เสือใต้หืด1-1,ผี-ปืนถลุงยับชปล.

\"เสือใต้\" บาเยิร์น มิวนิค หวิดเสียท่าคาบ้านเมื่อต้องไล่ตามตีเสมอ ลียง อย่างหืดจับ 1-1 ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่พลาดจัดการสอนเชิง อัลบอร์ก ถึง 3-0 ด้าน อาร์เซน่อลสวมวิญญาณโหดถล่ม เอฟซี ปอร์โต้ ยับ 4-0

เสือใต้ขย่มลียงไม่ลง

 ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
                                                                        (รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 2)
                                                                             ฤดูกาล 2008/09
                                                                 วันอังคารที่ 30 กันยายน 2551

                                                                                   กลุ่มเอฟ
                                                          บาเยิร์น (เยอรมนี) 1 - ลียง (ฝรั่งเศส) 1

สนาม :
อัลลิอันซ์ อารีน่า 
 

เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค เปิดรังพบ โอลิมปิก ลียง เจ้าบ้านกลับมาใช้กองหลังสามคนอีกครั้ง ขณะที่ ฟร้องค์ ริเบรี่ ลงเตะเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกนัดแรก แดนหน้าใช้ ลูก้า โทนี่ และ มิโร โคลเซ่ ส่วนทีมเยือนมากันครบทั้ง คาริม เบนเซม่า, เฟร็ด, จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่

 

เริ่มเกมโอกาสแรกเป็นของเจ้าบ้านนาที 7 ฟรีคิกแถวกลางสนาม บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เปิดยาวไปเสาสองให้ ลูก้า โทนี่ ขึ้นโหม่งข้ามคานไป 

 

ลียงตอบโต้มาบ้างในนาที 11 ฟรีคิกกราบขวา จูนินโญ่ เปิดไปเสาแรกให้ เฟร็ด สะบัดโหม่งจังๆ ทว่า มิชาเอล เรนซิงก์ เซฟไว้สวย 

 

ลียงเริ่มดีขึ้นเจ็ดนาทีต่อมา จูนินโญ่ ถ่ายบอลออกด้านขวาตั้งให้ อองโตนี่ เรอเวยแยร์ ขึ้นมายิงด้วยขวาลูกเฉียดเสาแบบมีเสียว 

 

พี่เสืออยู่ไม่ติดบุกขึ้นมาบ้าง นาที 23 ฟิลิปป์ ลาห์ม พาบอลขึ้นมาด้านซ้ายก่อนจะแตะเข้ากลางให้ ฟร้องค์ ริเบรี่ ปั่นด้วยขวา อูโก้ โยริส ปัดออกหลัง 

 

ทว่าสองนาทีต่อมากลายเป็นลียงที่ออกนำ ฟรีคิกเกือบครึ่งสนาม จูนินโญ่ อัดเข้าเขตโทษ มาร์ติน เดมิเคลิส โหม่งสกัดพลาดเสยเข้าประตูตัวเอง 1-0 ของอาคันตุกะ 

 

แตะครึ่งชั่วโมงแรก มาร์ติน เดมิเคลิส พยายามแก้ตัว ตัดบอลแดนกลางและจ่ายทะลุช่องให้ ลูก้า โทนี่ หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้าย อูโก้ โยริส ปัดทิ้งหวุดหวิด

 

จากนั้นเกมยังสูสี เจ้าบ้านเน้นเกมรุกแต่ไม่เป็นผล จบครึ่งแรก ลียงบุกมานำบาเยิร์น 1-0 

 

ครึ่งหลังทีมเจ้าบ้านกลับมาโหมอย่างหนัก และมาตามตีเสมอจนได้ หลังจากที่ เซ โรแบร์โต้ กองกลางจอมเก๋าชาวบราซิล ได้โอกาสหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ หลังจากที่ อ๊อดโด้ หยอดบอลมาให้ โคลเซ่ โขกชงมาให้ เซ โรแบร์โต้ ก่อนซัดให้ทีมเจ้าบ้านตีเสมอเป็น 1-1 ในที่สุด

 

ลียง ยังคงทำเกมได้ไม่เป็นรอง บาเยิร์น และมีโอกาสเข้ามาสร้างความกดดันให้ทีมเสือใต้ได้เป็นระยะๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากจบเกมเสมอกันไป 1-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
 

บาเยิร์น : มิชาเอล เรนซิงก์, มัสซิโม อ็อดโด้, ลูซิโอ, มาร์ติน เดมิเคลิส, เบรโน่, มัสซิโม อ็อดโด้, ฟิลิปป์ ลาห์ม, เซ โรแบร์โต้, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ฟร้องค์ ริเบรี่, มิโรสลาฟ โคลเซ่, ลูก้า โทนี่ 
 

