เลือดแห่งชัยชนะ!ผีล้างแค้นหงส์พลิกแซงนำฝูง

หงส์แดงลิเวอร์พูลทำภาระกิจหักแต้มเพื่อไม่ให้เสียสถิติเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษล้มเหลวหลังแมนฯยูไนเต็ดยิงแซง 2 ลูกรวดจากรูนีย์และปาร์ค จี ซองที่หลั่งเลือดทำประตูก่อนพาทีมรักขึ้นนำเป็นจ่าฝูงชนิดสะใจกองเชียร์ที่อัดอั้นรอคอยวันนี้มานานแสนนาน


พรีเมียร์ลีก


วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2553


แมนฯยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล


ประตู : 0-1 ตอร์เรส น.5,1-1 รูนีย์ น.12,2-1 ปาร์ค จี ซอง น.60



ศึกเร้ดไฟท์หรือแดงเดือดในเวอร์ชั่นบ้านเราเป็นการพบกันถูกที่ถูกเวลาเพราะฟอร์มช่วงหลังของลูกทีมราฟาเอล เบนิเตซเริ่มมีน้ำมีนวลแม้จริงๆแล้วจะชนะแต่ในบ้านก็ตามส่วนปีศาจแดงกระหายชัยชนะนัดนี้เพื่อกลับไปเป็นจ่าฝูงให้ได้


ราฟาใช้ลูคัส เลว่ายืนคู่ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ในแดนกลางตามเชิงยามออกนอกบ้านแถมไรอัน บาเบิ้ลกลับไปนั่งสำรองเพื่อใช้มักซี่ โรดริเกซที่ติดคัพไทยูโรป้า ลีกหรือพูดง่ายๆคือตัวรุกนั่งสำรองกันหมดทั้งบาเบิ้ล,เบนายูนและอาควิลานี่


ส่วนเจ้าบ้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดส่งแข้งจอมขยันลงอย่างคึกคักทั้วเฟลทเชอร์,คาร์ริค,ปาร์ครวมทั้งตัวสร้างสรรค์เกมอย่างนานี่และวาเลนเซียโดยที่ขาดไม่ได้คือดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีกอย่างเวย์น รูนีย์


ครึ่งแรก


ผีช็อก!ตอร์เรสโขกหาย 1-0
เกมที่ดูเชิงกันอยู่และไม่กล้าผีผลามจากนักเตะทั้งสองทีมเอาเข้าจริงแค่ 5 นาทีหงส์แดงกลับขึ้นนำหน้าตาเฉยเริ่มจากไมเคิ่ล คาร์ริคเงอะงะกลางสนามกำลังจะเสียบอลเลยล้มตัวรีบหวดทิ้งบอลไปถูกกรรมการเป็นเจอร์ราร์ดเก็บตกแล้วลากขึ้นมาก่อนแทงทะลุให้เคาท์บอลไหลไปถึงเส้นหลังเหมือนจะแรงแต่แข้งไตรกีฬาวิ่งมาตบย้อยจังหวะเดียวข้ามหัวริโอ เฟอร์ดินานด์แล้วเป็นตอร์เรสที่สอดมาจากด้านหลังโขกเน้นๆ 7 หลาเสียบใต้คานผ่านมือฟาน เดอร์ ซาร์เข้าไปหงายเงิบกันไป ลิเวอร์พูลพลิกนำ 1-0


มาสช์ทำฟาว์ล หมูกดจุดโทษเจ๊า
แต่นาทีที่ 10 ผีแดงมาได้จุดโทษหลังวาเลนเซีนลากบอลฝ่ากำลังจะเข้าเขตโทษแล้วมาสเคราโน่ไปฉุดไปดึงแล้วปีกรถด่วนไปล้มในเขตก่อนที่ฮาวเวิร์ด เวบบ์จะชี้ให้เป็นจุดโทษโดยมาสช์ได้ใบเหลืองจากนั้นไม่นานตอร์เรสที่เข้ามาโวยระเบิดอารมณ์และหวดตรงวงกลมจุดโทษซะดินกระจุยต่อหน้ารูนีย์จน
และเป็นหมูพลิ้วที่วิ่งมายิงติดเซฟเรน่าที่พุ่งปัดซ้ายมือของตัวเองแต่บอลตกตรงหน้าหอกทีมชาติอังกฤษที่ซ้ำเหน่งๆโล่งๆเข้าไป 1-1 แล้ว


