โด้แฮตทริก!ราชันอัด5-1นำต่อ,บาร์ซ่าคลั่ง!รัว8-0เมสซี่กด3

src=http://www.siamsport.co.th/_ImagesNews/101121H9X30480.jpg



        รารชันชุดขาว เรอัล มาริด ยังคงนำเป็นจ่าฝูงต่อไปหลังจากที่เปิดรังถล่ม แอธเลติก บิลเบา 5-1 ขณะที่ บาร์เซโลน่า ก็ระเบิดฟอร์มสุดยอด บุกไปถล่ม อัลเมเรีย เละคารัง 0-8 ทำแต้มตามจี้มาติดๆ ฟุตบอลลา ลีกา สเปน เมื่อคืนที่ผ่านมา


ฟุตบอลลา ลีกา สเปน
วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2553
อัลเมเรีย 0 - 8 บาร์เซโลน่า



สนาม : เอสตาดิโอ เด โลส ฆวยโกส เมดิเตร์ราเนโอ


 
     อัลเมเรีย ร่วงไปอยู่โซนตกชั้นแล้ว เนื่องจากฟอร์มย่ำแย่ ชนะแค่นัดเดียวในซีซั่นนี้ เกมนี้ขาด อัลเบิร์ต กรูซาต ปีกตัวจี๊ดที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า รวมทั้ง เอร์นาน เปเยราโน่ ที่เจ็บอยู่ก่อนแล้ว แต่ได้ โมแดสตร์ เอ็มบามี่ กองกลางแคเมอรูน ลงสนามได้
 
     ทางด้าน บาร์เซโลน่า รองจ่าฝูง ซึ่งชนะในลีกมา 5 นัดติด ไม่มี เอริก อบิดัล กองหลังฝรั่งเศสที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อขาฉีกระหว่างลงเล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศส นัดบุกไปเฉือนชนะ อังกฤษ 2-1 รวมทั้งพัก เคราร์ด ปิเก้ ที่มีใบเหลือง 4 ใบติดตัวเป็นแค่สำรองแล้วให้ อันเดรว ฟอนตาส กองหลังดาวรุ่งวัย 21 ปี ลงมายืนคู่กับ ปูโยล ในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟแทน
 
     สามประสานแนวรุกมี เปโดร โรดริเกซ, ลิโอเนล เมสซี่ และ ดาบิด บีย่า โดยมี ชาบี กับ อันเดรส อินียสต้า ปั้นเกม พร้อมให้ มาสเคราโน่ ตัดเกมแดนกลาง
 
     ออกสตาร์ทครึ่งแรกได้แค่นาทีเดียว บัลเดส นายทวารบาร์ซ่า เปิดยาวให้กับ ดาบิด บีย่า ซัดด้วยขวาไม่ผ่านการป้องกันของ ดีเอโก้ อัลเวส นายทวารอัลเมเรีย
 
     อย่างไรก็ตาม บาร์ซ่า มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ในนาทีที่ 16 จากจังหวะที่ ลิโอเนล เมสซี่ ยิงด้วยซ้ายจากระยะ 18 หลาบอลพุ่งเสียบตาข่ายให้ทีมเยือนนำก่อน 1-0
 
     สองนาทีต่อมา ทีมเยือนจากกาตาลันหนีไปเป็น 2-0 เมื่อกองหลังเจ้าถิ่นสกัดบอลมาเข้าทาง อันเดรส อิเนียสต้า หลุดไปยิงข้ามตัว ดีเอโก้ อัลเวส เข้าประตูไป
 
     เกมของอัลเมเรีย ช็อตไปดื้อๆและมาโดนประตูที่สามอีกในนาทีที่ 26  จากจังหวะที่ ดาบิด บีย่า ไหลบอลให้ แม็กซ์เวลล์ หลุดไปถึงเส้นหลังก่อนจะเปิดเรียดเข้าไปหน้าประตู ซานติอาโก้ อซาเซียเต้ กองหลังเจ้าบ้านสกัดพลาดบอลเข้าประตูตัวเองไปสงเคราะห์ให้ บาร์ซ่า นำขาด 3-0
 