สำรอง : ฮันส์-ยอร์ก บุทท์, ดาเนี่ยล ฟาน บุยเต็น, ลูคัส โพดอลสกี้, อันเดรียส์ อ็อตเติ้ล, มาร์ค ฟาน บอมเมล, โฮเซ่ โซซ่า, ทิม โบรอฟสกี้ 
 
ลียง : อูโก้ โยริส, คริส, มาติเยอ บ็อดแมร์, จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่, เฟร็ด, คาริม เบนเซม่า, ซิดเนย์ โกวู, จอห์น เมนซาห์, ฌอง มากูน, อองโตนี่ เรอเวยแยร์, เฌเรมี่ ตูลาล็อง
 

สำรอง : เรมี่ แวร์กกูร์ท, ฌอง-อแล็ง บูมซง, คิม คัลล์สตรอม, เอแดร์สัน, กาแดร์ เกต้า, อองโตนี่ มูเนียร์, เฟรเดริค ปิกิยอนน์ 
  กลุ่มอี
                                               
อัลบอร์ก (เดนมาร์ค)  0 - แมนฯ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 3

      สนาม :
เอเนร์กี้ นอร์ด อารีน่า

อัลบอร์กได้กลับมาเล่นในบ้านหลังจากเกมแรกบุกไปยันเจ๊าเซลติกได้ 0-0 และมีไมเคิ่ล โบแชมป์กองหลังลงบู๊โดยอุทธรณ์โทษใบแดงสำเร็จเนื่องจากผู้ตัดสินไล่ออกผิดตัวทำให้ไมเคิ่ล ยาค็อบเซ่นติดโทษแบตามระเบียบ ขณะที่คาสเปอร์ โบเกลุนด์เช็คฟิตผ่าน

 

ด้านแมนฯ ยูไนเต็ดซึ่งมีหนึ่งแต้มเช่นกันจากการเสมอกับบียาร์เรอัลแบบโนสกอร์ส่งราฟาเอลแบ็คขวาดาวรุ่งชาวเมืองกาแฟลงเล่นเป็นตัวจริงแทนแกรี่ เนวิลล์ที่เดี้ยงไม่ได้บินมากับทีม ส่วนดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟยังได้ลงเตะเป็นตัวจริงคู่กับเวย์น รูนีย์ อีกทั้งยังมีพอล สโคลส์พ้นโทษแบนกลับมา


เริ่มฉะกันได้แค่ 6 นาทีแมนฯ ยูไนเต็ดก็น่าจะขึ้นนำเมื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้โชว์ความขยันวิ่งเข้าปั๊มบอลที่นายทวารคาริม ซาซ่าเตะเปิดเกมออกมาแล้วทะลักไปให้เบอร์บาตอฟสอดเข้าวอลเลย์ในกรอบเขตโทษด้านขวาระยะ 12 หลาชนิดไม่มีใครตามประกบทัน กระนั้นหอกบัลแกเรียกลับส่งบอลหลุดออกเส้นหลังอย่างไม่น่าเชื่อ

 

พอโดนทักเจ้าบ้านก็เริ่มเดินเกมรุกสู้ และนาทีที่ 16 สโคลส์ก็ถูกกัปตันอัลบอร์กโธมัส ออกุสตินุสเซ่นเตะเข้าใส่หัวเข่าเต็มๆในจังหวะแย่งบอลกันถึงขนาดกองกลางปีศาจเล่นต่อไม่ไหวต้องลงเปลออกไปโดยมีไรอัน กิ๊กส์ลงมาเสียบแทน


จากนั้นอีกสามนาทีทีมเยือนก็น่าจะได้ประตูอย่างยิ่งเมื่อราฟาเอลลุยขึ้นมาหาโอกาสตะบันแถวริมเขตโทษด้านขวาเต็มเกือก ดีที่ว่าซาซ่าทุบทิ้งทันช่วยเซฟให้ทีมเมืองโคนมได้


กระนั้นก็ดี นาทีที่ 22 เจ้าบ้านก็ต้องหงายผึ่งเมื่อนานี่ป้ายบอลขึ้นมาแล้วกิ๊กส์แทงทะลุช่องอีกทอดให้รูนีย์วิ่งเข้าเขตโทษหลุดเดี่ยวไปแปผ่านนายทวารซาซ่าง่ายดายจากระยะ 15 หลาพาเร้ด เดวิลส์สตาร์ตนำ 1-0

 

