เหล่ากุนซือตกงานในปีกระต่าย


ใครๆก็คิดว่าพอผ่านปีเสือดุ หรือปี 2010 ไปแล้ว เรื่องร้ายๆ แต่ก็ยังมีเรื่องราววุ่นวายไม่เลิกในปีกระต่าย หรือปี 2011 ไม่ได้พูดเรื่องการเมืองนะครับ แต่ผมหมายถึงวงการลูกหนังในลีกยักษ์ใหญ่ยุโรป ซึ่งเพียงแค่ 46 วันของปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงโค้ขไปแล้ว 12 คน 



ไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับสถิติการไล่โค้ชออกเฉลี่ยเกือบ 4 วันต่อหนึ่งคน แต่ที่เป็นเช่นนั้นเพราะฤดูกาลนี้ลีกใหญ่หลายแห่งของยุโรป มีเรื่องพลิกความคาดหมายเกิดขึ้นมากมาย ไม่มีใครคิดมาก่อนหรอกว่า ลิเวอร์พูล ยักษ์หลับของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะออกสตาร์ทได้ย่ำแย่ หรือ เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท กับ เฟาเอฟแอล โวล์ฟสบวร์ก แชมป์บุนเดสลีกา เยอรมัน ปี 2007 และ 2009 จะเจอช่วงเวลาที่เลวร้ายด้วยการหล่นไปอยู่โซนท้ายตาราง เหมือน อาแอส โมนาโก ซึ่ง 10 ปีก่อนยังคว้าแชมป์ลีก เอิง ฝรั่งเศส ได้อยู่เลย แต่ตอนนี้มีสิทธิ์ร่วงไปเล่นลีก เดอซ์ เสียแล้ว

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110215D9N9S.jpg
รอย ฮ็อดจ์สัน



 



พรีเมียร์ลีกเปลี่ยนกุนซือกลางฤดูกาล 2010-11 ไปแล้ว 4 คน โดย 3 รายโดนไล่ออก อีกหนึ่งเป็นการลาจากกันด้วยความยินยอมทั้งสองฝ่าย ซึ่งก็คือ รอย ฮ็อดจ์สัน ตอนพ้นตำแหน่งจากลิเวอร์พูล ในความหมายมันคือการไล่ออกนั่นแหล่ะ แต่เผอิญ หงส์แดง เขามีวัฒนธรรมไม่ไล่ผู้จัดการทีม เลยเลี่ยงบาลีไม่ใช่คำนั้น และกุนซือวัย 63 ปีเป็นโค้ชพรีเมียร์ลีกรายแรกซึ่งถูกอัปเปหิ โดยมีผลในวันที่ 8 มกราคม และพวกเขาแต่งตั้ง เคนนี่ ดัลกลิช เข้าแทนทันทีนั่นเอง ตอนนั้นลิเวอร์พูลอยู่อันดับ 12 และผ่านมาหนึ่งเดือน พวกเขาขึ้นสู่อันดับ 6 ถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนกุนซือแล้วได้ผลอย่างยิ่ง แต่ฮ็อดจ์สันแย่จริงหรือเปล่า ถ้ามองดูผลงานในอดีต คงไม่ใช่อย่างนั้น แถมมีกี่คนที่ตกงานเดือนเดียวแล้วได้งานใหม่ในลีกเดิม มีโค้ชชาวอังกฤษกี่คนที่ไปคุมทีมชาติอื่นในยุโรปถึง 2 แห่ง ฮ็อดจ์สันอาจไม่เหมาะคุมสโมสรใหญ่จะถูกว่า อ็อตโต้ เรห์ฮาเก้ล ก็มาอีหรอบเดียวกัน

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110215G8N0S.jpg
โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ



 



อีกรายจากพรีเมียร์ลีกที่โดนเด้ง คือ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ โค้ชชาวอิตาเลียนวัย 40 ปี เขาถูก เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน สั่งปลดเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2011 เพราะพาสโมสรหล่นไปอยู่อันดับ 16 ทั้งๆเป็นผู้ช่วยนำกลับขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกในฐานะรองแชมป์ฟุตบอลลีก แชมเปี้ยนชิพ ตอนเวสต์บรอมวิชไล่เขาออก แฟนบอลเป็นฝ่ายตำหนิสโมสรด้วยซ้ำ เพราะผลงานของอดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลีรายนี้ ไม่ได้เลวร้าย บอร์ดบริหารทำอย่างกับว่าพวกเขาดีเกินกว่าจะอยู่โซนท้ายตาราง ทั้งๆความจริงเวสต์บรอมวิชไม่ได้เก่งกาจมากมาย แต่ ดิ มัตเตโอ ยังปลุกปั้นให้ชนะถึง 40 เสมอ 19 จาก 83 แมตช์ที่เขานำทัพ เสียเพียง 19 ประตูเท่านั้น แถมเจ้าตัวได้ตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายน 2010 แถมบุกไปยันเสมอ 2-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด เหตุผลเดียวซึ่งทำให้โดนปลดคือชนะหนเดียวใน 10 เกมล่าสุด และคนที่มาแทนคือฮ็อดจ์สัน