     บาร์ซ่า ได้ใจบุกขยี้เป็นการใหญ่มาได้ประตูที่สี่อีกในนาทีที่ 34 แม็กซ์เวลล์ วางบอลยาวจากแดนหลังให้ เปโดร โรดริเกซ หลุดเข้าไปยิงสวนตัว อัลเวส เข้าไปให้ บาร์ซ่า ทิ้งห่าง 4-0
 
     สองนาทีต่อมา ทีมเยือนมาได้ประตูที่ห้า จากจังหวะที่ เปโดร โรดริเกซ ไหลบอลจากขวาเข้าเขตโทษให้ เมสซี่ ยิงจังหวะแรกติดตัว อัลเวส แต่ยังตามไปซ้ำเข้าไปไม่เหลือให้ บาร์เซโลน่า นำห่าง 5-0 เมื่อหมดครึ่งเวลาแรก
 
     มาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง บาร์ซ่า เก็บตัวแล้วถอด ชาบี ออกให้ เซย์ดู เกอิต้า ลงแทน พร้อมกับให้ ติอาโก้ อัลกานตาร่า ลงมาเล่นแทน อิเนียสต้า ด้วย
 
     มาถึงนาทีที่ 56 ทีมเยือนถอด เปโดร ออกแล้วให้ โบยาน เกร์กิช ลงมาเล่นแทน
 
     กระเถิบมาถึงนาทีที่ 62 บาร์ซ่า นำขาด 6-0 จากจังหวะที่ เมสซี่ ไหลบอลจากหน้าเขตโทษให้ โบยาน เกร์กิช ตัวสำรองพาบอลหนีแนวรับ 2-3 คนแล้วยกบอลข้าม ดีเอโก้ อัลเวส เข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น
 
     5 นาทีต่อมา ทีมเยือนมาได้ประตูที่เจ็ด โบยาน พาบอลขึ้นทางซ้ายแล้วไหลให้บีย่า ซัดด้วยซ้าย ดีเอโก้ อัลเวส นายทวารอัลเมเรีย รับกระฉอกเลยโดนเมสซี่ ซ้ำเข้าไปให้ทีมเยือนนำกระจาย 7-0 เป็นแฮททริคของเมสซี่ ในเกมนี้แล้ว
 
     ทีมเยือนไม่ยอมหยุดมาได้ประตูที่แปด ในนาทีที่ 73 จากจังหวะสวนกลับ เมสซี่ พาบอลมาจากกลางสนามก่อนไหลใส่พาให้ โบยาน ทางขวาแตะแล้วยิงง่ายๆ เข้าไปให้ บาร์ซ่า นำ 8-0
 
     ท้ายเกมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม บาร์เซโลน่า บุกมาถล่ม อัลเมเรีย ยับเยินสุดขีด 8-0 เก็บสามแต้มเต็ม
 

     รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
     อัลเมเรีย :
ดีเอโก้ อัลเวส - มิเชล มาเชโด้, การ์ลอส การ์เซีย, ซานติอาโก้ อซาเซียเต้ (กัปตันทีม), ฆวนม่า ออร์ติซ - โมแดสตร์ เอ็มบามี่, เอร์นาน เบร์นาร์เดโย่ - ปาโบล ปิอัตติ, มิเกล อังเคล โกโรน่า, ฟาเบียน วาร์กัส - เอน็อค กอยตอม

     สำรอง:
เอสเตบัน ซัวเรซ (ผู้รักษาประตู) - ไมเคิล ยาค็อบเซ่น, โฆเซ่ ออร์ติซ, คาลู อูเช่, มาร์เซโล่ ซิลวา, มิเกล อังเคล เนียโต้, มิเกล อังเคล ลูเก้
 
