ไทยแม่นเป้าพิชิตทอฟฟี่ชิงเอฟเอพรีเมียร์ลีก

ทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศศึกฟุตบอล 4 เส้า เอฟ.เอ.พรีเมียร์ลีก เอเชีย โทรฟี่ย์ สำเร็จ หลังดวลจุดโทษพิชิต ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ทีมดังจากเกาะอังกฤษไปได้ 5-3 โดยในเวลาปกติเสมอกัน 1-1

ศึกฟุตบอล 4 เส้า เอฟ.เอ.พรีเมียร์ลีก เอเชีย โทรฟี่ย์
ทีมชาติไทย 1-1 เอฟเวอร์ตัน
(ไทย ชนะจุดโทษ 5-3)

ศึกฟุตบอล 4 เส้าซึ่งนำสามทีมชั้นนำระดับพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น เอฟเวอร์ตัน , แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และโบลตัน วันเดอเรอร์ส เดินทางมาแข่งขันที่ประเทศไทย โดยในรอบรองชนะเลิศคู่แรก ทีมชาติไทย ชุดสู้ศึกซีเกมส์ในปลายปีนี้ลงปะทะแข้ง ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน โดยมีผู้ตัดสินระดับพรีเมียร์ลีกอย่าง มาร์ค แฮสเทิลเบิร์ก ลงทำหน้าที่ตัดสินเกม

บรรยากาศก่อนเกมการแข่งขัน แฟนบอลทั้งไทยและเทศกว่า 2 พันคน ทยอยเดินทางมาสู่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งแฟนคลับของเอฟเวอร์ตันในประเทศไทย ยกพลมานั่งจับกลุ่มเชียร์กันอย่างคึกครื้นราว 300 คน ส่วนแฟนชาวต่างชาติมีการเพนท์หน้าเป็นสีน้ำเงิน-ขาว ให้เห็นเป็นปะปรายแต่ก็ถือเป็นสีสันของเกมการแข่งขัน

ในส่วนของการแข่งขัน โค้ชหรั่ง ชาญวิทย์ ผลชีวิน วางระบบการเล่นของทีมชาติไทยเป็นแบบ 3-5-2 ไว้สู้กับเอฟเวอร์ตัน ทีมอันดับ 4 ของตารางพรีเมียร์ชิพ เมื่อฤดูกาลก่อน โดยมี ดัสกร ทองเหลา คอยปั้นเกมแดนกลางให้ ปิยะวัฒน์ ทองแม้น ศูนย์หน้าความหวังไล่ล่าตาข่าย

ด้าน เดวิด มอยส์ จัดการส่งทัพชุดใหญ่ลงสนามตามที่บอกไว้ตั้งแต่ต้น ที่น่าจับตามองคือ หลี่ เถีย มิดฟิลด์ทีมชาติจีน ลงทำเกมแดนกลางคู่กับ มิเกล อาร์เตต้า นักเตะชาวสเปน ซึ่งเพิ่งย้ายจากรีล โซเซียดัด มาสดๆ ร้อนๆ แต่ทีเด็ดที่แฟนๆ ชาวไทยต้องจับตามองเห็นจะเป็นการเล่นลูกโขกของ บิ๊กดั๊งก์ ดันแค่น เฟอร์กูสัน

แต่เริ่มเกมขึ้นมาขุนพลนักเตะไทยไม่ได้เกรงกลัวศักดิ์ศรีนักเตะเอฟเวอร์ตันแม้แต่น้อย เปิดเกมรุกเร้าใส่ทันที เกมเดินทางมาถึงนาทีที่ 8 ของการแข่งขัน แฟนฟุตบอลชาวไทยได้เฮกันลั่นสนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อพิชิตพงษ์ เฉยฉิว เลี้ยงเข้าไปยิงระยะ 30 หลา บอลพุ่งวาบผ่านมือมาร์ติน เสียบตาข่ายอย่างสวยงามส่งไทยขึ้นนำ 1-0