ขิงแทงตอร์เรสหลุดเสียว
อีก 6 นาทีต่อมาเคาท์ไหลบอลมาหน้าเขตโทษให้เจอร์ราร์ดวิ่งมาเอาบอลแล้วแทงตัดหลังเนวิลล์ให้ตอร์เรสวิ่งหลุดเข้าเขตโทษแต่บอลลึกไปนิดทำให้ฟาน เดอร์ ซาร์ปรี่ออกมาล้มตัวรับบอลแต่ตอร์เรสกระโดดหลบแบบไม่สูงเท้าซ้ายไปเกี่ยวตัวจนน้าเอ็ดดี้ลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าบอกเจตนาหรือเปล่ากระโดดได้ไม่กระโดด


ปาร์คโขกเหน่งๆไม่เข้า
นาที 23 ยูไนเต็ดเกือบพลิกขึ้นนำหลังอินซัวสงสัยไม่ได้ศึกษาการเล่นของวาเลนเซียที่วิ่งมาเอาบอลตรงปีกขวาแล้วเลี้ยงจี้เข้าหาก่อนแตะออกขวาแล้วเปิดย้อยให้ปาร์ควิ่งมาโขก 7 หลาบอลโดนบางเฉี่ยวออกเสาอย่างน่าเสียดาย


นานี่ซัดเกือบเสียบเสา
เกมรุกของทีมเยือนชักบุกไม่ขึ้นแถมนาที 29 แนวรับและมิดฟิลด์พลาดปล่อยให้นานี่เลี้ยงขึ้นมาเรื่อยๆไม่มีใครเข้าเลยสบโอกาสส่องตรงหน้าเขตบอลเลียดเบียดเสาร้อนถึงเรน่าล้มตัวปัดออกหลังหวุดหวิด


เกมนิ่งแล้ว
ความมันของเกมช่วงครึ่งชั่วโมงแรกจนใกล้ๆท้ายเกมลดหายไปเยอะเพราะลิเวอร์พูลดึงช้าค่อยๆเคาะแต่พอไปไม่ได้ก็โยนยาวก่อนที่ตอร์เรสจะเล่นไม่ได้เพราะลูกโด่งแพ้เซนเตอร์แต่พอยูไนเต็ดได้บอลกลับมาบุกก็ไปไม่เป็นเช่นกันเพราทีมเยือนขึงโซนเอาไว้หลายชั้นเลยทีเดียว


หมูปั่นฟรีคิกทดเจ็บ
ช่วงทดเจ็บวันนี้คาร์ราเกอร์รับหน้าที่ตามประกบรูนีย์และเข้าบอลค่อนข้างพรวดและโฉ่งฉ่างมาเจอใบเหลืองไล่หวดหน้าเขตโทษทั้งเฟลทเชอร์และรูนีย์จนหัวทิ่มและเป็นหมูพลิ้วรับหน้าที่ปั่นฟรีคิกบอลข้ามกำแพงแต่เบาจนเรน่าวิ่งมารับเข้ามือสบายๆ หมดครึ่งแรกสกอร์เสมอกัน 1-1


ครึ่งหลัง


ปาร์คส่องเข้ามือเรน่า
ลิเวอร์พูลที่เริ่มด้วยความคะนองพาบอลไปป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษเจ้าถิ่นอยู่พักนึงแต่นาที 51 รูนีย์ฝากบอลให้ปาร์คลากเลี้อยหลอกคู่เซนเตอร์ทีมเยือนหน้าเขตโทษก่อนตะบันด้วยอีซ้ายบอลเข้ามือเรน่าที่รับสบายๆ


ปาร์คฮีโร่พุ่งโขกตุง 2-1
หงส์แดงหันไปตั้งรับกันเต็มตัวโดยที่ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายถ่ายบอลหาช่องทำประตูเรียกว่าแข้งทีมเยือนเล่นกันรัดกุมและช่วยกันไล่ได้ดีแต่ผ่านมาถึงหนึ่งชั่วโมงเจ้าถิ่นขึ้นนำจนได้จากลูกที่รูนีย์ได้บอลตรงหน้าเขตโทษแต่ไม่รู้ทำยังไงเพราะแนวรับเด็กราฟายืนกันเยอะมากเลยป้ายออกปีกขวาให้เฟลทเชอร์ที่มองแล้วบรรจงเปิดมาให้ปาร์คพุ่งโหม่งตอร์ปิโดทั้งตัวตัดหน้า GJ จากระยะ 6 หลาเข้าไปไม่เหลือ ยูไนเต็ดพลิกนำแล้ว 2-1
 