     บาร์เซโลน่า : บิคตอร์ บัลเดส - ดาเนียล อัลเวส, การ์เลส ปูโยล (กัปตันทีม), อันเดรว ฟอนตาส, แม็กซ์เวลล์ - ชาบี เอร์นานเดซ, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, อันเดรส อิเนียสต้า - เปโดร โรดริเกซ, ดาบิด บีย่า, ลิโอเนล เมสซี่

     สำรอง:
โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ (ผู้รักษาประตู) - เคราร์ด ปิเก้, อาเดรียโน่ คอร์เรอา, เซย์ดู เกอิต้า, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, ติอาโก้ อัลกานตาร่า, โบยาน เกร์กิช  
 
     ผู้ตัดสิน:
อันโตนิโอ รูบินอส เปเรซ
 
 


เรอัล มาดริด 5 - 1 แอธ.บิลเบา



สนาม : เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด


 


     เกมนี้ ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ไม่มี โชเซ่ มูรินโญ่ เทรนเนอร์คนเก่งชาวโปรตุกีส ที่ติดโทษแบนห้ามคุมทีมข้างสนามอีก 1 นัด เลยต้องขึ้นไปนั่งดูเกมบนอัฒจันทน์แทน แล้วให้ ไอตอร์ กาลันก้า ผู้ช่วยทำหน้าที่ข้างสนามแทน
 
     ส่วนตัวผู้เล่นไม่มี ริคาร์โด้ กาก้า, เอเซเกล การาย, เฟอร์นานโด กาโก้ และ เซร์คิโอ กานาเลส ที่เจ็บกันทั้งหมด
 
     แนวรุกใช้ อังเคล ดิ มาเรีย, เมซุต โอซิล และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้  เป็นสามประสานคอยสร้างโอกาสให้หัวหอกตัวเป้า กอนซาโล่ อิกวาอิน เข้าจบสกอร์
 
     ทาง แอธ.บิลเบา ต้องขาด การ์ลอส กูร์เปกี, กอยกิลี่ เลร์ชุนดี้ และ ชาบี กาสตีโย่ ที่ติดโทษแบนกันหมด โดยหัวหอกตัวเป้าวาง เฟร์นานโด ยอเรนเต้ กระทุ้งตาข่าย
 
     เปิดเกมขึ้นมาได้แค่ 2 นาที บิลเบา เกือบนำไปก่อนเมื่อ อันโดนี่ อิราโอร่า เปิดบอลให้กับ เฟร์นานโด ยอเรนเต้ หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาผ่าน กาซียาส ที่ออกมาบล็อค บอลจะเข้าอยู่แล้ว ทว่า เปเป้ ตามมาเตะทิ้งออกหลังไปได้ซะก่อน
 
     จากนั้นสี่นาที เรอัล ขึ้นเกมรุกมาบ้าง อังเคล ดิ มาเรีย เปิดบอลให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดด้วยขวาบอลสูงเกินไปไม่เข้ากรอบ
 
     อย่างไรก็ตาม เรอัล มาดริด มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้ในนาทีที่ 18 จากจังหวะที่ อังเคล ดิ มาเรีย ตวัดบอลด้วยซ้ายเข้าช่องให้กับ กอนซาโล่ อิกวาอีน พิงกองหลังบิลเบาเอาไว้ ก่อนจะสังหารด้วยขวาส่งบอลเข้าไปเสียบตาข่ายเป็นประตูที่ 7 ของ อิกวาอีน ใน ลา ลีกา ซีซั่นนี้ด้วย
 
     ทีมเยือนเกือบได้ประตูตีเสมอในสามนาทีให้หลัง มาร์เกล ซูซาเอต้า ได้ส่องด้วยขวาไปทางเสาสอง แต่ว่า อีเกร์ กาซิยาส ปัดไว้ได้ปลายมือบอลออกหลังไป
 
     แอธ.บิลเบา ยังสู้ได้ดีมีลุ้นในนาทีที่ 28 จากจังหวะที่ อีเกร์ มูเนียอิน เปิดบอลให้กับ ยอเรนเต้ พลิกตัวยิงด้วยซ้ายเล่นเอา กาซียาส ต้องปัดออกหลังไป
 