แมนฯ ยูไนเต็ดได้เสียวอีกครั้งในนาทีที่ 25 จากลูกยิงหน้าเขตโทษของโรนัลโด้ที่พุ่งเสยคานไปแค่คืบเดียวเท่านั้น และถึงนาทีที่ 33 ปีกโปรตุกีสก็ลากบอลจากกราบซ้ายเข้ามาเข่นระยะ 23 หลาทำเอาซาซ่าต้องออกแรงเซฟเต็มกำลัง


ในที่สุดนาทีที่ 38 ราฟาเอลก็โดนจดชื่อจนได้เมื่อเข้าเสียบฝ่ายตรงข้าม และนาทีถัดมาอัลบอร์กก็ต้องเปลี่ยนผู้เล่นเช่นกันเนื่องจากโบแชมป์เดี้ยงเดินกระเผลกออกไปทำให้กาก้าได้ลงบู๊แทน


ท้ายครึ่งแรกในนาทีที่ 40 ปีศาจแดงต่อบอลกันดีแล้วรูนีย์ได้ปรี่เข้าไปสังหารระยะเผาขนถูกซาซ่าออกมาบล็อคเร็วทำให้บอลลอยโด่ง ดาวยิงร่างอวบจึงตามไปโขกซ้ำหลุดกรอบอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ขยับมาในนาทีที่ 43 ราฟาเอลสบช่องส่องไกลอีกครั้ง แต่ซาซ่ากระโดดปัดข้ามคานได้อย่างหวุดหวิด จบครึ่งแรกแมนฯ ยูไนเต็ดจึงนำไปแบบเบาะๆแค่หนึ่งเม็ดเท่านั้น

 

เริ่มครึ่งหลังทั้งคู่เปิดฉากลุยเข้าใส่กันทันที และในนาทีที่ 52 อันเดรียส โยฮันส์สันกองกลางเจ้าบ้านก็ได้ใบเหลืองข้อหาเข้าอัดใส่ราฟาเอล แถมอีกสองนาทีนายประตูซาซ่าก็โดนไข้เหลืองเล่นงานอีกรายจากการวางบอลไม่ตรงจุด

 

และแล้วนาทีที่ 55 สิ่งที่แฟนผีรอคอยก็อุบัติขึ้นจากความสะเพร่าของแนวรับอัลบอร์กเองที่ผ่านบอลให้กันแย่ทำให้ออกุสตินุสเซ่นจับบอลไม่เชื่องเท้าลอยโด่งอยู่หน้าเขตโทษจึงถูกเบอร์บาตอฟลงโทษด้วยการวอลเลย์ดื้อๆระยะ 18 หลาไม่เหลือกลายเป็นสกอร์นำ 2-0 ของอาคันตุกะ และเป็นประตูแรกของอดีตกองหน้าสเปอร์สกับปีศาจแดงด้วย


อย่างไรก็ดีนาทีที่ 59 รูนีย์ก็มีปัญหาเจ็บอีกรายต้องเดินออกให้คาร์ลอส เตเวซลงมาเล่นแทน และแค่นาทีเดียวดาวยิงอาร์เจนไตน์ก็เกือบคลำเป้าได้เมื่อโรนัลโด้ไหลบอลขึ้นกราบซ้ายให้นานี่กระชากไปยิงชิพถูกซาซ่าประโดดปัดบอลลอยคว้างอยู่ เตเวซจึงตามไปเข้าฮอสระยะหกหลาตุงตาข่าย แต่โชคร้ายบอลกระทบแขนจึงชวดได้ประตู


ถัดมาในนาทีที่ 66 ราฟาเอลก็ส่งสัญญาณขอเปลี่ยนตัวหลังฝืนเล่นต่อไม่ไหวเนื่องจากเจ็บตั้งแต่ต้นครึ่งหลังทำให้เวส บราวน์ถูกส่งลงสนาม แต่ถึงนาทีที่ 79 โรนัลโด้ก็ลากลุยจนหลุดไปถึงเส้นหลังด้านขวาก่อนจะโยนข้ามไปเสาไกลให้เบอร์บาตอฟวอลเลย์ระยะ 14 หลาไม่พลาดเบิ้ลลูกที่สองของตัวเองจนได้  หมดเวลาแมนฯ ยูไนเต็ดจึงบุกมาเก็บสามแต้มด้วยชัยชนะ 3-0

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

 อัลบอร์ก : คาริม ซาซ่า - คาสเปอร์ โบเกลุนด์, สตีฟ โอลเฟอร์ส, ไมเคิล โบแชมป์, มาร์ติน พีเดอร์เซ่น - โธมัส ออกุสตินุสเซ่น (กัปตันทีม), คาสเปอร์ ริสการ์ด - เจ็ปเป้ คัวร์ธ, อันเดอร์ส โยฮันส์สัน, โธมัส อีเนโวลด์เซ่น - มาเร็ค ซากานอฟสกี้