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110215C8R9O.jpg
ราล์ฟ รังก์นิค



 



การปลด ดิ มัตเตโอ และแต่งตั้งอดีตกุนซือ ลิเวอร์พูล ขึ้นมาแทน ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะ ส่วนมากเกรงว่าจะทำให้ผลงานของเวสต์บรอมวิช เหมือนกรณี เทเอสเก 1899 ฮอฟเฟ่นไฮม์ เลือกแยกทางกับ ราล์ฟ รังก์นิค ผู้อุตส่าห์เข็นสโมสรขึ้นสู่บุนเดสลีกาหนแรกในประวัติศาสตร์ ในฐานะรองแชมป์ลีกาสองเมื่อปี 2008 ตอนนั้นเป็นการเลื่อนชั้นรวดเดียว 2 ฤดูกาลซ้อน แต่ไปๆมาๆนโยบายขายนักเตะเพื่อพยุงการเงินของสโมสร ทำให้ต้องขออำลาจากกันด้วยความยินยอมทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 2 มกราคม เขาคือเทรนเนอร์บุนเดสลีการายเดียวในทั้งหมด 6 คน ซึ่งไม่ได้พ้นตำแหน่งกลางฤดูกาลเพราะถูกไล่ออก ผู้มาแทนคือ มาร์โค เพซไซอูโอลี่ ที่ไม่มีประสบการณ์คุมสโมสรระดับอาชีพ แต่เคยเป็นโค้ชทีมชาติเยอรมัน ชุดอายุต่ำกว่า 15, 16, 17 และ 18 ปี ตอนนั้นฮอฟเฟ่นไฮม์อยู่อันดับ 8 เช่นเดียวกับในตอนนี้ แต่อนาคตหลายฝ่ายเชื่อว่าคงได้อันดับเลข 2 ตัว

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110215I4S5P.jpg
สตีฟ แม็คคลาเรน



 



อีก 2 รายจากบุนเดสลีกาที่โดนไล่ออกในปีนี้คือ สตีฟ แม็คคลาเรน กับ มิชาเอล ฟร้อนท์เซ็ค รายแรกถึงแม้มีดีกรีเป็นถึงอดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ แต่เมื่อเข้ากับสโมสรใหม่ไม่ได้ พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง แถมผลงานยังห่วยอีก เลยโดนไล่ออกไปเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ หลังอยู่เยอรมันได้ไม่กี่เดือน ขณะโวล์ฟสบวร์กอยู่อันดับ 12 และคนมาคุมชั่วคราวคือ ปิแอร์ ลิทท์บาร์สกี้ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมัน ชุดแชมป์โลกปี 1990 ขณะตัวแทนจริงๆน่าจะเป็นรังก์นิก แต่คงไม่ช่วยให้สโมสรแห่งนี้กลับไปยิ่งใหญ่เหมือนเมื่อวันวานได้อีก เพราะสตาร์คนสำคัญๆต่างย้ายออกไปหมดแล้ว

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110215H0M3P.jpg
มิชาเอล ฟร้อนท์เซ็ค



 



ส่วนฟร้อนท์เซ็คถูกปลดเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ เพราะช่วยให้มึนเช่นกลัดบัคจมบ๊วยครึ่งฤดูกาล แม้ช่วงหลังดูเหมือนจะกลับมาได้จากการเล่นนอกถิ่น แต่ผลที่ไม่เคยชนะใครในถิ่น ทำให้อดีตกองหลังทีมชาติเยอรมัน กลายเป็นโค้ชลีกเมืองเบียร์รายที่ 6 ที่พ้นจากตำแหน่ง และวันเดียวหลังปลดคนเก่า มึนเช่นกลัดบัคก็ได้โค้ชใหม่ทันที ซึ่งก็คือ ลูเซียง ฟาร์ฟ ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำปี 2006 กับ 2007 ของสวิตเซอร์แลนด์ และเทรนเนอร์แห่งปี 2009 ของเยอรมัน แต่การจะช่วยให้สโมสรแห่งนี้อยู่รอดในบุนเดสลีกาต่อไปสำเร็จหรือไม่ คงต้องลุ้นกันเหนื่อยแน่นอน เพราะสภาพของทีมค่อนข้างแย่ ตอนฟาร์ฟโดน แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ปลดจากตำแหน่งเมื่อปี 2009 พวกเขาอยู่อันดับ 18 เหมือนกัน และต่อให้เปลี่ยนกุนซือ ก็ไม่ช่วยให้สโมสรรอดการลงสู่ลีกาสอง หนล่าสุดที่มึนเช่นกลัดบัคตกชั้นเมื่อ 4 ปีก่อน ก็เปลี่ยนโค้ชช่วงครึ่งฤดูกาลหลังแบบนี้

