางรายถูกต้นสังกัดปล่อยตัว แต่พอย้ายมาทีมใหม่ก็มีเหตุ
1. ดักโน่ เซียก้า
ใครจะคิดว่าอดีตสุดยอดแข้งต่างชาติอย่างเขาจะต้องเผชิญกับ
โชคชะตาอันโหดร้ายเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา หลังบาดเจ็บตลอดทั้งปี
และยังไร้ซึ่งสโมสรสังกัดอยู่ในเวลานี้
ฤดูกาล 2016 ขอนแก่น ยูไนเต็ด เรียกเสียงฮือฮาสถาปนาตัวเองเป็นยอดทีมจอมทุ่ม
ประจำศึกยามาฮ่า ลีก ดิวิชั่น 1 ด้วยการคว้าแข้งดังเข้ามาเสริมทัพมากหน้าหลายตา
และหนึ่งในนั้นคือ ดักโน่ เซียก้า ผู้ที่เคยพา " กิเลนผยอง " คว้าแชมป์ไทยลีกมาแล้วถึง 3 ครั้ง
เมื่อในอดีต การมาของยอดนักเตะชาวไอวอรีโคสต์ ช่วยสร้างความหวังให้กับสโมสร
และแฟนบอลขอนแก่น ยูไนเต็ด อย่างมาก เพราะหลายคนย่อมรู้ดีว่าฝีเท้าของเขาฉกาจแค่ไหน
ทว่ายังไม่ทันเปิดฤดูกาลก็มีข่าวร้ายเกิดขึ้นเมื่อ ดักโน่
มีอาการบาดจ็บหัวเข่าอย่างรุนแรงจนต้องเข้ารับการผ่าตัด
ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าเลกแรกเขาจะไม่สามารถลงสนามช่วยทีมได้
อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บดีขึ้นตามลำดับ โอกาสกลับคืนสนามพร้อมโชว์ฝีเท้าต่อหน้าแฟนบอล "จงอางผยอง" ใกล้ความจริงเข้ามาทุกที แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดช่วงเปิดเลกสอง ดักโน่ เกิดเจ็บซ้ำรอยเดิม ในระหว่างฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม และครั้งนี้เจ้าตัวก็รู้ว่าฤดูกาล 2016 ของตัวเองจบลงไปพร้อมกับความผิดหวังแน่นอนแล้ว
"ปี 2016 ผมว่ามันเป็นปีที่แย่ที่สุดของผมตั้งแต่เคยเจอมาเลยบางทีมันทำให้รู้สึกท้อเพราะปีที่ผ่านมาแทบไม่ได้ลงเล่นเลยเจ็บไป 1 ปี เต็มๆ เลยเงียบๆไป มันยิ่งทำให้รู้สึกแย่ และถือเป็นครั้งแรกของผมที่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้" ดักโน่ เซียก้า ที่เปิดใจถึงมรสุมชีวิตเมื่อฤดูกาล 2016 ที่ทำให้เขาไม่ได้ลงสนามเลยตลอดทั้งปี แน่นอนมันเปิดเรื่องยากที่นักเตะผู้เคยโด่งดังในลีกสูงสุดของไทยจะต้องมาเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนเช่นนี้
แม้ปัจจุบันอาจต้องกลายเป็นแข้งไร้สังกัด แต่เจ้าตัวยังตั้งเป้าหมายไว้ว่าในปี 2017 นี้ มันจะเป็นปีที่ดีสำหรับ และได้กลับมาลงสนามที่แสนคิดถึงอีกครั้งอย่างแน่นอน
2. ซูมาโฮโร่ ยาย่า
การคัมแบ็คสู่อ้อมอกต้นสังกัดเก่าของอดีตปีกระดับตำนาน " กิเลนผยอง "
ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากแฟนบอล และมันคงจะลงเอยด้วยดีหากเขา
ไม่บาดเจ็บจนพลาดลงสนามตลอดซีซั่นที่ผ่านมา ...