 สำรอง: เคนเน็ธ สเตนิลด์ (ผู้รักษาประตู) - อันเดอร์ส ดู, คาค่า, ไซม่อน เบรเมอร์, เยนส์-คริสเตียน โซเรนเซ่น, แพทริค คริสเตนเซ่น, รอนนี่ ชวาร์ทซ์ 
 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ - ราฟาเอล, ริโอ เฟอร์ดินานด์ (กัปตันทีม), เนมันย่า วิดิซ, ปาทริซ เอวร่า - คริสเตียโน่ โรนัลโด้, พอล สโคลส์, จอห์น โอเช, นานี่ - เวย์น รูนี่ย์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 
 

สำรอง: เบน อามอส (ผู้รักษาประตู) - เวส บราวน์, อันแดร์สัน, ไรอัน กิ๊กส์, พาร์ค ชี-ซอง, จอนนี่ อีแวนส์, คาร์ลอส เตเวซ 
กลุ่มจี
                                          อาร์เซน่อล (อังกฤษ) 4 - เอฟซี ปอร์โต้ (โปรตุเกส) 0

สนาม :
เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม (ลอนดอน, อังกฤษ)
 

อาร์เซน่อล ยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เอฟซี ปอร์โต้ จากโปรตุเกส คู่แข่งในกลุ่มจี ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 2 หลังจากนัดแรก เดอะ กันเนอร์ส เสมอที่ดินาโม เคียฟ 1-1 ส่วนปอร์โต้ ต้อน เฟเนร์บาห์เช่ จากตุรกี 3-1

 

อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อลส่ง ซามีร์ นาสรี่ มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสที่หายเจ็บ ลงตัวจริง พร้อมกับที่ทีมมี เชยี่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ และโรบิน ฟาน เพอร์ซี่นำทีมเช่นเดียวกัน ส่วน เฮซูอัลโด้ แฟร์เรร่า กุนซือปอร์โต้มี คริสเตียน โรดริเกซ, ราอูล ไมเรเลส เป็นแกนหลัก 

 

เกมครึ่งแรก นาที 12 เป็นโอกาสของอาร์เซน่อล เมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนยิงด้วยเท้าซ้าย แต่ เฮลตัน ผู้รักษาประตูปอร์โต้ ปัดบอลออกเส้นหลังไปได้อย่างหวุดหวิด ทว่านาทีต่อมา ปอร์โต้ใช้จังหวะโต้กลับเร็วเมื่อเปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวาเข้ามาหน้าประตู คริสเตียน โรดริเกซ ทิ้งตัวโหม่งข้ามคานไม่กี่หลา

 

นาที 15 ธีโอ วัลค็อตต์ ได้ซัดที่เสาสองบอลเหินข้ามคาน จากนั้นเจ้าถิ่นทำเกมรุกอย่างต่อเนื่อง นาที 16 เชส ฟาเบรกาส วางบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หลุดไปยิงด้วยเท้าขวาบอลเด้งพื้นข้ามคานไปไม่กี่หลา

 

เอฟซี ปอร์โต้ เกือบได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 26 จากการยิงไกลหน้ากรอบเขตโทษของ ลิซานโดร โลเปซ กองหน้าตัวเก่งที่ซัดด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อแต่ มานูเอล อัลมูเนีย ลอยตัวปัดออกเส้นหลังไปได้  ก่อนที่ในจังหวะเตะมุม โลเปซ คนเดิมได้ยิงหน้าปากประตู ทว่าโดน กาแอล กลีชี่ สกัดทิ้งบนเส้นประตูอย่างหวุดหวิด

อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล มาได้ประตูนำ 1-0 นาทีที่ 31 เมื่อ เชส ฟาเบรกาส แทงบอลให้ อเดบายอร์ หลุดกัปดักเช็คล้ำหน้าเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนคอยจังหวะจ่ายย้อนมาให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี วิ่งเติมขึ้นมาล้มตัวเหยียดขายิงเข้าเสาแรกตุงตาข่าย

 

นาทีที่ 40 อาร์เซน่อลมาได้ประตูนำ 2-0 จากจังหวะเตะมุมที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เปิดมาให้ เชยี่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ เทคตัวโหม่งกดลงพื้นบอลเด้งเข้าประตูไป จบครึ่งแรก อาร์เซน่อลนำห่าง 2-0

 

ครึ่งหลังยังคงเป็น อาร์เซน่อล  ที่ทำได้ดีกว่านาทีที่ 48 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ วิ่งเบียดไปกับ บรูโน่ อัลเวส ก่อนจะยิงด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบมุมเข้าไปเจ้าถิ่นหนีไปเป็น 3-0

