โรนัลโด นำทัพบู๊ แอตเลติโก มาดริด ในศึกชิงแชมป์ UCL

 โรนัลโด  นำทัพบู๊ แอตเลติโก มาดริด ในศึกชิงแชมป์ UCL

ศึกชิงถ้วยใบใหญ่สุดของยุโรปในระดับสโมสรอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เดินทางมาถึงเกมนัดชิงชนะเลิศแล้ว โดยคู่ชิงฤดูกาลนี้เป็นเกม "มาดริด ดาร์บี้แมตช์" เนื่องจากเป็นการโคจรมาเจอกันของ รีล มาดริด ยักษ์ใหญ่จาก ลา ลีกา เจ้าของแชมป์รายการนี้ 10 สมัย กับ แอตเลติโก มาดริด ทีมอริร่วมเมือง และถือเป็นการล้างตาหลังจากทั้งคู่เพิ่งเจอกันมาในรอบชิงชนะเลิศเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อน ซึ่งเป็น "ราชันชุดขาว" ที่เอาชนะไป 4-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลัง 90 นาทีเสมอกัน 1-1 โดยเกมนี้จะเล่นกันที่สนาม ซาน ซิโร ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ในคืนวันเสาร์ที่ 28 พ.ค. เวลา 01.45 น.



"ราชันชุดขาว" ภายใต้การคุมทีมของ ซีเนดีน ซีดาน ตำนานจอมทัพของทีมที่เพิ่งเข้ามารับงานเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ก็พาทีมทำผลงานได้ดี ด้วยการรั้งรองแชมป์ ลา ลีกา โดยมีแต้มตามหลัง บาร์เซโลนา แค่คะแนนเดียว ส่วนผลงานในถ้วยใบนี้ พวกเขาผ่านรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม A ส่วนในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเอาชนะ โรมา ด้วยประตูรวม 4-0 รอบ 8 ทีมสุดท้ายเชือด โวล์ฟสบวร์ก สกอร์รวม 3-2 ก่อนจะเฉือน แมนเชสเตอร์ ซิตี หวุดหวิดด้วยประตูรวม 1-0 ในรอบรองชนะเลิศ


ส่วนความพร้อมในเกมนี้ ซีดาน มีปัญหาตัวผู้เล่นบาดเจ็บรบกวนแค่ในรายของ ราฟาเอล วาราน ปราการหลังดาวรุ่งทีมชาติฝรั่งเศส ที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขา และชวดไปช่วยทีม "ตราไก่" ลุยศึก ยูโร 2016 ในถิ่นตัวเองไปเรียบร้อย ขณะที่ อัลบาโร อาร์เบลัว ที่จะอำลาทีมหลังจบซีซั่นนี้ ก็มีปัญหาเจ็บเข่า แต่ไม่น่าส่งผลกระทบ เพราะทั้งคู่ก็ไม่ใช่ตัวหลักของทีมอยู่แล้ว ส่วนตัวหลักคนอี่น ๆ พร้อมลงช่วยทีมทั้งหมด รวมถึง คริสเตียโน โรนัลโด ที่ก่อนหน้านี้มีอาการเจ็บเล็กน้อยจากการซ้อม แต่เจ้าตัวก็ออกมายืนยันแล้วว่าเจ้าตัวพร้อมลุยแน่นอน โดยการจัดทัพคาดว่า ซีดาน จะยังยึดระบบ 4-3-3 โดย เคย์เลอร์ นาบาส รับหน้าที่เฝ้าเสา เกมรับมี เซร์คิโอ รามอส กับ เปเป เป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ส่วนฟูลแบ๊กน่าจะใช้ มาร์เซโล กับ ดานี คาร์บาฆาล ประจำการ แผงมิดฟิลด์วาง ลูกา โมดริช ประสานงานกับ คาเซมิโร และ โทนี โครส ขณะที่แนวรุก "บีบีซี" มากันครบ ทั้ง แกเรธ เบล, คาริม เบนเซมา และ คริสเตียโน โรนัลโด


