ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ก.ย. มีการประชุมผู้จัดการทีม และเปิดแถลงความพร้อมของทั้ง 2 ทีม ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ย่านรัชดาภิเษก ก่อนยกทีมไปซ้อมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน สังเวียนแข่งจริง "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยกล่าวว่า การพบกับญี่ปุ่นเป็นงานยากแน่นอน เพราะญี่ปุ่นเป็นทีมระดับต้นๆ ของเอเชีย และไม่น่ามีจุดอ่อนตรงไหนเลย อย่างไรก็ตามจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ไทยได้แต้ม พร้อมทั้งต้องการวัดฝีเท้าว่าตอนนี้ทีมชาติใดอยู่ระดับไหนของเอเชียแล้ว
"เรา ไม่ได้เกรงกลัวญี่ปุ่นเลย เพราะการอุ่นเครื่องกับเกาหลีใต้ ซึ่งตอนนั้นทีมชาติไทยเล่นสภาพไม่ฟูลทีมยังแพ้แค่ลูกเดียว ทีมชุดนี้เตรียมตัวกันมานานถึง 3 ปีแล้ว ไม่ใช่แค่ 3 วัน หรือ 3 เดือน วันนี้เราพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ทีมไทยมีจุดแข็งคือไม่มีความกดดัน เพราะเหมือนเป็นน้องใหม่ ดังนั้นจะเล่นให้เต็มที่ และเล่นให้สนุกในทุกนัด" กุนซืออดีตศูนย์หน้าตำนานทีมชาติไทยกล่าว
อดีตศูนย์หน้าจอม ตีลังกาตำนานทีมชาติไทย กล่าวอีกว่า นักเตะไทยพร้อมเต็มที่แม้จะขาดสารัช อยู่เย็น กองกลางคนสำคัญที่ติดโทษแบน แต่แดนกลางได้เรียก อดุล หละโสะ จอมเก๋าจากชลบุรี เอฟซี เข้ามาเสริม รวมทั้งยังมีนักเตะอย่าง ปกเกล้า อนันต์, ชาริล ชัปปุยส์ ฯลฯ สภาพสมบูรณ์พร้อมลงสนาม ดังนั้นแม้ขาดสารัช แต่แดนกลางของเรายังสมบูรณ์
ด้านวาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช กุนซือชาวบอสเนียของญี่ปุ่น กล่าวว่า หลังจากแพ้ในเกมแรก ทุกคนเสียใจ แต่ตอนนี้พร้อมเต็มที่ ได้ศึกษาทีมชาติไทยมาอย่างดี ทั้งเกมรับ และเกมรุก นัดที่แล้วทีมไทยเล่นได้ดีกับเกมเยือนซาอุฯ หากไม่มีเหตุการณ์บางอย่างในท้ายเกม ผลการแข่งขันอาจเป็นอีกแบบ นัดนี้ญี่ปุ่นจะเปิดเกมรุกเข้าใส่แน่นอน แต่จะเพิ่มความแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม และแม้ทีมไทยจะมีกองเชียร์แน่นขนัดหนุนหลัง แต่นักเตะญี่ปุ่นมีประสบการณ์เรื่องเหล่านี้มาหมดแล้ว ดังนั้นสามารถเล่นท่ามกลางแรงกดดันได้ดี
เกมนัดนี้คาดว่า "ช้างศึก"ทีมชาติไทยจะเล่นระบบ 4-3-3 เหมือนเดิม 11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม ประกอบด้วย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน, กรวิทย์ นามวิเศษ, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ทริสตอง โด, ปกเกล้า อนันต์, ชาริล ชัปปุยส์, "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, มงคล ทศไกร และ "มุ้ย"ธีรศิลป์ แดงดา เป็นหัวหอกตัวเป้า
