แมนนี่ ปาเกียว ด่านต่อไปหลังแชมป์ 7 รุ่น?

สิ้นเสียงประกาศให้ แมนนี่ ปาเกียว กลายเป็นแชมป์โลกรุ่นเวลเทอร์เวท ขององค์กรมวยโลก (ดับเบิลยูบีโอ) คนใหม่ หลังชนะทีเคโอ มิเกล ค็อตโต้ คู่ชกชาวเปอร์โตริกัน ในยก 12 ที่ลาสเวกัส เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ผู้ชม 16,200 คน ในเอ็มจีเอ็ม แกรนด์ การ์เด้น ต่างตะโกนประสานเป็นเสียงเดียวกันว่า

"เราจะเอาฟลอยด์! เราจะเอาฟลอยด์!"

...เป็นการอ้างถึง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ แชมป์โลก 5 รุ่น ผู้เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดหากเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ก่อนหน้าจะมีคนยกย่องปาเกียวขึ้นครองตำแหน่งดังกล่าว

โอกาสการพบกันระหว่างยอดนักชกทั้งสองอาจยังไม่ชัดเจนในตอนนี้ แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความร้อนแรงของวีรบุรุษนักชกชาวฟิลิปปินส์ถือเป็นที่สุดของวงการมวยโลกยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง

เนื่องเพราะชัยชนะเหนือค็อตโต้เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (ตามเวลาประเทศไทย) ได้ส่งให้เจ้าของฉายา "แพ็คแมน" เป็นนักมวยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถครองบัลลังก์แชมป์โลก 7 รุ่น

เส้นทางประวัติศาสตร์ของนักชกตากาล็อกวัย 30 ปี เริ่มต้นจากตำแหน่งแชมป์โลก รุ่นฟลายเวทของสภามวยโลก (ดับเบิลยูบีซี) ด้วยการชนะน็อค ฉัตรชัย สาสกุล เมื่อปี 1998 ต่อด้วยแชมป์โลก รุ่นซุปเปอร์แบนตัมเวทของสหพันธ์มวยนานาชาติ (ไอบีเอฟ) ในอีก 3 ปีถัดมา

นอกจากนี้ยังมีแชมป์โลก รุ่นซุปเปอร์เฟเธอร์เวทของดับเบิลยูบีซี (มีนาคม 2008) รุ่นไลต์เวทของดับเบิลยูบีซี (มิถุนายน 2008) รุ่นไลต์เวลเทอร์เวทขององค์กรมวยนานาชาติ (ไอบีโอ) (พฤษภาคม 2009) จนมาถึงแชมป์ล่าสุดดังกล่าว ซึ่งหากนับแค่นี้จะเป็น 6 พิกัดน้ำหนัก แต่ระหว่างทางยังมีตำแหน่งแชมป์โลกนอกสารบบของนิตยสารมวยชื่อดัง ริง แมกกาซีน ซึ่งปาเกียวเคยเป็นแชมป์โลก รุ่นเฟเธอร์เวท (ปี 2003) รุ่นซุปเปอร์เฟเธอร์เวท (ปี 2008) และ รุ่นไลต์เวลเทอร์เวท (ปี 2009) มาแล้วด้วย

ผลงานอันน่าทึ่งของเขานอกจากตัวเลขชนะ 50 ครั้ง (ชนะน็อค 38 ครั้ง) แพ้ 3 ครั้ง เสมอ 2 ครั้ง และแชมป์โลก 7 รุ่นดังกล่าวแล้ว ยังต้องมองในรายละเอียดของชัยชนะแต่ละครั้งว่าคู่ชกของเขาล้วนไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็น ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า ที่ตัดสินใจแขวนนวมหลังปราชัย หรือ ริคกี้ ฮัตตัน อดีตแชมป์ที่ชาวเมืองผู้ดีภาคภูมิใจก็โดนหมัดของปาเกียวจนหมดสภาพมาแล้ว

และไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กสุดที่ปาเกียวเคยชกอย่างรุ่นฟลายเวท (112 ปอนด์) ไปจนถึงรุ่นใหญ่สุดคือเวลเทอร์เวท (147 ปอนด์) เขาก็สามารถคว้าชัยเหนือคู่ต่อสู้ได้อย่างเหนือชั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่การเลื่อนรุ่นด้วยการเพิ่มน้ำหนักนั้นไม่ใช่เรื่องหมูๆ สำหรับนักชกอาชีพเลยสักนิดเดียวก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เมื่อโดนตั้งคำถามว่ามีโอกาสที่เขาจะขยับรุ่นไปลุ้นแชมป์โลกพิกัดน้ำหนักที่ 8 หรือไม่ ปาเกียวกลับตัดบทว่า "นี่เป็นรุ่นสุดท้ายสำหรับผมแล้วครับ" แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว

ริคาร์โด้ โลอิส คอลัมนิสต์จากเว็บข่าว เอ็กแซมไมเนอร์ ดอท คอม อ้างถึงบทวิเคราะห์ของ ริค รีโน่ เกจิมวยชื่อดังว่า การเจรจาดรีมไฟต์ระหว่างปาเกียวกับเมย์เวทเธอร์อาจไม่ง่ายอย่างที่หลายคนคาด
แต่แน่นอนว่า บ๊อบ อารัม โปรโมเตอร์ของปาเกียวคงไม่ปล่อยให้ชื่อของแพ็คแมนหายไปจากสื่อนานนัก เพราะฉะนั้นเขาก็อาจนำเสนอความเป็นไปได้ที่น่าสนใจอย่างการลุ้นแชมป์ประวัติศาสตร์ 8 รุ่นขึ้นมา

ส่วน "เหยื่อ" เอ๊ย! คู่ชกเข้าเค้าสักหน่อยก็อาจจะเป็น ยูริ โฟร์แมน นักมวยชาวอิสราเอลในสังกัดของอารัม ที่เพิ่งคาดเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นไลต์มิดเดิลเวท (154 ปอนด์) ของสมาคมมวยโลก (ดับเบิลยูบีเอ) มาสดๆ ร้อนๆ วันเดียวกับปาเกียวนี่เอง!

แม้จะใหญ่กว่าปาเกียวอยู่รุ่นหนึ่ง แต่ด้วยสถิติการชนะน็อคเพียง 8 ครั้งจาก 29 ไฟต์ ทำให้หลายคนมองว่าโฟร์แมนไม่น่าจะเป็นอุปสรรคที่น่าหนักใจสำหรับปาเกียวแต่อย่างใด ดังนั้น หากการเจรจาไฟต์ประวัติศาสตร์ "ปาเกียว VS เมย์เวทเธอร์" ไม่บังเกิดผลในเร็ววันอย่างที่หลายคนรอคอย ก็อาจมีไฟต์คั่นเวลาอย่างเช่นการสร้าง "ประวัติศาสตร์" อีกหน้าดังที่กล่าวมาแล้วก็ได้

เรื่องนี้ปาเกียวก็ให้สัมภาษณ์เปิดทางไว้แล้วว่า เขาเป็นนักมวย หน้าที่ของเขาคือการชก ส่วนจะชกกับใครนั้น เป็นหน้าที่อารัมที่จะจัดมา ขณะที่ เฟรดดี้ โร้ช เทรนเนอร์ชาวอเมริกันของปาเกียวฟันธงให้แล้วว่า ขึ้นสังเวียนครั้งหน้า คู่ชกของลูกศิษย์เขาต้องเป็นเมย์เวทเธอร์อย่างแน่นอน!

หากเอ่ยถึงความสำเร็จของปาเกียวในยุคหลัง แล้วไม่ให้เครดิตโร้ชสักนิดคงไม่ได้ เขาคนนี้เป็นอดีตนักมวยอาชีพซึ่งผันตัวเองมาเป็นเทรนเนอร์ และมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคนหนึ่งในวงการ โดยเป็นคนเดียวที่เคยได้รับรางวัลเทรนเนอร์ยอดเยี่ยมมาแล้ว 3 สมัย

โร้ชบอกว่าปาเกียวถือเป็นนักมวยคนที่ 24 ที่เขาปั้นจนถึงตำแหน่งแชมป์โลกได้ โดยเคล็ดลับการสอนของเขาออกจะต่างจากเทรนเนอร์มวยคนอื่นอยู่สักหน่อย นั่นคือแทนที่จะจับ "จุดอ่อน" ของคู่ต่อสู้ โร้ชจะพิจารณาว่า "นิสัย" ของอีกฝ่ายคืออะไร โดยให้เหตุผลง่ายๆ ว่า "จุดอ่อนมันแก้กันได้ แต่นิสัยจะติดตัวไปไม่หายครับ"

เช่น ค็อตโต้ชอบชกสไตล์ไหน ติดนิสัยจะต้องปล่อยหมัดเป็นจังหวะอย่างไร ชอบเดินสืบเท้าข้างไหนก่อน ฯลฯ เหล่านี้คือสิ่งละอันพันละน้อยที่ช่วยให้การวางแผนการชกง่ายขึ้น และเงื่อนไขสำคัญอยู่ที่การทำให้คู่ชกไม่สามารถชกตามสไตล์ที่ตัวเองถนัดได้ ซึ่งนั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ปาเกียวคว้าชัยชนิดค็อตโต้หมดสภาพ

โร้ชกล่าวถึงปาเกียวว่า เป็นนักชกที่มีทุกอย่างเกือบจะครบสมบูรณ์ หน้าที่ของเขาคือการเสริมร่างกายนักชกชาวฟิลิปปินส์ให้แข็งแกร่งขึ้น

...เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเจอคู่ชกคนไหน ในรุ่นพิกัดใด จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับแพ็คแมนทั้งนั้น!

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์