เร้ดไฟท์ ชื่อนี้มีแต่ความดุเดือด !!!!

~เจี๊ยบ เคเอฟซี เดลิเวอรี่!!~


เร้ดไฟท์ ชื่อนี้มีแต่ความดุเดือด !!!!

เชื่อว่า..นี่คือสงครามบนผืนหญ้าที่แฟนบอลให้ความสนใจมากที่สุดในโลก..

นี่คือ แมตช์แห่งเกมกีฬา ที่มีคนกล่าวขวัญ และเล่าขานถึงตำนานอันยิ่งใหญ่และยาวนานของมัน จากรุ่นทวด..สู่รุ่นหลาน..

ยิ่งกว่านั้น.. มันคือการเผดียงความยิ่งใหญ่ระหว่างสองทีมแห่ง เกรท บริเตน..ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ 18 ต่อ 18.. เสมอกันอยู่ที่ปลายนิ้วก้อย..

คงไม่มีชายผู้คลั่งไคล้ลูกหนังคนใดกล้าละสายตาจากศึก เร้ดไฟท์ แม้แต่วินาทีเดียว.. และคงไม่ต้องเดาเสียให้ยากว่า วันอาทิตย์นี้.. ความทรงจำในอีก 90 นาทีที่จะถึง.. จะบันทึกตัวเองลงบนอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์..

และแน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง.. คงเสียชื่อ เร้ดไฟต์ แย่หากไม่มีอะไรพิเศษซุกซ่อนอยู่ภายใต้เวทีใหญ่ยักษ์..

เสมือนเป็นการ ต่อให้ก่อน ของเจ้าบ้าน... สภาพความพร้อมของเครื่องจักรแดงเพลิง เข้าขั้นเดินเข้าโรงหมอ.. ในขณะที่สภาพจิตใจยิ่งต้องก้มหน้าเข้าปรึกษาจิตแพทย์..

ทีมระดับ ลิเวอร์พูล.. การแพ้ถึง 4 นัดติดต่อกัน มันเกินจะทานทน.. และเมื่อพลิกปูมมาดูผลการแข่งขัน.. แพ้ฟิออเรนติน่า 0-2 , แพ้เชลซี 0-2 , แพ้ซันเดอร์แลนด์ 0-1(เพราะบีชบอล) กระทั่งร้อนรนจนเสียท่าให้กับโอลิมปิก ลียง 1-2..

จากสี่นัดที่พลั้งพ่าย เจ้าของโดยชอบธรรมแห่งสนามแอนฟิลด์ ระคายประตูคู่แข่งได้เพียง 1 ลูก และเสียความบริสุทธิ์ไปถึง 7 ดอก..

คงต้องส่องกล้องไปดูปัญหาที่เกิดขึ้นในทีมว่า.. เกิดอะไรขึ้นภายใต้รั้วแห่งความฝันแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์..??

เดินไปถามคนขายเสื้อผ้าหน้าสนาม หรือเหล่าเดอะค็อปที่เดินพลุกพล่าน หลายเสียงเริ่มกร่นด่าไปที่สองเจ้าของสโมสร ทอม ฮิคส์ และจอร์จ จิลเล็ตต์..

เข้ามาด้วยความหวัง.. แต่วินาทีนี้กระทั่งเงินตะเพิดไล่กุนซือยังควานหาไม่ได้..

ทั้งโครงการสนามใหม่อย่าง นิว แอนฟิลด์.. หรือเงินจับจ่ายเลือกสรรแข้งใหม่.. ทั้งหมดนี้สองนักธุรกิจหัวการค้าเลิกล้มไปหมดแล้ว..

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น.. ภายในแตกกันเอง.. ริค แพร์รี่ที่ทำงานหัวหมุนอยู่สิบกว่าปี.. สั่นหัวแล้วเปิดหมวกอำลา.. ขณะที่ ราฟา ต้องตกอยู่ในภาวะ ผิดทั้งขึ้นทั้งล่อง เมื่อสองมะกันยังคงชี้นิ้วสั่งให้ใช้นักเตะเท่าที่มี โดยที่ไม่มีการส่งมือเข้าช่วย..

เอลบอสผงกหัว.. คุณว่าไงก็ว่างั้น.. กวักมือกระตุ้นลูกทีมเท่าที่มีลงสนามตั้งแต่ต้นซีซั่น.. ภายใต้ความหวังแห่ง สองฮีโร่ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด และเฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งยิ่งกว่าแต่ก่อน..

ไร้เงาของชาบี อลอนโซ่อีกต่อไป.. อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ คือตัวแทน.. หลายเสียงเรียก แสงเทียนแห่งความหวัง กระนั้นความสว่างของเทียนจากอิตาเลียนยังไม่มากพอที่จะเอามาวางตั้งเพื่อให้ หงส์แดง เห็นทางพ้นหายนะ..

