ส.บอลฉีกกม.ไทย-ยึด′ฟีฟ่า′!-′เนวิน′ขู่ฟ้อง-′บิ๊กหนุ่ม′ลั่นสางปม23ก.ค.

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม "บังยี" นายวรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลฯ กล่าวว่า เห็นหนังสือจาก กกท.แล้ว และเตรียมที่จะชี้แจงกลับไปยัง กกท.อีกครั้งถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของฟีฟ่า ที่ได้กำหนดมาให้จัดการประชุมใหญ่พิเศษวันที่ 9 สิงหาคม เพื่อเปิดประชุมรับรองมติธรรมนูญใหม่ จากนั้นจะต้องเลือกตั้งโดยใช้ธรรมนูญใหม่ในวันที่ 23 กันยายน

"บิ๊กเปี๊ยก" นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ เปิดเผยว่า ตามหนังสือที่ได้รับจาก กกท.นั้น สมาคมฟุตบอลฯก็มีหน้าที่ปฏิบัติตามข้อบังคับของสมาคมฯอยู่แล้ว ซึ่งในข้อ 4.4 ก็ระบุชัดเจนว่าสมาคมฟุตบอลฯจะต้องปฏิบัติตามการเป็นชาติสมาชิกของฟีฟ่า โดยตอนนี้ตนยังไม่ขอพูดอะไรมากนัก เพียงบอกได้แค่สมาคมฟุตบอลฯปฏิบัติตามข้อบังคับ และกฎหมายไทยถูกต้องทุกอย่าง หลังจากนี้หากทาง กกท.จะเข้ามาดำเนินการตามกำหนดวาระที่จะต้องมีการเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่ภายใน 30 วัน ก็จะเป็นสิทธิของ กกท.ที่จะสามารถทำได้ แต่ตนก็ยังยืนยันคำเดิมว่า สมาคมจะดำเนินการตามข้อบังคับของสมาคมต่อไป

ด้าน "บิ๊กกร๊อง" นายวิรัช ชาญพานิชย์ ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ เปิดเผยว่า กระแสข่าวที่ กกท.เห็นชอบให้สมาคมฟุตบอลฯปฏิบัติตามฟีฟ่า เป็นการตีความคลาดเคลื่อน ซึ่งหนังสือดังกล่าวไม่มีข้อความชี้ว่าให้ทำตามฟีฟ่าเลย โดย 3 บรรทัดสุดท้ายหนังสือระบุว่า "ขอให้สมาคมฟุตบอลฯดำเนินการจัดประชุมใหญ่พิเศษให้เป็นไปตามข้อบังคับของสมาคมฯ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง" แสดงว่าสิ่งใดที่สมาคมฯต้องการจะทำแล้วขัดกฎหมายไทยก็ไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ตามข้อบังคับสมาคมฟุตบอลฯ จะต้องส่งหนังสือแจ้งสโมสรสมาชิกให้ทราบล่วงหน้า 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง เท่ากับว่าหากพ้นวันที่ 10 กรกฎาคม ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้ง อาจเข้าข่ายผิดต่อข้อบังคับได้

ขณะที่ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า กกท.ต้องจัดเลือกตั้งในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ หากว่ายังไม่มีการดำเนินการใดๆ ตนจะแจ้งความดำเนินคดีกับ กกท. และกรมการปกครอง ตามมาตรา 157 ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทันที ทั้งนี้ สมาคมฟุตบอลเป็นของคนไทย ดังนั้น การเลือกตั้งก็ต้องทำตามกฎหมายไทย และภายหลังเลือกตั้งแล้วก็สามารถทำหนังสือชี้แจง และเปลี่ยนไปใช้ธรรมนูญใหม่ตามฟีฟ่าได้

ด้าน นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า ในเรื่องนี้แต่ละฝ่ายก็ตีความกันไป กกท.ส่งหนังสือเพื่อเป็นการกระตุ้นให้สมาคมฟุตบอลฯเร่งดำเนินการจัดการประชุมใหญ่พิเศษให้สโมสรสมาชิกได้ลงคะแนนเสียงรับรองแก้ไขข้อบังคับของสมาคมเท่านั้น ไม่ได้ให้ความเห็นชอบเรื่องใดทั้งสิ้น กกท.ยึดหลักกฎหมาย และสมาคมควรจะดำเนินการตามกฎหมายไทย และข้อบังคับของสมาคมฯ ดังนั้น ควรจะจัดประชุมใหญ่พิเศษโดยเร็วเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ หลังจากวันที่ 23 กรกฎาคม ถ้ายังหาข้อสรุปไม่ได้ กกท.จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ฝ่ายหนึ่งให้เปลี่ยนเป็น 72 เสียง ก็ต้องเข้าที่ประชุมเพื่อให้สโมสรสมาชิกเห็นชอบ หรืออาจเปลี่ยนแปลงให้มากกว่า 72 เสียงนั้นก็ทำได้ แต่ก็ต้องผ่านความเห็นชอบด้วย