แดงเดือดแล้ว
นาที 67 บอลไม่มันแต่มวยมันกว่าจังหวะที่ลูคัสมัวแต่นึกถึงหน้าพ่ออยู่เลยเจอเฟลทเชอร์แย่งบอลตรงกลางสนามดื้อๆก่อนที่เดิร์ก เคาท์จะมาช่วยชิดขี้เช็ดเยี่ยวแต่ไปเลาะจากด้านหลังจนเทพเฟลทช์ลุกมาจะเอาเรื่องก่อนวุ่นวายแล้วเวบบ์ต้องมาห้ามทัพกันยกใหญ่


อาควิลมาแล้ว
ตอนนี้เกมแหลกกันมันแล้วโดยที่ยูไนเต็ดปูพรมเปิดเกมรุกใส่อย่างมั่นใจทำให้ลิเวอร์พูลต้องยกระดับการวิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีกแต่นาที 73 ราฟาตัดสินใจส่งอาควิลานี่ลงสนามแต่ดันเก็บทั้งลูคัสและมาสเคราโน่ไว้และเลือกเอาเคาท์ออก


ลูคัสออกเบายูนแทน
ช่วงท้ายเกมลิเวอร์พูลเริ่มขยับขึงได้มากขึ้นเรื่อยๆหลังมีทั้งอาควิลานี่และบาเบิ้ลลงมาช่วยเกมรุกแถมราฟาบอกทนไม่ไหวเอาเบนายูนมาช่วยเพื่อนอีกครั้งและคราวนี้ร่ำไห้ที่ข้างสนามเพราะถอดลูคัสที่เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวแดงๆออกจากสนาม


หมูโซโล่ได้ลุ้น
ก่อนหมดเวลา 4 นาทียูไนเต็ดเกือบได้ลูกปิดกล่องหลังรูนีย์รับบอลจากปาร์คแล้วเลี้ยงจี้เข้าหาแอกเกอร์ก่อนกระชากเข้าในเขตโทษแล้วล็อกจนถลำแต่ตอนยิงเลือกหักข้อซัดเสาแรกลอดดากแอกเกอร์บอลเข้าข้างตาข่ายเสียวกันทั้งสนาม


ตอร์เรสซัดจ่อๆแป๊กช็อก
นาทีสุดท้ายตอร์เรสวันนี้ความเฉียบขาดหน้าประตูหายไปเยอะหลังเจอร์ราร์ดวิ่งมาตบบอลจากริมกรอบโทษเป็นอาควิลานี่วิ่งหลอกให้ตอร์เรสง้างเท้าซัดเหน่งๆไร้ตัวประกบตรงระยะ 10 หลาแต่ดันเตะวืดแถมเบนายูนมาโขกซ้ำเหน่งๆก็เบาเข้ามือฟาน เดอร์ ซาร์อีก


หมดเวลาเกมรุกที่ไร้พิษสงของลิเวอร์พูลไม่สามารถทำอะไรยูไนเต็ดได้โดยที่ตอร์เรสคนเดียวไปไม่รอดทำให้ปีศาจแดงแซงอาร์เซนอลขึ้นนำเป็นจ่าฝูงส่วนหงส์แดงสัญญาณอันตรายมาแล้วเพราะยังตามหลังสเปอร์สที่อยู่อันดับ 4 อยู่ 4 แต้มแถมเตะมากกว่าหนึ่งนัดโดยเหลือโปรแกรมอีก 7 นัดเท่านั้น


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

แมนฯยูไนเต็ด :
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์,แกรี่ เนวิลล์,เนมันย่า วิดิช ,ปาทริซ เอวร่า,อันโตนิโอ วาเลนเซีย ,ดาร์เรน เฟลทเขอร์,ไมเคิ่ล คาร์ริค,ปาร์ค จี ซอง,นานี่(กิกส์ น.79),เวย์น รูนีย์

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า,เกล็น จอห์นสัน,เจมี่ คาร์ราเกอร์ ,ดาเนี่ยล แอกเกอร์,เอมิเลียโน่ อินซัว,ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ,ลูคัส เลว่า(เบนายูน น.84),เดิร์ก เคาท์(อาควิลานี่ น.73),สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด,มักซี่ โรดริเกซ(บาเบิ้ล น.76),เฟร์นานโด ตอร์เรส

















































 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: lentee


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์