วิธีแก้ไขของเบนิเตซ.. ไม่ใช่การเปลี่ยนระบบ เพราะยังชัดเจนว่าแผน 4-2-3-1 ที่เกือบช่วยให้ลิเวอร์พูล หยุดฝันร้ายแห่งแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เมื่อปีที่ผ่านมา.. ยังคงถูกแสดงบนหน้าจอทีวี อาทิตย์แล้ว อาทิตย์เล่า..

ดังนั้นเมื่อมิดฟิลด์ยังคงมี 2 คนเท่าเดิม หนึ่งคนแน่นอนคือฮาเวียร์ มาสเชราโน่ แต่เมื่อไม่มีอลอนโซ่.. คนที่เหลือต้องเสียบแทน.. ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรที่บอสสแปนิชเลือก ลูคัส เลว่า..

แฟนบอลผู้ไม่หวังดีหลายคนนั่งสั่นกลั้นขำ.. ในขณะที่เดอะค็อปสุดลิ่มสั่นหัวหงึกๆ.. หากแต่ถ้ามองไปยังรายชื่อ ผู้ที่จะมาหยิบใส่ช่องว่าง หากไม่ใช่เลว่า.. ก็เห็นจะมีแค่เพียงแค่เจย์ สเปียริ่ง ดาวรุ่งที่ยังไม่แข็งแกร่งพอ และฟาบิโอ ออเรลิโอ(ผู้ซึ่งหลังจากนั้น เบนิเตซพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่าไม่เวิร์ก ในเกมที่ฟลอเรนซ์)

ลูคัส ที่ถูกตั้งฉายาว่า เด็กเส้น หรือ ลูกรัก จึงยังคงต้องถูกส่งลงเล่นต่อไป เพื่อรอ เจ้าชายแห่งกรุงโรม อาควิลานี่ พระเอกตัวจริงของงาน หายจากอาการบาดเจ็บ และแปะมือลงบรรเลงแข้งในสนาม..

กระนั้น.. ดาวเตะหุ่นกะทัดรัดแซมบ้า.. ผู้ซึ่งมีหน้าตากระอักกระอ่วนขึ้นทุกวัน .. ไม่สามารถแบกรับสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ได้.. ทั้งการวิ่งหาตำแหน่งที่ยังทับกับเพื่อน หรือไม่ก็ยังช้าอยู่ครึ่งก้าวเสมอ..

การต่อบอล ก็ทำได้แค่เคาะสั้นๆให้เพื่อน หรือไม่ก็จ่ายคืนหลัง.. ไม่มีไอเดียครีเอตในการขึ้นเกม.. ไม่สามารถหยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้..

ทั้งหมดผนวกรวมเป็นเสียงเยาะเย้ยจากคู่แข่ง พร้อมเพรียงกับเสียงประชดชีวิตของแฟนบอลตัวเองที่ร้องอย่างหมดอาลัยตายอยากทำนองว่า ลิเวอร์พูลเหมือนส่งผู้เล่นลงไปแค่ 10 คน

มองไกลขึ้นไปอีก.. เมื่อไม่มีตอร์เรสยืนอยู่บนยอดของทีมชีท.. ตัวแทนในการรับมือกับทีมแดนน้ำหอม คือดาวิด เอ็นก็อก..

หลายฝ่ายพยายามเพ่งดูว่า หัวหอกเลือดตราไก่เข้มข้น จะสร้างปัญหาอะไรให้กับโอลิมปิก ลียงผู้มาเยือนได้บ้าง.. แต่ทั้ง 90 นาที ในสังเวียน This Is Anfield เอ็นก็อกทำได้เพียงแค่ หายใจทิ้ง ไม่สามารถสร้างปัญหาใดๆให้กับคู่แข่งได้..

มองไปที่แผงหลังที่กำลังฟอร์มตก.. 7 นัด ที่พลพรรคหงส์เสียประตูให้คู่แข่ง.. มาจากการปะชุนเกมรับที่ยังไม่เรียบเนียนพอ..

นับตั้งแต่เกมแพ้ ม่วงมหากาฬ หงส์แดงในเสื้อขาว..เช็กล้ำหน้าพลาดในลูกแรก.. และอีกหนเป็นการขาดสมาธิของเกล็น จอห์นสัน..(รวมทั้งการไม่ช่วยเข้าบีบเจ้าหนูโยเวติช ของลูคัส เลว่า)

ตามมาด้วยการวิ่งเข้าชนสิงห์เขี้ยวแหลมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก่อนแลกมาด้วยสองแผลเหวอะหวะ..