 

เจ้าถิ่นยังคงได้โอกาสอย่างต่อเนื่องนาทีที่ 53 เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ลุยเข้ามาในเขตโทษก่อนจะจ่ายยัดเข้าไปหน้าประตูให้ ธีโอ วัลค็อตต์ ดีดด้วยขวาแต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกไป

 

ทีมปืนใหญ่ยังคงบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องนาทีที่ 55 เดนิลสัน ลองยิงไกลแต่บอลเหินข้ามคานออกไป

 

อาร์เซน่อล ยังคงทำเกมได้เหนือกว่านาทีที่ 66 กาแอล กลิชี่ โยนบอลเข้าไปหน้าประตูกองหลังทีมเยือนโหม่งสกัดออกมาเข้าทาง ซาเมียร์ นาสรี่ ยิงทันที เฮลตัน รับกระฉอกมาเข้าทาง  เอ็มมานูเอล อเดบายอร์  ซ้ำอีกทีก็ยังไปติดตัว เฮลตัน ที่ป้องกันไว้ได้

 

เจ้าถิ่นมาได้ประตูที่สี่ในนาทีที่ 70 เฟร็ดดี้ กัวริน ไปเตะสกัด นิคลาส เบนด์ทเนอร์ ทางด้านหลังผู้ตัดสินให้เป็นจุดโทษทันทีและเป็น เอ็มมานูเอล อเดบายอร์  ที่ยิงเบียดเสาเข้าไป

 

ช่วงท้ายเกมยังคงเป็นทีมปืนใหญ่ที่ครองเกมเอาไว้ได้หมดจบเกม อาร์เซน่อล ถล่ม  ปอร์โต้ ไปขาดลอย 4-0

 รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
 
อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย - บาการี่ ซานญ่า, โคโล ตูเร่, วิลเลี่ยม กัลลาส (กัปตันทีม), กาแอล กลิชี่ - ธีโอ วัลค็อตต์, เชส ฟาเบรกาส, เดนิลสัน, ซามีร์ นาสรี่ - โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, เชยี่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
 

สำรอง : ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ (ผู้รักษาประตู), คาร์ลอส เวล่า, อารอน แรมซี่ย์, มิกกาแอล ซิลแวสตร์, โยฮัน ฌูรู, นิคลาส เบ้นด์ทเนอร์, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ 
 

เอฟซี ปอร์โต้ : เฮลตัน - คริสเตียน ซาปูนารู, บรูโน่ อัลเวส (กัปตันทีม), โรลันโด้, เนลสัน เบนิเตซ - โทมัส คอสต้า, แฟร์นานโด, ราอูล ไมเรเลส - เฟร็ดดี้ กัวริน, คริสเตียน โรดริเกซ - ลิซานโดร 
 


สำรอง : นูโน่ (ผู้รักษาประตู), เปโดร เอมานูเอล, มิลาน สเตปานอฟ, ลูโช่, ฮัลค์, ลิโน่, คานเดยาส
  กลุ่ม เอช.
                                    เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) 1 - เรอัล มาดริด (สเปน) 2

สนาม :
เปตรอฟสกี้ (เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก, รัสเซีย)

 เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ทีมดังจากรัสเซีย เจ้าของแชมป์ยูฟ่า คัพ ซีซั่นก่อน และ แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2008 ต้องขาด โรมัน ชิโรคอฟ เซนเตอร์ฮาล์ฟวัย 27 บาดเจ็บที่น่อง เลยต้องให้ โทมัส ฮูโบซาน ลงมาเล่นร่วมกับ เซบาสเตียง ปุยเกรอนิเย่ร์ ในแนวรับ พร้อมวาง อังเดร อาร์ชาวิน เป็นตัวรุกคอยสนับสนุน  พาเวล โพเกร็บเนี้ยค กองหน้าตัวเป้าของทีม 

 

ทางด้าน ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด แชมป์ ลา ลีกา สเปน สองสมัยหลังสุด ไม่มี โฆเซ่ มาเรีย กูตี, เฟอร์นานโด กาโก้ กับ จอร์ดี้ โกดีน่า ที่บาดเจ็บ ส่วน เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ มิดฟิลด์ทีมชาติฮอลแลนด์ หายจากอาการบาดเจ็บหัวเข่าแล้ว แต่ไม่พร้อมลงสนามเกมนี้ โดยแนวรุกดร็อป ราอูล กอนซาเลซ เป็นสำรองแล้วให้ กอนซาโล่ อิกัวอีน ลงมาประสานงานกับ รุด ฟาน นิสเตลรอย และ อาร์เยน ร็อบเบน พร้อมให้ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท บงการเกมจากกลางสนาม 

