โด้ควงโอซิลพาราชันเบียดท๊อฟฟี่เสียว 2-1 เข้าชิง

โด้ควงโอซิลพาราชันเบียดท๊อฟฟี่เสียว 2-1 เข้าชิง


โด้ควงโอซิลพาราชันเบียดท๊อฟฟี่เสียว 2-1 เข้าชิง 

เรอัล มาดริดเกือบเจอลูกตื้อของเอฟเวอร์ตันแต่อาศัยความเก๋าเบียดเอาชนะหวุดหวิด 2-1 จาก 2 ประตูในครึ่งแรกของคริสติอาโดน่ โรนัลโด้และเมซุต โอซิลตบเท้าเข้าชิงชนะเลิศชนะเลิศศึกอินเตอร์เนชั่นแนล 

รอบรองชนะเลิศศึกอุ่นเครื่องอินเตอร์เนชั่นแนลเกมนี้โรแบร์โต้ มาร์ติเนซกุนซือปรับทัพจากนัดแรกบางตำแหน่งหลังส่งจอนนี่ ไฮติงก้า,สตีเฟ่น เนย์สมิธและโคเน่ลงตัวจริง 
ด้าน"ราชันชุดขาว"ของคาร์โล่ อันเชล็อตติกุนซือคางทูมเปลี่ยนเยอะมากแต่ยังคงไว้ 2 สตาร์อย่างคริสติอาโน่ โรนัลโด้และอิสโก้ดาวเด่นจากนัดที่แล้ว 

ครึ่งแรก 
ราชันลุยก่อนแต่เอฟเกือบนำ 
ช่วงต้นเกมมาดริดมาค่อนข้างดุเพราะเปิดเกมรุกทำชิ่งจะฆ่าจะแกงกันเลยทีเดียวแต่เอฟเวอร์ตันสไตล์โรแบร์โต้ มาร์ติเนซเหมือนเก็บอาการเก่งใช้ทีมเวิร์คเข้าสู่และนาทีที่ 6 มิราญาสยึกยักหลอกมาเซโล่ตรงริมกรอบเขตโทษฝั่งขวาก่อนลากตัดเข้าในแล้วยิงด้วยอีซ้ายบอลบดเข้าข้างตาข่ายแบบเสียววาบ 

โด้ซัดตามน้ำข้ามคาน 
ยิ่งเล่นเหมือน"ท๊อฟฟี่"จะกลายเป็นฝ่ายคุมเกมได้ดีกว่านิดๆแล้วด้วยแต่นาที 11 มาดริดน่าขึ้นนำอย่างที่สุดจากจังหวะที่รามอสสาดยาวจากกลางสนามข้ามหัวดิสแต็งจนโรนัลโด้สอดขึ้นมาแล้วยิงตามน้ำตรงหน้าเขตโทษแต่บอลโด่งข้ามคานออกไปเอง 

โด้หลุดเดี่ยว มาดริดเฮ 1-0 
แต่แล้วนาที 16 มาดริดที่พยายามเจาะแนวรับเอฟเวอร์ตันด้วยการแทงทะลุช่องมา 2-3 หนก็สำริจผลจนได้หลังดิสแต็งเช็กออฟช้าเกินทำให้"โด้จิ๋ว"ไม่ล้ำก่อนหลุดไปดวลเดี่ยวกับฮาวเวิร์ดที่ปรี่ออกมาก่อนแตะหลบแล้วปาดยิงบอลค่อยๆไหลข้ามเส้นเข้าไป ราชัน 1-0 

ท๊อฟฟี่พอสู้ได้ 
ดูการเล่นของเอฟเวอร์ตันแล้วไม่ธรรมดาโดยเฉพาะเซนส์และการต่อบอลที่มาดริดเองวิ่งกันลิ้นห้อยและเกือบเสียจุดโทษหลังเคห์ดิร่าโดนมิราญาสโยกแล้วไปสะกิดล้มลงบนเส้นเขตโทษพอดีแต่กรรมการให้เป็นฟรีคิก 

พี่ฟูโขกอัดเสา 
นาที 25 ยอดทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์น่าจะตีเสมอได้หลังลูกเตะมุมเป็นเฟลไลนี่โผนโหม่งจากระยะแค่ 6 หลาบอลชนเสากระเด้งออกมาซะงั้น 

ดันสูง"ราชัน"ลงโทษ 2-0 
เอฟเวอร์ตันพยายามรุกเพื่อตีเสมออยู่พักนึงแต่มันก็แลกมาด้วยการที่แนวรับดันสูงจนถึงนาที 32 ก็มาสังเวยลูก 2 หลังโมดริชซึ่งได้บอลตรงกลางสนามเห็นโรนัลโด้ออกตัววิ่งเลยวางยาวข้ามแนวรับที่ดันมาถึงวงกลมกลางสนามเลยหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษก่อนใจกว้างป้ายให้โอซิลที่วิ่งทำตาถลนแปง่ายๆโล่งๆ 2-0 