พอเสียประตู เอฟเวอร์ตัน ที่โดนลวงคอไปก่อน เปิดฉากบุกใส่เป็นการใหญ่ยังดีที่ไทยยังได้ โกสินทร์ เซฟจังหวะยิงไว้ได้สองครั้งสองครา นาทีที่ 17 ไทยเกือบจะได้ประตูนำห่างเมื่อ นพพล ได้บอลโต้กลับหลุดไปเกือบจะสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนตบย้อนให้ จักกริช ซัดด้วยซ้ายไม่เต็มบอลพุ่งผ่านหน้าประตูออกไปอย่างน่าเสียดาย

ผ่านครึ่งชั่วโมง เอฟเวอร์ตัน เริ่มผ่อนเกมลงไปเนื่องจากสภาพอากาศที่อบอ้าวทำให้นักเตะหลายๆ คนดูจะล้าลงไป สี่นาทีถัดมา ไทยเกือบจะได้ประตูนำห่างอีกครั้งเมื่อ ดัสกร ตัดสินใจยิงไกล มาร์ติน บินปัดมาเข้าทางสุรีย์ซ้ำไม่เต็ม มาร์ตินได้แต่ยืนดูแล้วแต่บอลดันพุ่งไปชนเสาไกลเต็มๆ

มาถึงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ความผิดพลาดของโกสินทร์ ที่เตะบอลไม่ขึ้นทำให้ไทยโดนเอฟเวอร์ตัน ตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ ออสแมน ฉกบอลก่อนแทงทะลุให้เบนท์ สลัดหนีการประกบของปรัชญ์ หลุดเข้าไปจิ้มบอลตุงตาข่ายง่ายๆ จบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ

เปิดฉากครึ่งเวลาหลัง เอฟเวอร์ตัน เริ่มคุมเกมบุกได้มากกว่า หนึ่งชั่วโมงผ่านไปเกือบจะได้ประตูนำเมื่อ เกียรติประวุฒิ มีข้อผิดพลาดสกัดบอลวืดทำให้ เบนท์ หลุดเข้าไปยิงด้วยขวาบอลเฉียดเสาออกไปไม่ห่าง เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย รูปเกมยังดำเนินไปแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเสียมากกว่า

ทีมชาติไทยมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นโดยส่ง ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย ด้านเอฟเวอร์ตัน เปลี่ยนตัวเช่นกันโดยมอยส์ส่ง เจมส์ วอห์น ศูนย์หน้าวัยกระเตาะลงมาเป็นอีกหนึ่งทีเด็ด และแฟนๆ เอฟเวอร์โตเนี่ยน เกือบจะได้เฮจากจังหวะลูกชุลมุนหน้าประตูไทยแต่ โยโบ ซัดไปติดแผงรับไทยออกหลังไป

ช่วงท้ายเกมกองเชียร์ฝั่งไทยได้ลุ้นถึงสองครั้ง เริ่มจากการยิงไกลของ ชาคริต บัวทอง ตัวสำรองแต่มาร์ติน ปัดทิ้งไปได้ ตามด้วยการยิงในกรอบเขตโทษของธีรเทพ แต่นายทวารเอฟเวอร์ตันยังล้มตัวรับไว้ได้ ครบ 90 นาที ทั้งสองทีมจึงเสมอกันไป 1-1 ต้องตัดสินด้วยการดวลลูกที่จุดโทษ ซึ่งก็ปรากฏว่า โยโบ ยิงพลาดในลูกที่สามของเอฟเวอร์ตัน ทำให้ไทยเอาชนะไปได้ 5-3

โดยทีมชาติไทย จะเข้าไปชิงชนะเลิศในวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2548 กับผู้ชนะระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ซึ่งจะแข่งขันกันในคู่ที่สอง ส่วนเอฟเวอร์ตัน ต้องไปเล่นในรอบชิงที่ 3

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ทีมชาติไทย : โกสินทร์ หทัยรัตนกุล , นพพล ปิตะฝ่าย , เกียรติประวุฒิ สายแวว , ปรัชญ์ สมัครราช , สุรีย์ สุขะ , จักกริช บุญคำ , ดัสกร ทองเหลา , พิชิตพงษ์ เฉยฉิว , สุเชาว์ นุชนุ่ม , สุชนม์ สงวนดี , ปิยะวัฒน์ ทองแม้น

เอฟเวอร์ตัน : ไนเจล มาร์ติน , โทนี่ ฮิบเบิร์ต , เดวิด เวียร์ , โจเซฟ โยโบ , เควิน คิลบาน , เจมส์ แม็คฟาดเด้น , หลี่ เถีย , มิเกล อาร์เตต้า , ลีออน ออสแมน , มาร์คัส เบนท์ , ดันแคน เฟอร์กูสัน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 กรกฎาคม 2548 21:02 น.

