เกียรติประวัติอย่างหนึ่งที่น่ากล่าวขวัญสำหรับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ หนีไม่พ้นเรื่องการลงเล่นให้ทีมชาติ
ยิ่งถ้าได้โอกาสรับใช้ชาติถึงหลัก 100 นัด ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีขึ้นไปอีก เพราะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่จะมาแตะหลักนี้ได้
การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ อาจจะเจอทั้งปัญหาอาการบาดเจ็บ ฟอร์มตก หรือมีคู่แข่งที่ฟอร์มการเล่นดีกว่าอยู่เสมอ
คน ที่จะลงเล่นให้ทีมชาติถึง 100 นัด ต้องครบเครื่องจริงๆ ทั้งเรื่องความสม่ำเสมอในการเล่น และการรักษาสภาพร่างกายให้อยู่ในระดับสูงสุด
เมื่อคืนวันอังคารที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา มีนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษอีกรายที่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้เช่นกัน
แฟรง ก์ แลมพาร์ด กองกลางจอมตะบันไกลจากค่าย "สิงโตน้ำเงินคราม"เชลซี ด้วยวัย 35 ปี แต่ยังคงเป็นแกนหลักของต้นสังกัด รวมถึงทีม "สิงโตคำราม"อังกฤษ ก่อนจะลงสนามครบ 100 นัดได้สำเร็จในการลงสนามพบกับยูเครน ในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนยุโรป
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาถึงจุดนี้ แลมพาร์ดเพิ่งจะเป็นนักเตะ "สิงโตคำราม" รายที่ 8 ที่รับใช้ชาติครบ 100 นัด
โดย เจ้าของสถิติติดทีมชาติอังกฤษมากสุด คือ ปีเตอร์ ชิลตัน ผู้รักษาประตู 125 นัด, เดวิด เบ๊กแฮม อดีตกองกลางชื่อดัง 115 นัด, บ๊อบบี้ มัวร์ ตำนานที่นำอังกฤษคว้าแชมป์โลก 1966 จำนวน 108 นัด เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตั้น 106 นัด บิลลี่ ไรต์ 105 นัด แอชลีย์ โคล และ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 104 นัด ซึ่งสองคนหลังยังคงเล่นอยู่ และมีโอกาสเพิ่มสถิติของตัวเอง
ที่ น่าชื่นชมอีกอย่าง ด้วยตำแหน่งของแข้งจอมเก๋ารายนี้ที่ต้องใช้พละกำลังอย่างสูงในทุกเกมที่ลง สนาม การจะหากองกลางที่ยืนระยะในระดับสูงได้เป็นเวลานานจึงถือว่ายากมาก ไหนจะต้องเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บอีกด้วย
น่ายกย่องว่า แลมพาร์ดเป็นนักกีฬาที่มีความเป็นมืออาชีพสูง สามารถรักษาสภาพความฟิตไว้ได้จนถึงวัยป่านนี้
ติดทีมชาติครั้งแรกด้วยวัย 21 ปี เมื่อต.ค. 1999 ในเกมกระชับมิตรกับเบลเยียม ตอนนั้นยังค้าแข้งอยู่กับเวสต์แฮม
ส่วนผู้จัดการทีมชาติในตอนนั้นเป็น เควิน คีแกน ก่อนจะเป็น "สิงโตคำราม" ที่ชนะไปได้ 2-1 แลมพาร์ดได้ลงเล่นไป 76 นาที
ประตู แรกในทีมชาติ แลมพาร์ดยิงได้ในเกมกระชับมิตรกับโครเอเชีย เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2003 โดยตะบันไกล 25 หลาเสียบมุมอย่างสวยงาม เป็นลูกตอกฝาโลงให้ทีมเอาชนะไปได้ 3-1
เข้าสู่เดือน มิ.ย. 2004 เป็นครั้งแรกที่แลมพาร์ดได้สัมผัสทัวร์นาเมนต์ใหญ่กับทีมชาติ ในการแข่งขันยูโร 2004 รอบสุดท้าย ซึ่งแข้งรายนี้ช่วยพาทีมเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนจะพ่ายดวลจุดโทษเจ้าภาพ โปรตุเกส เล่นฟุตบอลโลกอีก 2 สมัยในปี 2006 และ 2010 รวมถึงศึกยูโร 2012
ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยังสม่ำเสมอ รวมถึงสภาพร่างกายที่ยังฟิตปั๋ง คาดว่าแข้งรายนี้จะมีลุ้นไปเล่นฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายด้วย
นี่คือ"ตำนาน"ทีมชาติอังกฤษอีกคนหนึ่ง
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
