โค้ชหรั่งไม่หวั่นญี่ปุ่นมั่นใจไทยเข้ารอบ 10 ทีมคัดบอลโลก

โค้ชหรั่ง ชาญวิทย์ ผลชีวิน หัวหน้าโค้ชทัพลูกหนังทีมชาติไทย ประกาศกร้าวไม่กลัวขุนพลซามูไร ญี่ปุ่น ในศึกคัดบอลโลก 2010 หลังต้องอยู่ร่วมสาย มั่นใจแข้งไทยผ่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 รอบแบ่งกลุ่ม โซนเอเชีย ที่มีการจับสลากแบ่งกลุ่มกันไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน 2550 โดยทัพลูกหนังทีมชาติไทยต้องอยู่ร่วมกลุ่มที่ 2 ซึ่งมีคู่แข่งสุดอันตรายอย่าง ญี่ปุ่น, โอมาน แล บาห์เรน

ภายหลังทราบผลการแบ่งกลุ่ม โค้ชหรั่ง ชาญวิทย์ ผลชีวิน หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชทีมฟุตบอลไทย กล่าวว่า จริงๆ แล้วผมอยากให้เราได้อยู่ร่วมสายกับออสเตรเลียมากกว่า เพราะเวลาที่เขามาเล่นในเอเชีย ก็มักจะโชว์ฟอร์มไม่ดีนัก ที่พูดแบบนี้ไม่ใชว่าออสเตรเลียไม่เก่ง เพียงแต่ว่ามักจะโชว์ฟอร์มไม่ดีในเวลาที่มาแข่งในเอเชียเท่านั้น อาจจะเป็นด้วยเรื่องของสภาพอากาศที่ไม่คุ้นเคยหรืออะไรก็แล้วแต่

การที่เราได้อยู่ร่วมสายกับ ญี่ปุ่น, โอมาน และ บาห์เรน ก็นับว่าหนักทีเดียว เพราะเราก็ทราบกันดีอยู่ว่ามาตรฐานของทีมอย่าง ญี่ปุ่น หรือว่า เกาหลีใต้ เขาค่อนข้างสูงมาก ขณะที่ บาห์เรน กับ โอมาน อาจจะมีชื่อชั้นเหนือกว่าเราอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ห่างไกลกันมาก เราก็พอมีโอกาสเบียดเหมือนกัน เพราะเกมฟุตบอลมันก็ลูกกลมๆ เอาแน่อะไรไม่ได้ หัวหน้าโค้ชชาวไทย กล่าว

ทั้งนี้ อาจารย์หรั่ง ยังได้กล่าวถึงโอกาสเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายโซนเอเชียด้วยว่า มีความเป็นไปได้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าทีมอื่นจะอยู่เหนือกว่าเรามากมาย ที่ต้องยอมรับอีกอย่างหนึ่งคือ ทีมไทย เวลาเล่นในบ้านนี่ถือว่าเล่นได้ดีมาก ถ้าเราเปิดบ้านเสมอกับ ญี่ปุ่น ได้แล้วไปเก็บเอา 3 คะแนน จาก โอมาน และ บาห์เรน มันก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ขณะที่เกมนัดเยือนเราก็ต้องรัดกุมเป็นพิเศษถ้าบุกไปเสมอ โอมาน หรือ บาห์เรน ได้อีก โอกาสเราก็มี ถามว่าตอนนี้พอเห็นสายฟุตบอลโลกแล้วกลัวใครบ้าง บอกตามตรงว่าเรามีเป้าหมายที่ 10 ทีมสุดท้ายโซนเอเชียมาก่อนแล้ว ดังนั้น การต้องเจอกับญี่ปุ่นมันก็ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะถ้าไม่เจอญี่ปุ่น มันก็อาจจะต้องเจอเกาหลีใต้ หรือ ซาอุฯ อยู่ดี ดังนั้นเราคงไม่ต้องกังวลอะไร ขอให้ทุกคน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตั้งใจทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เราจะผ่านไปได้แน่นอน

ขณะเดียวกัน โค้ชหรั่ง ยังกล่าวถึงการเตรียมตัวของทีมชาติไทยด้วยว่า ตอนนี้เราต้องเน้นเรื่องทั้งรับ และรุกให้ดี ให้แน่นอน เพราะการต้องเจอกับฟุตบอลระดับนี้มันไม่ง่ายแล้ว เหมือนที่ผมเคยพูดอยู่เสมอว่าในฟุตบอลโลก ไม่มีอะไรง่ายเลย มันไม่ใช่แค่นักเตะเท่านั้นที่ต้องตั้งใจเล่น ตั้งใจซ้อม มันหมายถึงการทำการบ้านของผู้จัดการทีม ของผู้ช่วยผู้จัดการทีม ของผู้ฝึกสอนอย่างผม ซึ่งที่ผ่านมาทางทีมงานของคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้จัดการทีมมีการเตรียมทีมกันมาอย่างดี มีการหาข้อมูลกันตลอด ซึ่งก็หวังว่าเราคงจะทำได้ดีอีกครั้ง ตามเป้าหมายที่วางไว้