     ครึ่งชั่วโมงของเกม เจ้าถิ่นหนีห่างออกไปจากจังหวะที่ กอนซาโล่ อิกวาอีน เปิดบอลยาวจากกราบขวาออกมาทางด้านซ้ายให้กับ เมซุต โอซิล เบิ้ลบอลด้วยซ้ายจังหวะเดียวเข้ากลางให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่สอดเข้ามาพาบอลไปแปด้วยซ้ายเสียบเสาเข้าไปให้เรอัล มาดริด นำ 2-0 แล้ว และเป็นประตูที่ 12 ของโรนัลโด้ ใน ลา ลีกา ซีซั่นนี้
 
     เรอัล เดินเครื่องลุยต่อ โอซิล ลากบอลเข้ามาลูกมาทาง อิกวาอีน เกี่ยวมายิงเองด้วยขวาบอลหลุดเสาสองไป
 
     ข้ามมานาที 37 เจ้าถิ่นยังลุยหนัก โรนัลโด้ เปิดบอลให้กับ อังเคล ดิ มาเรีย ง้างยิงด้วยซ้ายไปเข้าซองของ กอร์ก้า อิไรซอซ นายทวารของบิลเบา
 
     อย่างไรก็ตามนาทีที่ 39 กลายเป็น แอธ.บิลเบา ที่ได้ประตูไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 จากจังหวะที่ อีกอร์ กาบิลอนโด้ เปิดจากซ้ายมาหน้าปากประตูของเรอัล โดน กาซียาส ปัดไว้นิดหนึ่ง บอลมาทาง อันโดนี่ อิราโอร่า ยิงด้วยซ้ายโดนไม่เต็มเท้าบอลยังปลิ้นมาทาง เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ตวัดยิงด้วยซ้ายจ่อๆเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูที่ 9 ของยอเรนเต้ ในลีกฤดูกาลนี้ หมดครึ่งแรก เรอัล มาดริด นำก่อน 2-1
 
     มาเล่นกันต่อในครึ่งเวลาหลัง บิลเบา เปลี่ยนเอา จอน อูร์เตเน็ตเซ่ กองหลังดาวรุ่งลงมาเล่นแทน อุสตาริตซ์ อัสตาร์ลัว
 
     บิลเบา เดินเกมได้ดีกว่า มาร์เกล ซูซาเอต้า ซัดฟรีคิกด้วยขวาบอลบเกือบจะเสียบตาข่ายอยู่แล้ว แต่ว่า กาซียาส ปัดออกไปได้ในนาทีที่ 54
 
     สามนาทีต่อมา เรอัล มาดริด มาได้ประตูที่สามในนาทีที่ 57 เมื่อ เซร์คิโอ รามอส โยนข้ามฟากมาทางด้านซ้ายให้กับ อังเคล ดิ มาเรีย ดึงบอลลงแล้วเลื้อยเข้าไปในเขตโทษโดน ซูซาเอต้า แซะล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที ก่อนที่ เซร์คิโอ รามอส จะขันอาสาขอยิงแทนเจ้าประจำอย่างโรนัลโด้ จากลูกจุดโทษ รามอส อัดด้วยขวาบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมมุมซ้ายเข้าไปให้ราชันชุดขาว นำ 3-1
 
     หนึ่งชั่วโมงของเกม แอธ.บิลเบา เปลี่ยนเอา อีเกร์ มูเนียอิน กองกลางดาวรุ่งที่มีอาการบาดเจ็บออกแล้วส่ง อินญิดก้ เปเรซ ลงมาเล่นแทน
 
     สองนาทีต่อมา เรอัล มาดริด มาได้ประตูที่สี่จากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดด้วยขวาบอลเสียบใต้คานเข้าไปงามหยดให้ราชันฯ นำกระจาย 4-1 และเป็นประตูที่ 13 ของโรนัลโด้ ในลา ลีกา ซีซั่นนี้ ขึ้นมานำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกร่วมกับ ลีโอเนล เมสซี่ แล้ว
 