 

ออกสตาร์ทครึ่งแรกนาทีเดียว ทีมเยือนทำเสียวก่อน เมื่อ รุด ฟาน นิสเตลรอย ผ่านบอลให้กับ กอนซาโล่ อิกัวอีน โหม่งจากระยะ 18 หลา แต่ไม่ผ่านการป้องกันของ วยาเชสลาฟ มาลาเฟเยฟ นายทวารของเซนิตฯ
 

 อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 3 ราชันชุดขาว เป็นฝ่ายชิงขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์ หลุดขึ้นไปทางขวา ก่อนเปิดเข้ากลาง แต่ โทมัส ฮูโบซาน เซนเตอร์ฮาล์ฟของเซนิตฯ สกัดบอลจากระยะ 6 หลา ผิดเหลี่ยมปลิ้นเข้าประตูตัวเองไป สงเคราะห์ให้ เรอัล มาดริด นำก่อน 1-0

 

กระเถิบมาถึงนาทีที่ 10 เรอัล มาดริด ยังเล่นได้เหนือกว่า ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เปิดลูกเตะมุมมาให้กับ เซร์คิโอ รามอส กลับตัวซัดจากระยะ 18 หลาถูกเคลียร์ออกมาได้ 

 

เจ้าบ้านได้ลุ้นเป็นครั้งแรกในนาทีที่ 20 จากจังหวะที่ อังเดร อาร์ชาวิน พลิ้วเข้าไปจ่ายบอลให้กับ คอนสแตนติน ซีเรียนอฟ กระทุ้งด้วยเท้าขวาบอลถูกสกัดออกมาได้อย่างหวุดหวิด 

 

นาทีต่อมา ราเด็ค เซิร์ล โยนโค้งเข้ากลางถูกสกัดออกมาเข้าทาง อาร์ชาวิน กระทุ้งด้วยเท้าซ้ายไปติดเซฟของ อีเกร์ กาซิยาส นายทวารของราชันชุดขาว 

 

เซนิตฯ ได้ประตูตีเสมอจนได้ในนาทีที่ 24 จากจังหวะที่ อังเดร อาร์ชาวิน หลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนจะบรรจงหยอดบอลเข้าไปกลางประตูให้กับ มิเกล แดนนี่ ที่สอดขึ้นมาดีดด้วยขวาเข้าประตูไปให้เจ้าถิ่นไล่ตีเสมอเป็น 1-1 

 

ผ่านมาครึ่งชั่วโมงของเกม ทีมเยือนจากสเปน มาได้ประตูแซงขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ยิงด้วยซ้ายจากหน้าเขตโทษบอลแฉลบกองหลังเจ้าถิ่นมาเข้าทาง รุด ฟาน นิสเตลรอย ตามไปเอี้ยวตัวยิงด้วยซ้ายจากระยะ 18 หลา บอลกระเด้งพื้นเข้าประตูไปช่วยให้ เรอัล มาดริด นำ 2-1
 
 

มาถึงนาทีที่ 35 ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ปาดบอลให้กับ กอนซาโล่ อิกัวอีน ซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งแรงหลุดกรอบออกไป 

 

เข้าสู่นาทีที่ 41 เซนิต โต้ขึ้นมาบ้าง ซีเรียนอฟ ปั่นบอลให้กับ ฮูโบซาน ดันขึ้นมาโหม่งจากระยะแค่ 6 หลา ทว่าถูกสกัดออกมาได้

 

ถัดมา อาร์เยน ร็อบเบน ปีกชาวดัตซ์ของเรอัล หลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายหลุดเสาไป หมดครึ่งแรก เรอัล มาดริด บุกมานำก่อน 2-1 

 

มาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง เกมยังใกล้เคียงกัน นาทีที่ 56 ทีมเยือนสร้างโอกาสได้อีกครั้ง ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เปิดลูกเตะมุมให้กับ ร็อบเบน ยิงด้วยซ้ายหลุดกรอบออกหลังไป 

 

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 64 เจ้าบ้านได้ฟรีคิก อังเดร อาร์ชาวิน เปิดมุมให้กับ ฮูโบซาน ซัดจากระยะ 18 หลา ไม่ตรงกรอบ  

 

สามนาทีต่อจากนั้น อาร์ชาวิน โยนบอลเข้าหัว อีกอร์ เดนิซอฟ โหม่งจากระยะ 18 หลา ทว่าไม่ผ่านการป้องกันของ อีเกร์ กาซิยาส นายทวารทีมชาติสเปนของเรอัล มาดริด 