เมืองทอง ยูไนเต็ด ตัดสินใจดึงอดีตปีกซ้ายตัวเก่งจากเกงค์ ทีมในลีกเบลเยี่ยม
กลับมาร่วมทัพในเลกสอง ของฤดูกาล 2016 พร้อมความหวังที่จะเห็นดาวเตะไอวอรีโคสต์
ช่วยฉีกกระชากแนวรับคู่แข่ง และพา "กิเลนผยอง" กลับไปครองบัลลังก์แชมป์ไทยลีกให้ได้อีกครั้ง
ทว่ามันไม่เป็นอย่างที่คิด หลังการตรวจร่างกายผ่านไปด้วยดี พร้อมเซ็นสัญญาค้าแข้งในถิ่นเอสซีจี
สเตเดี้ยม 2 ปีครึ่ง ยาย่า เกิดมีอาการบาดเจ็บทำให้ทีมต้องคว้าตัว ซิสโก้ ฆิมิเนช กองหน้าชาวสเปน
เข้ามาแทนในโควต่าต่างชาติเพื่อส่งชื่อลงเล่นในเลกสอง อย่างไรก็ตามบอร์ดสโมสรเมืองทอง
ยังยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกสัญญากับแข้งรายนี้ แม้จะไม่ได้ลงเล่นเลยก็ตาม
แต่นั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้การคัมแบ็คมาสร้างความสำเร็จรอบสองกับทัพ "กิเลนผยอง"
ของเขาจบลงไม่แบบสวย เพราะท้ายที่สุดความอดทนของบอร์ดบริหารทีมมาถึงจุดสิ้นสุด
หลังเจ้าตัวไม่สามารถเรียกความฟิตกลับคืนมาได้ไม่มีท่าทีว่าจะลงช่วยทีมได้เลย
เป็นเหตุให้ตัดสินใจประกาศยกเลิกสัญญาดาวเตะชาวไอวอรีโคสต์ช่วงจบฤดูกาล 2016
และถือเป็นนักเตะอีกรายที่เราไม่ได้เห็นเขาลงสนามเลยในศึกไทยลีกซีซั่นที่ผ่านมา
3. อดิศักดิ์ ไกรษร
" อาการบาดเจ็บครั้งนี้แย่ที่สุดแล้วตั้งแต่ผมเล่นฟุตบอลมา " คำกล่าวของดาวยิงแห่งทัพ
" กิเลนผยอง " พูดถึงช่วงเวลาสุดเลวร้ายของตัวเองเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
หลังบาดเจ็บตลอดเวลาจึงเป็นฤดูกาลที่ไม่น่าจดจำนักสำหรับเขา
สัญญาณเตือนแห่งความโชคร้ายเริ่มต้นขึ้นในแมตช์ที่ เมืองทอง เอาชนะ ชลบุรี เอฟซี ไปได้ 3-0
ในเกมลีก โดยศูนย์หน้าช้างศึกทำคนเดียว 2 ประตู แต่ในนาทีที่ 62 กลับได้รับบาดเจ็บหนักระหว่างเกมจนถูกเปลี่ยนออกจากสนาม และต้องถอนตัวจากศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย
รอบ 12 ทีม อย่างน่าเสียดาย นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาต้องมีประสบการณ์สุดย่ำแย่ในเวลาต่อมา
หลังใช้เวลารักษาเกือบสองเดือน อดิศักดิ์ กลับมาลงเล่นอีกครั้ง
เพื่อช่วยต้นสังกัดทำศึกกับสุโขทัย เอฟซี โดยถูกเปลี่ยนลงสนามไปแทนที่ เคลตัน ซิลวา
ช่วงท้ายเกม แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงนกหวีดเขากลับโชคร้ายเมื่อมีอาการบาดเจ็บหัวเข่าอีกครั้ง
แม้จะมีลุ้นคืนสังเวียนในเร็ววันเหมือนการบาดเจ็บครั้งแรก แต่ดูเหมือนหนนี้มันจะไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะท้ายที่สุดต้องถอนตัวจากทีมชาติเป็นการถาวรของปี 2016 พร้อมปิดฉากฤดูกาลไปก่อนใครเพื่อน หลังต้องใช้เวลารักษาตัวอีกนาน เบ็ดเสร็จลงสนามไป 26 นัดด้วยกัน ซึ่งการขาด "AK9" ของทั้ง
กิเลน และช้างศึก ส่งผลกระทบไม่น้อยทีเดียวกับตัวเลือกในแดนหน้าของทั้ง 2 ทีม
อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับทำให้เจ้าตัวยืนยันว่าในปี 2017 นี้
เขาจะกลับมาโชว์ฟอร์มถล่มประตูได้อีกครั้งแน่นอน ซึ่งเราคงได้เห็นเขากลับคืนสนามทั้งในสีเสื้อเมืองทอง และทัพช้างศึกอีกครั้งในเร็วๆนี้
4. นฤพล อารมณ์สวะ
อาการบาดเจ็บจากซีซั่นก่อน ทำให้ฤดูกาล 2016 อดีตดาวเตะบุรีรัมย์ วัย 28 ปี
ยังต้องเจอกับฝันร้ายเช่นเดิม ย้อนไปในแมตช์ที่ "ปราสาทสายฟ้า" ต้องบุกไปเยือน ศรีสะเกษ เอฟซี
ในเกมไทยลีก ฤดูกาล 2015 มันคงเป็นเพียงการแข่งขันปกติทั่วไป
หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงที่จะส่งผลให้ชีวิตของ นฤพล ต้องพบเจอความผิดหวังจนถึงเวลานี้
นฤพล ถูกส่งลงแทน สุภโชค สารชาติ ในนาทีที่ 59 ก่อนจะถูก ธีรชัย งามเจริญ
ยันไปที่หัวเข่าอย่างรุนแรงจน ซึ่งผลปรากฏว่า เอ็นไขว้หน้าฉีกขาดจนต้องปิดฉากฤดูกาล
ก่อนใครเพื่อน " ยังทำใจไม่ได้จริงๆ ก่อนนอนก็นึกถึงแต่ฉากนี้ ตื่นมาก็คิดถึงภาพนี้ มืนคือช่วงชีวิตที่ผมรู้สึกแย่ที่สุดในชีวิต " นฤพล ย้อนถึงเหตุการณ์สุดเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
ซึ่งมันเป็นอาการบาดเจ็บที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ดาวเตะรายนี้เคยเจอมา
อย่างไรก็ตามชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป ฤดูกาล 2016 นฤพล ถูก ชลบุรี เอฟซี ยืมตัวมาจาก
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมความหวังที่จะได้ลงสัมผัสเกมลูกหนังอันแสนคิดถึงอีกครั้ง
ทว่าอาการบาดเจ็บยังมีให้กวนใจอยู่บ้างจนเป็นเหตุให้เจ้าตัวไม่มีโอกาสลงสนามากนัก
แม้จะยืนยันว่าหายเจ็บ แต่สุดท้ายก็ลงช่วยทีมไปแค่ 6 นัด และเป็นตัวจริงเพียงเกมเดียวเท่านั้น
ปี 2017 นฤพล เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกหน โดยย้ายไปร่วมทัพนครราชสีมา เอฟซี เพื่อสู้ศึกไทยลีก 1 ต่อไป " ผมมีช่วงเวลาไม่ดีตลอดสองปีที่ผ่านมา อาการบาดเจ็บทำให้ผมลงสนามน้อยลง แต่วันนี้ทุกอย่างมันหายไปแล้ว ผมพร้อมเผชิญหน้ากับการแข่งขันแล้ว " อดีตแข้งผู้โชคร้ายกล่าวทิ้งท้าย
5. กรวิทย์ นามวิเศษ
ไม่น่าเชื่อว่าศึกชิงแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 แนวรับ " ปราสาทสายฟ้า "
ผู้นี้จะกลับมาฟิตเต็มถัง และเป็นกำลังหลักช่วยทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
ทั้งที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
หลังกำลังทำผลงานได้ดี แต่โชคร้ายกลับวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างจังเมื่อตรวจพบว่าเจ้าตัวมีอาการป่วยเส้นเลือดในสมอง ตั้งแต่ช่วงปลายซีซั่น 2016 แต่อาการเริ่มดีขึ้นพร้อมส่งสัญญาณที่ใกล้ได้กลับมาลงเล่นในเลกสอง ทว่ามันกลับกำเริบอีกครั้ง และร้ายแรงถึงขั้น
อาจทำให้เขาต้องแขวนสตั๊ดก่อนเวลาอันควร ...
