โบโร่พลาดเอง!ยิงตัวดับส่งหงส์ขาวลิ่วตัดเชือกแคปิตัลฯ 1-0

ครึ่งแรก

       เริ่มเกมขึ้นมาช่วง 10 นาทีแรกทั้งสองฝ่ายที่ใช่นักเตะชุดใหญ่ลงบู๊กันเต็มที่ยังผลัดกันครองบอลอยู่กลางสนามและไม่สามารถสร้างโอกาสทำประตูกันได้เลยมีเพียงจังหวะโหม่งของจัตเคียวิซของทีมเยือนที่ไปเข้ามือของเทรมเมลรับสบายๆ นาทีที่ 12 เจ้าถิ่นมีโอกาสลุ้นพังตาข่ายครั้งแรกจากมิชูที่ได้สับไกลองเชิงดูบ้างแต่บอลไปติดบล็อคของกองหลังทีมเยือนออกมา

      เกมยังคงสู้กันที่แดนกลางเป็นส่วนใหญ่แต่มาถึงนาทีที่ 21 "โบโร่"ก็ได้ลุ้นอีกครั้งในจังหวะที่จัตเคียวิซแทงทะลุช่องไปให้ลีดบิตเตอร์ได้ยิงแต่ก็ยังไปตรงตัวของเทรมเมลที่ยืนตำแหน่งได้ดี นาทีที่ 35 "หงส์ขาว"น่าได้ประตูออกนำจากจังหวะที่เดอ กุซมานทำชิ่งกับบริตตันได้สวยก่อนจ่ายไปให้เบน เดวิสที่เติมขึ้นมาตรงริมเส้นด้านขวาก่อนเปิดมาให้เชชเตอร์ได้โขกเต็มๆแต่บอลพุ่งไปตรงตัวของสตีล

       ช่วงท้ายเกมครึ่งแรกทั้ง 2 ทีมยังเข้าใส่กันในแดนกลางเหมือนเดิมทำให้ดูเหมือนว่าจังหวะส่องประตูจะไม่ค่อยมีให้ลุ้นกันเสียเลย


ครึ่งหลัง

        ครึ่งหลังผ่านไป 5 นาทีมิดเดิ้ลสโบรช์ได้ลูกโต้กลับจากจังหวะเคลียร์ฟรีคิกได้ดีจัสติน ฮอยต์ลากบอลขึ้นมาตรงริมเส้นมีจังหวะได้เปิดสวยๆให้กับเพื่อนร่วมทีมแต่เจ้าตัวเลือกที่จะยิงเองทำให้บอลเบาแสนเบาไปเข้ามือของเทรมเมลสบาย"โบโร่"มาสู้ได้ดีเหลือเกินและได้ลุ้นอีกครั้งในนาทีที่ 62 เมื่อเลเดสม่าลากบอลขึ้นมาตรงริมเส้นก่อนเปิดมาให้จัตเคียวิซได้โขกระยะกว่า 14 หลาบอลเหินข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้น

       เกมมาถึงช่วงนาทีที่ 70 กลับมาเป็นสวอนซีที่ได้ครองเกมบุกกดดันบ้างและพวกเขาน่าจะได้จุดโทษในจังหวะที่คี ซุง-เยืองตัวสำรองไปโดนเซ้บ ไฮนส์ผลักล้มลงในกรอบแต่ไม่มีเสียงนกหวีดจากกรรมการ จนแล้วจนรอดทีมเยือนก็สู้กับความกดดันไม่ไหวมาเสียประตูจนได้ในจังหวะเตะมุมที่มังค์กับไฮนส์พยยาขึ้นแย่งโหม่งบอลกันแต่จังหวะสุดท้ายไปโดนฝ่ายหลังบอลเข้าประตูตัวเองไป

       หลังจากได้ประตูขึ้นนำ"หงส์ขาว"ก็พยายามเก็บบอลเอาไว้กับเท้าก่อนรักษาสกอร์เอาไว้ได้พร้อมตบเท้าผ่านเข้าไปเล่นในรอบตัดเชือกได้สำเร็จ