ส่วน ญี่ปุ่นผ่านฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมาแล้ว 5 สมัยติดต่อกัน จัดทัพใหญ่ นอกจาก ยูโตะ นากาโตโมะ จากอินเตอร์ มิลาน ที่ถอนตัวไปก่อนหน้าแล้ว นักเตะคนอื่นๆ พร้อมลงสนามทั้งหมด แนวรับนำโดย มายะ โยชิดะ จากเซาแธมป์ตั้น, กองกลาง เคซุเกะ ฮอนดะ จากเอซี มิลาน ส่วนตัวรุกใช้ ชินจิ คากาวะ จากดอร์ตมุนด์ และ ชินจิ โอกาซากิ กองหน้าเลสเตอร์ แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ล่าสุด นำทัพ
สถิติ การพบกันระหว่างไทยและญี่ปุ่น ที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ให้การรับรอง 17 แมตช์ ช้างศึกชนะครั้งเดียว เสมอ 3 แพ้ 13 ยิงได้ 11 ประตู เสีย 43 ประตู หากนับเฉพาะแมตช์ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เจอกัน 4 ครั้งญี่ปุ่นชนะทั้งหมด
"โค้ชโอ่ง"ดุสิต เฉลิมแสน หัวหน้าผู้ฝึกสอน ประจวบ เอฟซี ทีมในศึกดิวิชั่น 1 ตำนานแบ๊กซ้ายทีมชาติไทย และดาราเอเชีย ซึ่งเคยลงเล่นกับญี่ปุ่นหลายครั้ง ออกโรงให้กำลังใจนักเตะรุ่นร้อง พร้อมกับชื่นชม "อุ้ม"ธีราทร บุญมาทัน แบ๊กซ้ายคนปัจจุบันว่าเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบ
"ไม่ต้อง สงสัยเรื่องความแข็งแกร่งของญี่ปุ่น และพวกเขาแพ้เกมแรกมาด้วยทำให้เกมนี้ยากพอตัว แต่ผมเชื่อว่าเด็กไทยของเราพัฒนาขึ้นเยอะ ดีกว่าชุดที่ผมเคยเล่นด้วยซ้ำ พี่เชื่อว่าน้องๆสู้ญี่ปุ่นสู้ได้สนุก คนนอกว่าไงไม่รู้ แต่พี่ขอเชียร์และให้กำลังใจเสมอ"
ตำนานแบ๊กซ้ายดาราเอเชีย กล่าวอีกว่า "จริงๆแล้ว ธีราทรเป็นสุดยอดนักเตะอยู่แล้ว คงเปรียบกันกับผมไม่ได้เพราะฟุตบอลคนละยุค น้องเขามีทุกอย่างที่สมบูรณ์แบบในฟุตบอลยุคใหม่ ทั้งฟิตเนสและวิทยาศาสตร์การกีฬา รวมถึงได้ฝึกกับโค้ชต่างชาติที่มีฝีมือมามากมาย แต่อายุเท่านี้ ผมว่าอุ้มสด กว่าผมเยอะ น้องเขาผ่านระดับเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึงผมชื่นชมน้องเขาและขอเป็นกำลังใจให้"
ขณะ ที่เว็บไซต์สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (www.jfa.jp) ยก "มุ้ย"ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าจากเอสซีจี เมืองทอง เป็นผู้เล่นที่อันตรายที่สุดของไทย โดยร่ายยาวประวัติหัวหอกวัย 28 ปี ว่าเป็นนักเตะแนวรุกที่สำคัญที่สุดของทัพช้างศึก มีประสบการณ์ค้าแข้งโชกโชน เคยเล่นร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้, ทดสอบฝีเท้ากับแอตเลติโก้ มาดริด และค้าแข้งกับอัลเมเรีย ในลา ลีกา สเปน แม้จะไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และกลับมาเล่นในไทยลีกอีกรอบ แต่ใช้เวลาไม่นานในการคืนฟอร์มที่เฉียบคม
โดย"ธีรศิลป์"เป็นกองหน้าระดับมันสมอง และมีร่างกายที่แข็งแกร่งในการเข้าปะทะ ทีมชาติญี่ปุ่นจำเป็นต้องคุมให้อยู่และไม่สามารถปล่อยให้ "ธีรศิลป์" มีอิสระในการเล่นได้อย่างเด็ดขาด
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