แผลแรก..เริ่มจากจังหวะพลาดกลางสนามของมาสเชราโน่.. เรื่อยมาถึงการหลุดตำแหน่งไปซุกตัวตรงกลางของเกล็น จอห์นสัน(ที่พลาดอีกครั้ง).. และปิดท้ายด้วยการคุมนิโกล่าส์ อเนลก้าแบบหลวมๆ ของมาร์ติน สเคอร์เทล และเจมี่ คาร์ราเกอร์ สองคู่เซนเตอร์..

ตามมาด้วยการถูกกระทุ้งซ้ำ.. เมื่อคาร์ราเกอร์ พ่ายแพ้ความแข็งแกร่งของดิดิเย่ร์ ดร็อกบา และถูกกระชากอย่างแข็งแกร่งไปถ่ายบอลต่อให้ฟลอร็องต์ มาลูด้า เข้าชาร์จเน้นๆ..

หลายฝ่ายคิดว่าฝันร้ายจะจบเพียงแค่นี้.. แต่สุดท้ายชาวเมอร์ซี่ย์ไซด์ยังไม่หลุดจากภวังค์.. เมื่อพวกเขาส่งทีมที่ปราศจากสตีเว่น เจอร์ราร์ด และเฟร์นานโด ตอร์เรส มุ่งหน้าสู่อีสานเพื่อพะบู๊กับซันเดอร์แลนด์..

ผลที่ได้รับคือ เจ้าบีชบอลสีแดงลูกนั้นทำพิษ.. และแนวรบทั้ง 11 คน ไม่สามารถไถ่บาปให้เดอะค็อปตัวจ้อย เจ้าของบอลกลมดิ๊กลูกนั้นได้.. ทั้งๆที่มีเวลาเหลืออยู่อีกถึง 81 นาที..

จนกระทั่ง มาโดนลียง สอยเข้าให้เป็นแผลสดจนต้องรีบราดทิงเจอร์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ด้วยสาเหตุเดิมๆคือ ประกบห่าง+หลุดตำแหน่ง

4 นัดติดกันที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ.. นัดที่ 5 พวกเขาพร้อมจะเอาคืนรึยัง..

ราฟาเอล เบนิเตซ กระชุ่นท่ามกลางความคับขันรอบทิศว่า การเอาชนะยูไนเต็ดเมื่อปีที่ผานมา เป็นสิ่งดีๆที่เราสามารถนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง ไม่มีเจอร์ราร์ดกับตอร์เรสก็จริง แต่ครั้งนั้นทีมของเราก็ทำได้ดีและแฟนๆเองก็มีความสุข คุณคิดดูว่าความสุขที่ว่านั่นเกิดขึ้นพร้อมๆกับการขาดสองตัวหลักของเราด้วยนะ

เกมกับยูไนเต็ดเกมนี้อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเรา เพราะมันเป็นเกมที่สำคัญ สำหรับการเผชิญหน้ากับคู่อริ และแฟนๆทุกคนก็จะหนุนหลังทีมตั้งแต่นาทีแรกจนถึงนาทีสุดท้าย เราสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ทุกเมื่อ

พลิก.. พลิกเหรียญกลับมา.. เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้กลับมา.. กลับมาสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์.. กลับมาสู่เสียงคำรามและรอยยิ้มของเหล่าเดอะ ค็อปอีกครั้ง..

ทว่าแกรี่ เนวิลล์ กัปตันปีศาจผู้เกลียดชังสเกาเซอร์ส ไม่สน mind-games ของเบนิเตซ บิ๊กเนฟ.. ตบมือฉาดใหญ่เพื่อเรียกสติของกองพลอสูรให้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด อย่าสนใจคนอื่น

ลิเวอร์พูลอาจแพ้ลียง และเราชนะที่มอสโก แต่มันจะไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะพวกเขาจะได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง

เราแค่ต้องทำให้แน่ใจว่า เราสามารถเล่นได้ดีที่สุดแล้วเท่านั้น


สองทีม โหมสงครามจิตวิทยา.. วาจาเชือดเฉือนกันเป็นไฟเพนียง..

สองทีม ยังคงมีปัญหาในกองทัพของตน.. เจ้าบ้านยังต้องรอความหวังจากแม่ทัพใหญ่ 2 นาย.. ขณะที่ทีมเยือน.. ก็หวังว่ากำลังรบทุกหน่วยจะกลับมาพร้อม.. อย่างน้อยก็พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้..

ที่เหลือก็คือทุกอย่างในเกม..

สมาธิ..

ฝีเท้า..

แผนการเล่น..

ผู้ตัดสิน..


และอย่างสุดท้ายที่อาจสำคัญที่สุดคือ.. โชค
ชะตา !!!


เจี๊ยบ เคเอฟซี

www.lentee.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์