ด้าน "ตราหมี" ของกุนซือ ดีเอโก ซิเมโอเน จบฤดูกาลในอันดับ 3 ของตาราง ลา ลีกา โดยตามหลัง บาร์เซโลนา 3 แต้ม และตาม รีล มาดริด 2 คะแนน แต่ต้องบอกว่าเป็นการชวดแชมป์ที่น่าเสียดาย เพราะพวกเขามีลุ้นจนถึงนัดรองสุดท้ายของซีซั่น แต่ดันบุกไปแพ้ เลบันเต แบบพลิกล็อกทำให้หมดสิทธิ์ทันที ส่วนผลงานในถ้วยใบนี้ พวกเขาผ่านรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม C ขณะที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ด้วยการดวลจุดโทษ รอบ 8 ทีมสุดท้ายเชือด บาร์เซโลนา ด้วยประตูรวม 4-1 ก่อนจะเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิก ด้วยประตูรวม 3-1 ในรอบตัดเชือก


ความพร้อมในเกมนี้ ซิเมโอเน แทบไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บรบกวนเช่นกัน โดยมีแค่ มิติอัส คราเนวิตเตอร์ กับ โอลิเบร์ ตอร์เรส แค่ 2 คนเท่านั้นที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ทั้งคู่ก็ไม่ใช่ตัวหลักของทีมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวหลักคนอื่น ๆ พร้อมลงสนามช่วยทีมครบครัน โดยการจัดทัพเกมนี้ ซิเมโอเน จะยังใช้ระบบ 4-4-2 เข้าสู่ โดย แยน ออบลัค รับหน้าที่เฝ้าเสาเหมือนเดิม เกมรับใช้ ดีเอโก โกดิน กับ โฮเซ ฮิเมเนซ 2 ดาวเตะอุรุกวัยยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่กัน โดยมี ฆวนฟราน กับ เฟลิเป หลุยส์ เป็นฟูลแบ๊ก แผงมิดฟิลด์ใช้ กาบี เฟอร์นานเดซ กับ ออกุสโต เฟอร์นานเดซ ปักหลักตรงกลาง ขณะที่ โกเก กับ ซาอูล ญีเกซ รับหน้าที่ปั้เกมรุก ส่วนคู่กองหน้าเป็น อองตวน กรีซมันน์ จับคู่กับ เฟอร์นานโด ตอร์เรส


สำหรับผลงานการเจอกันของทั้ง 2 ทีมนั้น ในช่วงหลังเป็น แอตเลติโก มาดริด ที่ทำได้ดีกว่า โดยชนะถึง 7 เกมจากการเจอกัน 16 นัดหลังสุดในทุกรายการ ขณะที่ รีล มาดริด ชนะได้แค่ 2 เกมเท่านั้นจาก 12 นัดหลังสุดที่เจอกัน ขณะที่เกมลีกซีซั่นนี้เป็น แอตเลติโก มาดริด ที่ทำได้ดีกว่า โดยเสมอ 1-1 ในถิ่น ก่อนบุกชนะถึง ซานติอาโก เบร์นาเบว 1-0


ส่วนการเจอกันในถ้วยใบนี้ เป็น "ราชันชุดขาว" ที่ทำได้ดีกว่า โดยชนะได้ 4 เกมจากการเจอกัน 6 ครั้ง ขณะที่ แอตเลติโก มาดริด ชนะได้นัดเดียว โดยในรอบชิงชนะเลิศฤดูกาล 2013-14 นั้น รีล มาดริด เอาชนะ แอต. มาดริด 4-1 ในช่วงต่อเวลา หลัง 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ขณะที่ในรอบก่อนรองชนะเลิศของฤดูกาลที่แล้ว ก็เป็นรีล มาดริด ที่บุกยันเสมอ 0-0 ถึงถิ่นของ "ตราหมี" ก่อนที่เกมนัดที่ 2 จะกลับมาเปิดบ้านเฉือน 1-0 ทำให้เอาชนะไปด้วยประตูรวม 1-0

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์