เป็นเรื่องที่น่าตกใจของบรรดาแฟนคลับ โดยเฉพาะเจ้าตัวเอง ที่ต้องพบเจอกับความโชคร้ายดังกล่าว
ซึ่งอาการบาดเจ็บนี้เองทำให้เหล่าสาวก "ปราสาทสายฟ้า" แทบจะไม่ได้เห็นเขายืนเฝ้าหลังบ้านให้ทีม
ตลอดซีซั่นที่ผ่านมาจากการลงสนามเพียง 8 นัดเท่านั้น
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแนวรับวัย 30 ปี กลับมาลงเล่นได้ในช่วงท้ายฤดูกาล พร้อมกับถูก " ซิโก้ " เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ให้ความไว้ใจเรียกติดทีมเพื่อทำศึกฟุตบอลโลก
รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย และศึกชิงแชมป์อาเซียน
ก่อนที่รายการหลังจะสามารถคว้าแชมป์ร่วมกับทีมได้สำเร็จเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
6. บิล สีดา
หากเอ่ยถึงนักเตะที่โชคร้ายที่สุดประจำฤดูกาล 2016 เชื่อว่า บิล สีดา คว้าตำแหน่งนี้ไปครองแน่นอน
ชีวิตการค้าแข้งในซีซั่นที่ผ่านมาของดาวรุ่งลูกครึ่งไทย - ต้องเจอมรสุมยิ่งกว่ามรสุม มันอาจจะไม่ใช่อาการบาดเจ็บรุนแรงเหมือนนักเตะรายอื่น หากแต่มีเหตุให้ย้ายทีมบ่อยเริ่มตั้งแต่โดน "สวาทแคท" นครราชสีมา เอฟซี ยกเลิกสัญญาเพราะกล่าวหาว่าเขาหนีเที่ยว จนต้องแยกทางกับต้นสังกัดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ทั้งที่ยังไม่ได้ลงสนามแม้แต่เกมเดียว
หลังจากนั้นในได้ไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด ทีมในศึกดิวิชั่น 1 และได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการในเลกสอง ทว่าเคราะห์ร้ายเมื่อ "จงอางผยอง" ถูกสมาคมฟุตบอลตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันจากกรณีที่สงสัยว่าสโมสรมีเอี่ยวในเหตุการณ์ทำร้ายผู้ตัดสิน และถือเป็นอีกครั้งที่ดาวเตะผู้นี้ต้องพลาดโอกาสลงเล่นต่อไป
ในความโชคร้ายอาจมีเรื่องดีๆปนอยู่บ้าง เพราะช่วงตลาดเลกแรกฤดูกาล 2017 เปิด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกไทยลีก 1 อย่างสโมสรบางกอกกล๊าส เอฟซี ตัดสินใจ ดึงเขากลับมาเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้ง และมันน่าจะเป็นความหวังครั้งใหม่ที่เขาจะได้เริ่มชีวิตนักเตะอาชีพในเมืองไทยอย่างจริงจังได้เสียที
ทว่าท้ายสุดถูกบีจี ปล่อยตัวไปเล่นให้กับเชียงใหม่ เอฟซี ในศึกไทยลีก 2(ดิวิชั่น 1 ) เป็นที่เรียบร้อย เรียกว่าเป็นพ่อค้าแข้งที่โชคร้ายจริงๆ ส่วนปี 2017 นี้ต้องรอดูกันว่ามรสุมชีวิตที่เจอในซีซั่นก่อนยังมาตามหลอกหลอนเขาอีกหรือไม่
7. กีรติ เขียวสมบัติ
มันคงเป็นฤดูกาลธรรมดาฤดูกาลหนึ่งเท่านั้น หากทีมที่เขาย้ายมาเล่นในเลกสองอย่าง
ขอนแก่น ยูไนเต็ด ไม่ถูกตัดสิทธิ์จากเกมลีกไปซะก่อน
ก่อนหน้านี้ กีรติ เขียวสมบัติ ย้ายมาร่วมทัพ "พลังเพลิง" ตั้งแต่ฤดูกาล 2012 ก่อนจะถูก "ฉลามชล"
ดึงตัวไปใช้งานในปี 2015 และกลับมาช่วย พีทีที ระยอง สู้ศึกลีกพระรองอีกครั้งในปี 2016