พิชิตพงษ์ เฉยฉิว ออกอาการปลื้มสุดขีดหลังกระหน่ำประตูสุดสวยช่วยให้ทีมชาติไทยขึ้นนำ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน 1-0 ก่อนจะจบลงด้วยชัยชนะในการดวลจุดโทษ 5-3 ในศึกฟุตบอล 4 เส้า เอฟ.เอ.พรีเมียร์ลีก เอเชีย โทรฟี่ย์ 2005

ทีมชาติไทย ชุดเตรียมทีมลุยศึกซีเกมส์ช่วงปลายปี ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสามารถยันเสมอ เอฟเวอร์ตัน ทีมดังจากเกาะอังกฤษ 1-1 ในเวลาปกติ 90 นาทีของเกมรอบรองชนะเลิศของศึก 4 เส้า เอฟ.เอ.พรีเมียร์ลีก เอเชีย โทรฟี่ย์ 2005 ก่อนดวลจุดโทษเอาชนะไปได้ 5-3

ภายหลังแมตช์การแข่งขัน พิชิตพงษ์ เฉยฉิว ผู้ทำประตูแรกของเกม ออกมาเผยด้วยความดีใจ ผมรู้สึกดีใจมากที่สามารถยิงประตูเอฟเวอร์ตันได้ในนัดนี้ ต้องถือว่าประตูดังกล่าวสวยที่สุดในชีวิตการค้าแข้งที่ผ่านมาก็ว่าได้ นอกเหนือจากนี้ ผมยังคิดว่าตัวเองได้ประสบการณ์อันล้ำค่ากับการได้ลงสนามพบกับทีมระดับพรีเมียร์ชิพ

ด้าน โค้ชหรั่ง ชาญวิทย์ ผลชีวิน หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย รู้สึกพอใจฟอร์มการเล่นของทีมชาติไทยเช่นกัน นี่ถือเป็นแมตช์ที่ต้องเกมไว้ในความทรงจำ ชัยชนะมันไม่ได้สำคัญไปกว่าการที่เราได้รับประสบการณ์อันล้ำค่า สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งคือ สภาพอากาศทำให้เราค่อนข้างได้เปรียบทางเอฟเวอร์ตัน แต่ก็ต้องชื่นชมเด็กของเราด้วยที่สู้ได้อย่างยอดเยี่ยม ต่อจากนี้เราจะมีการปรับปรุงทีมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อจะไปแข่งขันซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์ช่วงปลายปีนี้

ในส่วนของเอฟเวอร์ตันมีเพียงกุนซือ เดวิด มอยส์ เท่านั้นที่มานั่งแถลงข่าวหลังเกม ซึ่งมอยส์ยอมรับในความพ่ายแพ้แมตช์นี้ ผลการแข่งขันอาจจะไม่สำคัญนัก เพราะผมเน้นทดสอบพละกำลังและสภาพร่างกายของผู้เล่นเป็นหลัก ด้วยสภาพอากาศทำให้เราเป็นรองพอสมควร แต่ผมไม่คิดว่านี่คือข้ออ้าง อย่างไรก็ตาม ต้องชมว่านักเตะไทยโชว์ฟอร์มกันได้ดีทุกคน ไม่มีใครเด่นไปกว่าใครเลย

สำหรับ ทีมชาติไทย จะลงสนามในนัดชิงชนะเลิศวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2548 โดยจะพบกับผู้ชนะระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ที่แข่งขันในคู่ที่สองของวันที่ 20 ก.ค. 48 ส่วนเอฟเวอร์ตัน รอพบกับผู้แพ้ของเกมดังกล่าวในนัดชิงที่ 3