เฮนโด้นำชัย 1-0 หงส์ลิ่วแชมป์กลุ่ม

"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลปิดฉากรอบแบ่งกลุ่มยูโรป้า ลีกสุดสวยด้วยตำแหน่งที่หนึ่งหลังบุกเอาชนะอูดิเนเซ่ที่เหลือ 10 ตัวท้ายเกมจากประตูชัยชัยของจอร์แดน เฮนเดอร์สันก่อนกอดคอกับอันจิเข้ารอบน็อกเอาท์เฮฮากันไป


              "หงส์แดง"ลิเวอร์พูลหวังเก็บ 3 แต้มให้ได้เท่านั้นก็จะได้ผ่านเข้ารอบแบบไม่ต้องไปลุ้นผลอีกคู่หนึ่งทำให้รอดเจอร์สจัดทัพใหญ่ลงสนามทันทีขาดแค่เจอร์ราร์ดกับแอกเกอร์ 2 แกนหลักเท่านั้น เปเป้ เรน่าได้ลงเฝ้าเสาเหมือนเคยโดยให้เจมี่ คาร์ราเกอร์ลงมาแทนตำแหน่งของแอกเกอร์เคียงข้างกับสเคอร์เทลส่วนแบ็ค 2 ข้างมีเอ็นริเก้กับจอห์นสันประจำตำแหน่ง แดนกลางมีนูริ ซาฮินได้กลับมาลงสนามคู่กับอัลเลนและเฮนเดอร์สันตรงกลางสนามมีซูโซ่กับดาวนิ่งทำเกมริมเส้นให้ซัวเรซคอยทะลวงประตู

            ด้านเจ้าถิ่นอูดิเนเซ่ตกรอบไปแน่นอนแล้วทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องเน้นอะไรโดยพวกเขาดร๊อปอันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ดาวยิงตัวเก่งไว้ข้างสนามปล่อยให้ดีเอโก้ แฟบบรินี่กับโรแบร์โต้ เปเรยร่าล่าตาข่าย

ครึ่งแรก

     ซาฮินเดี้ยงแต่หัววัน

           เริ่มเกมขึ้นมา 10 นาทีแรกทั้ง 2 ทีมยังครองบอลบุกใส่กันแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่สามารถหาช่องเจาะตาข่ายกันได้มากนักแต่เมื่อมาถึงนาทีที่ 12 "หงส์แดง"ต้องเปลี่ยนตัวเร็วเพราะซาฮินมีอาการเจ็บเหมือนจมูกแตกจากจังหวะปะทะในช่วงต้นเกมจนต้องส่งเชลวี่ย์ลงสนามมาแทน

     ผลัดกันส่องคนละที

          มาถึงนาทีที่ 15 ซูโซ่ลากบอลตัดเข้ามาในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนง้างยิงด้วยซ้ายข้างถนัดแต่บอลไปติดเซฟของปาเดลลี่

นาทีถัดมาเป็นเจ้าถิ่นได้โต้กลับเร็วมาทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนได้เปิดบอลเข้ามาให้ราเนกี้ได้โขกตรงกลางประตูแต่โดนบางไปทำให้บอลเลยออกเสาสอง

     เฮนโด้เบิกร่องหงส์ทะยานนำ

         มาถึงนาทีที่ 23 ลิเวอร์พูลได้ประตูที่ต้องการจนได้ในจังหวะที่ดาวนิ่งเปิดลูกเตะมุมมาให้ซัวเรซได้โหม่งต่อไปให้ซูโซ่ตรงเสาสองก่อนส่งคืนกลับมาให้เฮนเดอร์สันวิ่งเข้ามายิงนิ่มๆในกรอบเขตโทษด้านขวาบอลพุ่งเข้าไปทางเสาแรกเป็นประตูนำให้ทีมและประตูแรกของเขาในฤดูกาลนี้ด้วย

     แฟบบรินี่ลากเดี่ยวยิงติดเรน่า

        เกมล่วงเลยมาถึงนาทีที่ 34 แฟบบรินี่มีจังหวะลากเบียกกับอัลเลนตั้งแต่กลางสนามเข้าไปล็อคหลอกคาร์ราเกอร์หนึ่งจังหวะก่อนสับไกด้วยขวาระยะกว่า 25 หลาแต่ยังไม่ผ่านเรน่าที่้ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้