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110215J7S9L.jpg
มิเกล อังเคล ปอร์ตูกัล



 



ทางฝั่งสเปน มีการเปลี่ยนกุนซือกลางฤดูกาล 6 คนเช่นกัน ทั้งหมดโดนไล่ออก ไม่มีการจากกันด้วยดี รายแรกในปี 2011 คือ มิเกล อังเคล ปอร์ตูกัล ที่ถูก อาห์ซัน อาลี ซาเย็ด เจ้าของสโมสร ราซิ่ง ซานตานแดร์ คนใหม่ ชาวอินเดีย สั่งปลดจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ หลังหล่นมาอยู่อันดัล 16 กุนซือวัย 55 รายนี้คืออดีตนักเตะ เรอัล มาดริด ชุดแชมป์ลีก และสแปนิช คัพ ปี 1980 และเคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค และกุนซือชั่วคราวของสโมสรดังกล่าว เขาคุมราซิ่งมาแล้วครึ่งหนึ่งระหว่างปี 2006-07 และรอบ 2 ก็อยู่ตั้งแต่ 19 พฤศจิกายน 2009 หลังสโมสรไล่ ฮวน คาร์ลอส มานเดีย แต่คราวนี้คนที่มาแทนปอร์ตูกัลคือ มาร์เซลินโญ่ การ์เซีย โตรัล ซึ่งเคยคุมสโมสรจากถิ่น เอล ซาร์ดิเนโร่ มาแล้วรอบหนึ่งช่วงปี 2007-08 แต่จะช่วยให้ราซิ่งอยู่รอดหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110215B9Q6N.jpg
โฮเซ่ อันโตนิโอ คามาโช่



 



หนึ่งสัปดาห์ต่อมา โอซาซูน่า ก็โละ โฮเซ่ อันโตนิโอ คามาโช่ อดีตผู้เล่น และโค้ช เรอัล มาดริด อีกราย ออกจากตำแหน่งกุนซือ เพราะพาต้นสังกัดหล่นไปอยู่อันดับ 18 หลังพ่าย เรอัล โซเซียดาด เจ้าบ้าน 0-1 เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ โดย โฮเซ่ หลุยส์ เมนดิลิบาร์ ซึ่งเมื่อต้นปีกลาย เพิ่งโดน บายาโดลิด สั่งปลดจากตำแหน่งโค้ชเช่นกัน เข้ามาสวมตำแหน่งแทน สำหรับคามาโช่ ที่เคยคุมทีมชาติสเปน ช่วงปี 1998-2002 และตกรอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2002 มารับช่วงต่อจาก โฮเซ่ อังเคล ซิกานด้า ในโอซาซูน่า เมื่อ 13 ตุลาคม 2008

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110215J4Q7Q.jpg
ฌอง กีย์ วัลเลมม์



 



ในลีก เอิง ฝรั่งเศส ฌอง กีย์ วัลเลมม์ ลาออกจากตำแหน่งโค้ช อาร์เซ ล็องส์ เมื่อ 2 มกราคม หลังต้นสังกัดหล่นไปอยู่อันดับ 19 แถมผลงานการกุมบังเหียน 106 นัดของเขา เฉลี่ยทำได้เกมละแต้มครึ่งเท่านั้น โดยวันเดียวกันสโมสรก็แต่งตั้ง ลาซโล โบโลนี่ อดีตกุนซือทีมชาติโรมาเนีย เข้ามาคุมแทนทันที โดยวัลเลมม์ วัย 43 ปี คืออดีตกองหลังที่ค้าแข้งในถิ่น สต๊าด เฟลิกซ์ โบลลาร์ กว่า 400 นัดในลีก ก่อนจะก้าวมาคุมทีมเมื่อปี 2008 ถึงแม้ลาออกจากการเป็นโค้ช แต่ 18 วันหลังจากนั้น ล็องส์ยังให้เขาทำหน้าที่แมวมอง เพราะเห็นเป็นคนเก่าคนแก่ของสโมสร