     เกมรุกของเจ้าบ้านยังเหนือกว่าครบวงจร มีลุ้นอีกในนาที 64 รามอส โยนให้กับ กอนซาโล่ อิกวาอีน ตวัดยิงด้วยขวาหลุดเสาไปนิดเดียว
 
     เขยิบมานาทีที่ 68 เรอัล เปลี่ยนผู้เล่นบ้างให้ ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า ลงมาเล่นแทน ซามี่ เคดิร่า ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ
 
     ถัดมา 3 นาที เรอัล ได้ลุ้นจากจังหวะที่ ดิ มาเรีย โยนยาวขึ้นหน้าให้ อิกวาอีน หลุดเข้าไปแต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
 
     ท้ายเกมนาทีที่ 76 ชุดขาว เปลี่ยน อิกวาอีน ออกแล้วให้ คาริม เบนเซม่า กองหน้าดีกรีทีมชาติฝรั่งเศส ลงไปเล่นบ้าง
 
     เจ้าถิ่น น่าได้ประตูที่ห้าในนาทีที่ 77 เมื่อ โรนัลโด้ หลอกจน อมอเรเบียต้า หัวทิ่มก่อนจะยิงด้วยซ้ายหลุดเสาไกลไปอย่างน่าหวาดเสียว
 
     ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเจ้าถิ่นมาได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ เฟร์นานโด อมอเรเบียต้า ไปเตะ เอสเตบัน กราเนโร่ล้มลงในเขตโทษ แล้วก็เป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รับหน้าที่สังหารเข้าไปเป็นแฮตทริกเข้าเจ้าตัวในเกมนี้ แล้วก็เป็นประตูปิดท้ายให้ เรอัล มาดริด เปิดรังถล่ม บิลเบา ไปเละเทะ 5-1 นำเป็นจ่าฝูง ลา ลีกา ต่อไป พร้อมกับรักษาสถิติไม่แพ้ใคร 12 นัดติดต่อกันนับตั้งแต่ออกสตาร์ทฤดูกาลนี้

     รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
     เรอัล มาดริด :
อีเกร์ กาซียาส (กัปตันทีม) - เซร์คิโอ รามอส, เปเป้, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, มาร์เซโล่ วิเอยร่า - ชาบี อลอนโซ่, ซามี่ เคดิร่า - อังเคล ดิ มาเรีย, เมซุต โอซิล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - กอนซาโล่ อิกวาอิน
     สำรอง:
เยอร์ซี่ ดูเด็ค (ผู้รักษาประตู) - ราอูล อัลบิโอล, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า, เอสเตบัน กราเนโร่, เปโดร เลออน, คาริม เบนเซม่า
 
     แอธ.บิลเบา :
กอร์ก้า อิไรซอซ - อันโดนี่ อิราโอร่า, มิเกล ซาน โฆเซ่, อุสตาริตซ์ อัสตาร์ลัว, เฟร์นานโด อมอเรเบียต้า - ฆาบี มาร์ติเนซ, ปาโบล ออร์บาอิซ (กัปตันทีม) - มาร์เกล ซูซาเอต้า, อีเกร์ มูเนียอิน, อิกอร์ กาบิลอนโด้ - เฟร์นานโด ยอเรนเต้

     สำรอง:
ราอูล เฟร์นานเดซ (ผู้รักษาประตู) - จอน อูร์เตเน็ตเซ่, มิเกล บาเลนเซียก้า, อินญิโก้ เปเรซ, ดาบิด โลเปซ โมเรโน่, อันเดร์ อิตูร์รัสเป้, ยอน เบเลซ
 

     ผู้ตัดสิน:
อัลเบร์โต้ อุนเดียโน่ มาเยนโก้



สรุปผลฟุตบอลลาลีกา สเปน
- บียาร์เรอัล เสมอ บาเลนเซีย 1-1
- อัลเมเรีย แพ้ บาร์เซโลน่า 0-8
- เรอัล มาดริด ชนะ แอธเลติก บิลเบา 5-1


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์