 

นาทีถัดมา ฮูโบซาน กองหลังเซนิตฯ ผ่านบอลให้กับ ราเด็ค เซิร์ล กระทุ้งด้วยซ้ายเต็มข้อ ติดเซฟ อีเกร์ กาซิยาส นายทวารจอมหนึบของเรอัล มาดริด 

 

ท้ายเกม นาทีที่ 77 เจ้าถิ่นบุกขึ้นมาน่ากลัว อังเดร อาชาวิน ลากขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนโยนเข้าไปให้ คอนสแตนติน ซีเรียนอฟ ขึ้นเทคตัวโหม่งคนเดียว แต่โหม่งสะบัดมากไปบอลหลุดข้างเสา

 

สองนาทีต่อมา เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก พลาดได้ประตูตีเสมออย่างน่าเสียดาย จากจังหวะลุยเจาะขึ้นมาทางซ้าย ก่อนตบเข้ากลางให้ อังเดร อาชาวิน จับบอลหนึ่งจังหวะ ก่อนจะซัดทันที บอลพุ่งไปชนโคนเสาเต็มๆ 


 เวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ แม้ว่า เซนิตฯ จะโหมบุกเป็นพายุ แต่ก็ยิงติดผู้เล่นมาดริด ตลอด หรือไม่ก็ซัดหลุดกรอบไปเอง จบเกม 90 นาที เรอัล มาดริด บุกมาเอาชนะ เซนิตฯ ไปได้อย่างสุดมันส์ 2-1 เก็บเพิ่มอีกสามคะแนน มี 6 แต้มเต็มจากสองนัด นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เอช. อย่างสบายๆ 

 รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
 
เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก : วยาเชสลาฟ มาลาเฟเยฟ - อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ, เซบาสเตียง ปุยเกรอนิเย่ร์, โทมัส ฮูโบซาน, ราเด็ค เซิร์ล - คอนสแตนติน ซีเรียนอฟ, อนาโตลี ติโมชุค (กัปตันทีม), อีกอร์ เดนิซอฟ - มิเกล แดนนี่, อังเดร อาร์ชาวิน - พาเวล โพเกร็บเนี้ยค

 สำรอง: คามิล คอนโตฟัลสกี้ (ผู้รักษาประตู) - คิม ดอง จิน, ฟาตีห์ เท็คเค่, อเลฮานโดร โดมิงเกซ, โรมัน ชิโรคอฟ, วิคเตอร์ ฟายซูลิน, เฟอร์นันโด ริคเซ่น, 
 
เรอัล มาดริด : อีเกร์ กาซียาส (กัปตันทีม) - เซร์คิโอ รามอส, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, เปเป้, กาเบรียล อีวาน ไฮน์เซ่ - ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท, มาอามาดู ดิยาร์ร่า, รูเบน เด ลา เร้ด - กอนซาโล่ อิกัวอีน, รุด ฟาน นิสเตลรอย, อาร์เยน ร็อบเบน  
 
สำรอง: เยอร์ซี่ย์ ดูเด็ค (ผู้รักษาประตู) - มิเกล ตอร์เรส โกเมซ, รอยสตัน เดรนเธ่, มาร์เซโล่ วิเอยร่า, ราอูล กอนซาเลซ, ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า, ฆาบี การ์เซีย

                                                                                      กลุ่ม เอช
                                                           บาเต้ (เบลารุส) 2 - ยูเวนตุส (อิตาลี) 2

สนาม :
ดินาโม สเตเดี้ยม
 

บาเต้ เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ยูเวนตุส เกมนี้ยังวางตัวเดิมๆลงสู้ ส่วนม้าลายปรับมาใช้ วินเชนโซ่ ยาควินต้า ยืนคู่กับ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ขณะที่ อเมารี เป็นแค่ตัวสำรอง 

 

สตาร์ทครึ่งแรกยูเวนตุสมีลุ้นก่อน นาที3 อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ รับบอลตรงกรอบเขตโทษก่อนจะอัดด้วยขวาหลุดกรอบไป 

 

ทว่านาที 17 กลายเป็นเจ้าบ้านทะยานออกนำก่อน อิกอร์ สตาเซวิช จ่ายบอลจากริมเส้นให้ เซอร์เก ครายเว็ตซ์ ชาร์จเสียบตาข่าย 1-0 

 

หกนาทีต่อมาสถานการณ์ยูเว่ย่ำแย่ไปอีก ลูกเปิดจากริมเส้นมาเสาสอง พาเวล เน็คเฮย์ซิค โหม่งตั้งกลับเข้ากลางให้ อิกอร์ สเตเซวิช โขกจ่อๆไม่เหลือ 2-0 