เกมก็ยังเป็นมาดริดที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นที่เหนือกว่าลากคลึงแต่แนวรับขุนพลท๊อฟฟี่เมนยังช่วยกันได้ดีหมดครึ่งแรกสกอร์หยุดอยู่ที่ 2-0 พร้อมความเงียบหายของอิสโก้ที่คนฮือฮาฝุดๆในเกมแรก

ครึ่งหลัง 
มาดริดส่งดิ มาเรีย,มาเซ่มิโน่,ดานี่ คาร์บาฆาล,นาโช่ โรดริเกซ,ดิเอโก้ โลเปซและฟาบิโอ โคเอนเทราลงสนามส่วนเอฟเวอร์ตันเปลี่ยนตัวเดียคือนิกิก้า เยโลวิชแทนโคเน่ 
เกมของ"ท๊อฟฟี่"เริ่มได้ดีกว่าโดยพาบอลบุกเข้ามาในเขตโทษได้ 2-3 หนแต่ไม่มีครั้งไหนได้สับไกเลยเพราะผู้เล่นมาดริดเข้าบอลค่อนข้างไว 

ฮาวเวิร์ดบินงามโคตร 
นาที 57 "ราชันชุดขาว"น่าจะได้ประตูสุดสวยเอามากๆหลังดิ มาเรียได้ซัดไกลจากนอกเขตโทษแถมบอลไปแฉลบแนวรับเอฟเวอร์ตันแต่ฮาวเวิร์ดโชว์ซูเปอร์เซฟกระโดดบินปัดมือเดียวงามหยดย้อย 
เอฟไล่มาแล้ว 2-1 

อย่างไรก็ตามเกมที่เนือยๆของฝั่งเอฟเวอร์ตันกลายมาตีไข่แตกหน้าตาเฉยจากจังหวะที่โคลแมนเปิดบอลจากปีกขวาย้อยมาให้เนย์สมิธกระโดดโขกชงย้อนมาให้เยโลวิชที่แม้บอลย้อนหลังแต่โชว์ทักษะเอี้ยวตัววอลเลย์บอลผ่านมือโลเปซที่พุ่งสุดตัวไม่ถึงบอลชนเสามาโดนตัวค่อยๆกลิ้งเข้าไป 

เจ้าหนูราชันเกือบดัง 

นาที 67 มาดริดน่าจะหนีห่างออกไปหลังโฆเซ่เจ้าหนูดาวรุ่งกระชากเข้าเขตโทษแล้วแตะออกหนีตัวผู้เล่นเอฟสองคนแล้วเลือกยิงหักข้อเสาแรกทั้งๆที่อีกมุมเปิดกว้างจนฮาวเวิร์ดหลงทางแต่ยังดีที่ยื่นขาสกัดเซฟเอาไว้ได้ 

ดิ มาเรียกดเต็มเท้า 
อีก 5 นาทีต่อมารองแชมป์ลา ลีกาพลาดโอกาสอีกหนหลังโอซิลไหลบอลนิ่มๆมาให้ดิ มาเรียที่วิ่งทำทางตรงหน้าเขตโทษและไม่ยอมยิงซ้ายล็อกเข้าขวาก่อนตะบันยิงบอลข้ามคานออกไป 
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีอะไรมากรู้ไปก็เท่านั้นหมดเวลาเรอัล มาดริดเอาชนะ 2-1 เข้าชิงชนะเลิศรอพบผู้ชนะระหว่างเอซี มิลานกับเชลซี 

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 

เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด 5,เชมุส โคลแมน 6,ฟิล จาเกียลก้า 6,ซิลแวง ดิสแต็ง 5,เลจตัน เบนส์ 5,ลีออน ออสมัน 5,จอนนี่ ไฮติงก้า 4(กิ๊บสัน น.68),สตีเฟ่น เนย์สมิธ 6,มารูยาน เฟลไลนี่ 4(บาร์คลีย์ น.68),อารูน่า โคเน่ 3(เยโลวิข น.46),เควิน มิราญาส 6 
เรอัล มาดริด :อิเคร์ คาซิญาส 5(โลเปซ น.46,4),มาร์เซโล่ 5(โคเอนเทรา น.46,4),แซร์คิโอ รามอส 5,เปเป้ 5,อาร์เบลัว 4(คาร์บาฆาล น.46,4),ซามี่ เคห์ดิร่า 4,ลูก้า โมดริช 6(อเล็กซ์ น.46),อิสโก้ 5(ดิ มาเรีย น.46,5),มาซุต โอซิล 6,คริสติอาโน่ โรนัลโด้ 8*(เฆเซ่ น.60,4),คาริม เบนเซม่า 4(กาก้า น.71,6) 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์