แอลเบเนีย คว้าชัยประวัติศาสตร์ พร้อมถีบ ผีดิบ กลับบ้าน

แอลเบเนีย คว้าชัยประวัติศาสตร์ พร้อมถีบ ผีดิบ กลับบ้าน

การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. เป็นนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ ที่สนามปาร์ก โอลิมปิก ลียง เมืองลียง "ผีดิบ"โรมาเนีย พบกับ แอลเบเนีย

สำหรับสถานการณ์ของทั้งคู่ โรมาเนียมี 1 แต้ม จากการแพ้ฝรั่งเศส 1-2 และเสมอสวิตเซอร์แลนด์ 1-1หากชนะนัดนี้ด้วยสกอร์ห่างอย่างน้อย 2 ประตูขึ้นไป ขณะเดียวกันต้องภาวนาให้ สวิตเซอร์แลนด์แพ้ฝรั่งเศส ก็จะพลิกแซงผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่มทันที หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องชนะเกมนี้ไว้ก่อนอยู่ดี แล้วไปลุ้นเข้ารอบด้วยโควต้าหนึ่งในอันดับ 3 ที่ดีที่สุด

ด้านแอลเบเนียลงเตะ 2 นัดยังไม่มีแต้ม แพ้ต่อสวิตเซอร์แลนด์ 0-1 และแพ้ฝรั่งเศส 0-2 หมดสิทธิ์ลุ้นเข้ารอบจากโควต้า 2 อันดับแรกของกลุ่มแล้ว แต่ยังมีลุ้นเป็นหนึ่งในอันดับ 3 ที่ดีที่สุดถ้าชนะเกมนี้ได้

สำหรับรายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงทั้งสองทีมมีดังนี้
โรมาเนีย (4-2-3-1) : ชิเปรียน ทาทารูซานู - คริสเตียน ซาปูรานู, ดรากอส กริกอเร่, วลาด คิริเคส(กัปตันทีม), อเล็กซานดรู มาเทล - อังเดร เปรเปลิต้า, โอวิดู โฮบาน - อาเดรียน โปปา, นิโคเล สตานชิอู, บ็อกดาน สตานคู - เดนิส อลิเบ็ก

แอลเบเนีย (4-5-1) : เอตริต เบริช่า - เอลเซอิด ฮีไซ, อาร์ลินด์ อาเยตี, เมอร์กิม มาฟไร, อันซี อกอลลี(กัปตันทีม) - อันดิ ลิลา, อามีร์ อบราชี่, มิเจน บาช่า, เลดิอาน เมมูไช, เออร์มีร์ เลนยานี่ - อาร์มานโด้ ซาดิคู

แอลเบเนีย คว้าชัยประวัติศาสตร์ พร้อมถีบ ผีดิบ กลับบ้าน

เริ่มเกมโรมาเนียเป็นฝ่ายเขี่ยบอล และได้ทักทายก่อน จาก นิโคเล สตานชิอู มีโอกาสลากบอลเข้าไปสับไกยิงหน้ากรอบ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป ถึงนาทีที่ 5 อาเดรียน โปปา ของโรมาเนียโดนทำฟาว์ลเต็มแรงกลางสนาม ผู้ตัดสินควักใบเหลืองแจก มิเจน บาช่า ของแอลเบเนีย เป็นคนแรกของเกม

เกมรุกยังเป็นโรมาเนียที่โหมบุกมีโอกาสกดเต็มๆสามสี่ครั้ง แต่บอลยังโดนสกัดออกมาอย่างน่าเสียดาย เป็นโอกาสให้แอลเบเนีย รอจังหวะสวนกลับเร็ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้จะแจ้งเช่นกัน

เกมผ่านไปยี่สิบนาที แนวรับของแอลเบเนียต้องทำงานหนัก แต่ยังคงทำหน้าที่สกัดการบุกไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แถมยังมีโอกาสพาบอลขึ้นมาหน้ากรอบเขตโทษของโรมาเนียด้วยเช่นกัน เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้พังประตูคู่แข่ง