 

ทีมเยือนเริ่มตื่นขึ้นมาบุกเต็มเหนี่ยว นาที 29 เซบาสเตียน โจวินโก้ ได้บอลตรงกรอบเขตโทษก่อนจะหยอดเข้ากลางให้ วินเชนโซ่ ยาควินต้า โขกจมตาข่ายไล่มาที่ 2-1 

 

ถึงนาที 40 ยูเว่ได้ฟรีคิกระยะหวังผลระยะ 25 อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ปั่นด้วยขวาลูกอ้อมกำแพง ข้ามคานไปหวุดหวิด 

 

จนถึงช่วงทดเจ็บทัพม้าลายตีเสมอสำเร็จ เริ่มจากเซบาสเตียน โจวินโก้ อีกครั้ง เปิดทะลุให้ วินเชนโซ่ ยาควินต้า คนเดิม อัดเสียบตาข่าย 2-2 จนจบครึ่งแรก

 

ครึ่งหลัง บาเต้ เดินเกมรุกเข้าใส่ทันทีนาทีที่ 47 อเล็กซานเดอร์ โวล็อดโก้ ยิงหลุดกรอบออกไป

 

เจ้าถิ่นยังคงบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องนาทีที่ 53 วิตาลี่ คาซานต์เซฟ จ่ายให้ พาเวล เนคายชิค หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายแต่บอลก็ยังไม่เข้ากรอบ

 

ถัดมา 3 นาที บาเต้ ได้โอกาสอีกครั้งเมื่อ อเล็กซานเดอร์ ยูเรวิช โยนบอลเข้าไปหน้าประตูให้ อเล็กซานเดอร์ โวล็อดโก้ โหม่งหลุดกรอบออกไป

 

ยูเวนตุส มีโอกาสบ้างในนาทีที่ 62 เซบาสเตียน จิโอวินโก้ โยนบอลเข้าไปให้ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ โหม่งหลุดกรอบออกไป

 

ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมยังไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มได้จบเกมเสมอกันไป 2-2

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
 
บาเต้ : เซอร์เก เวเรมโก้, ดมิทรี ลิคห์ตาโรวิช,เซอร์เก ซอสนอฟสกี้, อเล็กซานเดอร์ โวลอดโก้,เซอร์เก ครายเว็ตส์, พาเวล เน็คเฮย์ชิค, วิตาลี่ โรดิโอนอฟ, อิกอร์ สเตเซวิช, วิตาลี่ คาซานท์เซฟ, วลาดิเมียร์ เซฟสกี้, อเล็กซานเดอร์ ยูเรวิช
 

สำรอง : อเล็กซานเดอร์ กูตอร์, วลาดิสลาฟ เมียร์เชฟ,เกนนาดี้ บลิซเนิร์ค, มักซิม สคาวิช, มิคเฮล ซิวาคอฟ, อันทอน ซัคฮารอฟ,อิวาน เพช่า
 
ยูเวนตุส : อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, วินเชนโซ่ ยาควินต้า, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่, พาเวล เนดเวด, เมาโร คาโมราเนซี่, เซบาสเตียน โจวินโก้, ซดีเน็ค กรีเกร่า, โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้, เปาโล เด เคญี่, นิโกล่า เลกร็อตตาเย่ 
 
สำรอง : อันโตนิโอ คิเมนติ, ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช, อเมารี คาร์วัลโญ่, ดาริโอ คเนเซวิช, เคลาดิโอ มาร์ชิซิโอ, มาร์โก มาร์คิออนนี่

สรุปผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
กลุ่มอี

  • อัลบอร์ก (เดนมาร์ก) แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด (อังกฤษ)   0-3

  • บียาร์เรอัล (สเปน) ชนะ กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์) 1-0
    กลุ่มเอฟ

  • ฟิออเรนติน่า (อิตาลี) เสมอ สเตอัว บูคาเรสต์ (โรมาเนีย)    0-0

  • บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) เสมอ โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส) 1-1
    กลุ่มจี

  • อาร์เซน่อล (อังกฤษ) ชนะ ปอร์โต้ (โปรตุเกส)   4-0

  • เฟเนร์บาห์เช่ (ตุรกี) เสมอ ดินาโม เคียฟ (ยูเครน)   0-0
    กลุ่มเอช

  • เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) แพ้ เรอัล มาดริด (สเปน)  1-2 

  • เบต (เบลารุส) เสมอ ยูเวนตุส (อิตาลี) 2-2





  • เครดิต :
     

    ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
    กระทู้เด็ดน่าแชร์