     อาเบะลากสุดเส้น"หม่อมเหยิน"ชาร์จไม่ทัน

     "หงส์แดง"มีลุ้นอีกครั้งในจังหวะที่เอ็นริเก้ได้ลากบอลไถจนสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนตบเข้ามากลางหมายจะให้ซัวเรซเข้าชาร์จแต่ปาเดลลี่ยังออกมาตัดเอาไว้ได้หวุดหวิด

     ซัวเรซตีลังกายิงสุดสวย

      ก่อนหมดเวลา 2 นาทีซัวเรซได้โอกาสยิงเต็มข้อในจังหวะที่ซูโซ่แทงบอลทะลุช่องมาให้เขาในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่คุมบอลไม่ดีทำให้บอลไม่เข้ากรอบ

      ในช่วงนาทีสุดท้ายลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุมก่นที่จะเปิดเข้ามากลางสนามให้ซัวเรซเบียดกับกองหลังเจ้าถิ่นกระเด็นไปก่อนมีโอกาสจักรยานอากาศซัดบอลเต็มๆแต่ไปตรงตัวของปาเดลลี่ที่ปัดออกหลังไปได้นิดเดียวไม่งั้นเสียบคานไปแล้ว

ครึ่งหลัง

      มันน่านัก...ซูโซ่หลุดเดี่ยวยิงออกเฉย

       เริ่มเกมมาเพียง 2 นาทีซัวเรซพยายามลากบอลมาตรงกลางประตูก่อนถวายพานไปให้ซูโซ่หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่กลับยิงไม่ดีบอลปลิ้นหลังเท้าขวาออกไปแบบไม่ได้ลุ้น ถัดมาอีกนิดเดียวดาวนิ่งได้เติมขึ้นมาริมเส้นด้านซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางกองหลังเจ้าถิ่นเคลียร์ออกมาไม่ขาดซัวเรซวิ่งเข้ามาสับตูมเดียวนอกกรอบเขตโทษบอลพุ่งแรงแต่หลุดคานไปนิดเดียวเท่านั้น

     เฮนโด้ยิงอีก...ยังไม่ได้

      นาทีที่ 65 เฮนเดอร์สันเกือบบวกประตูที่ 2 ของตัวเองได้เมื่อวิ่งสอดเข้ามาตรงกลางประตูก่อนได้ยิงเต็มๆแต่กลับไปตรงตัวของปาเดลลี่ที่ปัดทิ้งไปได้อีกครั้ง

     ปาเดลลี่โคตรเซฟหงส์ยังไม่ทิ้ง

       อะไรกันงานนี้....ซัวเรซได้บอลล็อคหนีกองหลังเจ้าถิ่นไปหมดแล้วได้ล่อเป้าปาเดลลี่โล่งๆหน้าปากประตูแต่ดาวยิงอุรุกวัยดันยิงไปติดเซฟเสียอย่างนั้นได้เพียงแค่ลูกเตะมุม

     ปาสกวาเล่โดนแดง...เจ้าถิ่นเหลือ 10 คน

       นาทีที่ 79 อูดิเนเซ่มาเหลือเพียง 10 คนจนได้เมื่อปาสกวาเล่มาได้ใบเหลืองที่ 2 จากจังหวะเข้าบอลทะเล่อทะล่าใส่สเตอร์ลิ่งที่พลิกบอลไปได้แล้วจนทำให้โดนตะเพิดออกจากสนามไปก่อนเพื่อน

      หงส์มีหนาวน้าเล่ลงสนาม

       แผงหลัง"หงส์แดง"ต้องระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิมอีกโขเมื่อฟรานเชสโก้ กุยโดลินส่งไม้เด็ดอย่างอันโตนิโอ ดิ นาตาเลลงสนามมาหวังทวงประตูตีเสมอในช่วง 5 นาทีสุดท้าย

      ตัวแสบ!ดินาตาเล่ซัดเต็มตีน...หงส์เกือบร่วง

     ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายอูดิเนเซ่เกือบทำฝันของทีมเยือนล่มสลายเมื่อดิ นาตาเล่ที่เพิ่งได้ลงสนามมาเกือบโชว์ทีเด็ดกระหน่ำยิงเต็มๆตีนบอลผ่านเรน่าไปแล้วแต่กลับเหินข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้น

      แต่จนแล้วจนรอด"หงส์แดง"ก็สามารถรักษาสกอร์ไว้ได้พร้อมกับกอดคออันจิผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 32 ทีมสุดท้ายแม้ทีมจากรัสเซียจะโดนยัง บอยส์ถล่ม 3-1 ในเกมสั่งลาก็ตาม

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์