โดยถือเป็นแข้งคนสำคัญที่ทีมจะขาดไม่ได้ทีเดียว
อย่างไรก็ตามผลงานโดยรวมของทัพ "พลังเพลิง" ไม่สู้ดีนัก เพราะพลาดเก็บชัยหลายครั้งจนทีมห่าง
จากอันดับเลื่อนชั้นไปทุกที หลังเข้าสู่เลกสองอดีตดาวยิงทีมชาติไทย
ชุดแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ตัดสินใจย้ายไปเล่นกับขอนแก่น ยูไนเต็ด น้องใหม่ไฟแรง
ที่เวลานั้น "จงอางผยอง" ถือเป็นเจ้าบุญทุ่มทีมหนึ่งแม้เพิ่งได้เลื่อนชั้นในปีที่ผ่านมาก็ตาม
ทว่ามันกลายเป็นโชคร้าย เพราะหลังย้ายมาสวมเสื้อ "จงอางผยอง" ได้ไม่นาน
ต้นสังกัดใหม่ของเขาถูกสมาคมฟุตบอล ตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันในคดีอื้อฉาวลอบทำร้ายร่างกาย
ผู้ตัดสิน แม้สโมสรจะปัดข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่สุดท้ายก็ถูกสมาคมฯลงดาบตามเดิม
ทำให้อดีตศูนย์หน้า "พลังเพลิง" ต้องหาทีมใหม่อีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งลงสนามไปเพียงไม่กี่เกมเท่านั้น
ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่าทีมจะกลับมาแข่งขันในซีซั่นหน้าหรือไม่ แต่ล่าสุด กีรติ
ได้โอกาสหวนคืนสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง หลังถูก " สวาทแคท " นครราชสีมา เอฟซี คว้าตัวไปร่วมทีม
เพื่อลุยศึกไทยลีก 1 ฤดูกาล 2017 เป็นที่เรียบร้อย
8. ไพโรจน์ โสคำ
ความเก่งกาจที่มีติดตัวแทบไม่ได้ถูกใช้เลยในฤดูกาลที่ผ่านมา
หลังอาการบาดเจ็บเล่นงานเขาต่อเนื่อง ทำให้ปี 2016 เป็นปีที่ไม่น่าจดจำนักของแข้งรายนี้
ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ไพโรจน์ ถือเป็นแนวรับตัวความหวังของชาวไทยหลังถูก
" โค้ชโก้ " เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทยเรียกใช้งาน และเคยถึงกับเอ่ยปากเองว่า
นี่คือนักเตะที่เขาชื่นชอบมาก นั่นยิ่งการันตีถึงคุณภาพนักเตะรายนี้ว่าไม่ธรรมดาแน่นอน
อย่างไรก็ตามหลังจากออก สุพรรณบุรี กลับมาเล่นกับเมืองทอง ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2014
ก่อนถูกปล่อยร่วมทีมเพื่อนตำรวจ ชื่อของ ไพโรจน์ กลับหายจากวงโคจรทันทีเมื่อถูกอาการบาดเจ็บบริเวณไหล่เรื้อรังคอยเล่นงานมาตลอด 2 ปี
แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงฤดูกาล 2016 กับการย้ายมาร่วมทีมชัยนาท เอฟซี
ฝันร้ายยังตามหลอกหลอนเช่นเดิมเมื่อสภาพร่างกายของเขาไม่เคยฟิตเต็มถัง
เพราะมีอาการบาดเจ็บอยู่ตลอด ทำให้โอกาสลงสนามมีเพียง 3 นัด เท่านั้น
และเป็นอีกครั้งที่อดีตปราการหลังช้างศึก ต้องห่างหายไปจากสังเวียนแข้งเป็นเวลานาน
ท้ายที่สุดถูก "นกใหญ่พิฆาต" โละออกจากชุดสู้ศึกฤดูกาล 2017
และปัจจุบันเจ้าตัวย้ายไปเล่นกับหนองบัว พิชญ เอฟซี ในศึกไทยลีก 2 เป็นที่เรียบร้อย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