นาที 22 แอลเบเนียน่าจะได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะ ขึ้นเกมรุกจ่ายทางกราบขวาก่อนปาดมาเสาสองทางกราบซ้ายให้เพื่อน แต่ เออร์มีร์ เลนยานี่ ที่เติมขึ้นมาชาร์จ เผาขนกลับงัดบอลเหินข้ามคานไปอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่จังหวะจากนั้นเป็นต้นมา นักเตะแอลเบเนียเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น และมีโอกาสโต้ขึ้นมาเป็นระลอก นาที 33 เลนยานี่ พาบอลเข้าไปถึงกรอบเขตโทษของโรมาเนีย แต่ก็มัวแต่เลี้ยงบอลหมุนรอบตัวเองหลบผู้เล่นตระกูลผีดิบ จนชวดโอกาสยิงไปอย่างน่าเสียดาย นาทีต่อมา แอลเบเนียได้เตะมุม แต่ มิเจน บาช่า กลับเข้าชาร์จโล่งๆ แปบอลโด่งขึ้นฟ้าไปอย่างเสียของ

ถึงนาที 43 กองเชียร์แอลเบเนียได้เฮกันลั่น จากจังหวะเติมเกมรุกทางด้านขวา แล้วโยนบอลข้ามฟากมากราบซ้าย อาร์มานโด้ ซาดิคู เทกตัวขึ้นโหม่งบอลน้อยกลับไปเสาสอง ลูกย้อยเข้าประตูกลายเป็นสกอร์ให้ แอลเบเนีย ขึ้นนำอย่างสวยงาม 1-0 และยังเป็นประตูประวัติศาสตร์ลูกแรกของแอลเบเนียในการแข่งขันฟุตบอลยูโรรอบสุดท้ายอีกด้วย จบครึ่งแรกแอลเบเนียนำ 1-0

เริ่มครี่งหลัง


 ผ่านไปไม่ถึงห้านาที โรมาเนียหวิดจะเสียประตูที่สองถึงสองสามครั้งซ้อนๆ โชคดีที่ แอลเบเนียขาดความเฉียบคมในการจบสกอร์

นาที 55 โรมาเนีย จำต้องเปลี่ยนผู้เล่น เมื่อ เดนิส อลิเบ็ก มีอาการเจ็บจากจังหวะเบียดปะทะกับนักเตะแอลเบเนีย ต้องออกหามจากสนาม กาเบรียล ทอร์เฆ ลงเล่นแทน

นาที 57 แอลเบเนีย เปลี่ยนผู้เล่นบ้าง ดึง ซาดิคู ผู้ทำประตูออก ส่ง เบคิม บาไล ลงแทน นาที 75 โรมาเนียเกือบจะได้ตีเสมอ เมื่อ ทอร์เฆ พาบอลหลุดเข้าหวดเต็มข้อแต่บอลกลับชนเสาบริเวณเหลี่ยมแฉลบออกไปอย่างน่าเจ็บใจอีกครั้ง

แอลเบเนีย คว้าชัยประวัติศาสตร์ พร้อมถีบ ผีดิบ กลับบ้าน

นักเตะผีดิบพยายามบุกหนัก แต่ก็โดนสวนกลับตลอด จนทดเวลาเจ็บออกไปถึงห้านาที ก็ยังทำอะไรกันไม่ได้จบเกม แอลเบเนีย เฉือนชนะ โรมาเนีย ไปในที่สุด 1-0 ส่งผลให้ นักเตะตระกูลผีดิบตกรอบกลับบ้าน เนื่องจากมีแค่ 1 แต้มจาก 3 นัด ขณะที่ แอลเบเนียคว้าชัยประวัติศาสตร์นัดแรกในยูโรรอบสุดท้าย เก็บเพิ่มเป็น 3 แต้ม ยังมีลุ้นเข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุด

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์