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110215E9T9S.jpg
กีย์ ลากมบ์





อาแอส โมนาโก ปลด กีย์ ลากมบ์ กุนซือวัย 55 ปี ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ หลังพาพวกเขาตกรอบ เฟร้นช์ คัพ 2 วันก่อนหน้านั้น เพราะแพ้ในการดวลจุดโทษ ชอมเบรี่ ทีมระดับลีกดิวิชั่น 5 ทั้งๆอดีตหัวหอกทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์โอลิมปิก 1984 รายนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อฟุตบอลถ้วยก็ตาม ส่วนอันดับในลีกก็อยู่ที่ 4 จากบ๊วย แต่หลังเปลี่ยนให้ โลร็องต์ บานิด ลูกหม้อของสโมสร ซึ่งเคยเป็นโค้ชที่ สต๊าด หลุยส์ เดอซ์ ช่วงปี 2006-07 เข้ามาคุมทัพรอบ 2 โมนาโกเพิ่งชนะหนเดียวจาก 4 แมตช์ และอยู่อันดับ 18 ในลีก เอิง

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110215E5M0R.jpg
มาร์โค จามเปาโล






ฝั่งกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี มาร์โค จามเปาโล กุนซือชาวอิตาเลียน แต่เกิดที่สวิตเซอร์แลนด์ แยกทางกับสโมสร คาตาเนีย เมื่อ 18 มกราคม ด้วยความยินยอม เพราะทำผลงานช่วงครึ่งฤดูกาลแรกอย่างน่าผิดหวังกระทั่งหล่นมาอยู่อันดับ 15 ทั้งๆเพิ่งถูกแต่งตั้งให้มาคุมทัพแทน ซินิซ่า มิไฮโลวิช กุนซือชาวเซอร์เบียน เมื่อ 30 พฤษภาคม ปีกลาย และหนึ่งวันให้หลังมีการแต่งตั้ง ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอาร์เจนตินา เข้ามาแทน โดยจามเปาโล วัย 43 ปี ผ่านประสบการณ์โดน กายารี่ กับ เซียน่า ไล่ออกมาแล้วเมื่อปี 2006 และ 2009 ตามลำดับ

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110215A7S2R.jpg
มาริโอ เบเร็ตต้า






ขณะเดียวกัน มาริโอ เบเร็ตต้า ต้องเปลี่ยนงานคุมทัพครั้งที่ 15 หลังจากโดน เบรสชา ปลดจากตำแหน่งโค้ชเมื่อ 30 มกราคม หลังพ่าย คิเอโว่ คาบ้าน 0-3 จนหล่นสู่อันดับ 19 เพื่อให้ จูเซ็ปเป้ ยาคินี่ ซึ่งพาสโมสรแห่งนี้เลื่อนชั้นขึ้นจากเซเรีย บี ด้วยการเตะเพลย์ออฟ เข้ามารับงานแทน ทั้งๆเพิ่งมาเป็นนายใหญ่ค่ายนี้เมื่อ 6 ธันวาคม แทนยาคินี่ อย่างงนะครับคือก่อนหน้า 6 ธันวาคม ยาคินี่คือกุนซือเบรสชา หลังจากนั้นเป็นเบเร็ตต้า วัย 51 ปี แต่อยู่ได้แค่ 55 วัน เบรสชาเอายาคินี่กลับมาใหม่ อิตาลีชอบทำแบบนี้ประจำ

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110215D5P7S.jpg
จามปิเอโร่ เวนตูร่า






จามปิเอโร่ เวนตูร่า กุนซือมือเก๋าวัย 63 ปี จำต้องอำลา บารี่ สโมสรลำดับที่ 17 ในอาชีพการคุมทัพ ด้วยความยินยอมเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ หลังอยู่กันนาน 2 ปี แต่สุดท้ายต้นสังกัดกลับจมอยู่อันดับบ๊วย เพราะการบาดเจ็บของหลายราย แถมการซื้อขายนักเตะก็ไม่ค่อยดี จนชนะหนเดียวในรอบ 4 เดือน อยู่ห่างจากอันดับที่ปลอดภัยไม่ตกชั้นถึง 9 คะแนน และ บอร์โตโล่ มุตติ จอมพเนจรวัย 56 ปี รับช่วงต่อทันที แต่หลายท่านคงจำได้ว่าฤดูกาลก่อน เขาเคยตกชั้นกับ อตาลันต้า มาแล้ว และเขาก็ได้สัญญาแค่จบฤดูกาลนี้เท่านั้น


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์