เฟอร์นานโด โฮเซ่ ตอร์เรส ซานซ์

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม : เฟอร์นานโด โฮเซ่ ตอร์เรส ซานซ์
วันเกิด : 20 มีนาคม 2527 (20 March 1984)
สถานที่เกิด : มาดริด, สเปน
สัญชาติ : สเปน
ส่วนสูง : 183 ซ.ม. (6 ฟุต 1)
น้ำหนัก : 70 ก.ก.

ฉายา: เอลนีโน่ (El Nino)
สโมสร : ลิเวอร์พูล (2007-2010)
เชลซี ปัจจุบันและตลอดไป
ตำแหน่ง :
กองหน้า


เฟอร์นานโด ตอร์เรส เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1984 หรือปี พ.ศ. 2527 เป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งพุ่งแรงชาว สเปน ที่ย้ายจากสโมสรบ้านเกิดอย่าง แอตเลติโก มาดริด มาสังกัดสโมสร ลิเวอร์พูล ในประเทศอังกฤษในฤดูกาล 2007/08 ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติสูงที่สุดของสโมสร (26.5 ล้านปอนด์) เขาเกิดในกรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน

ตอร์เรส อาจจะไม่ได้โด่งดังเหมือนปัจจุบัน หากเขาเลือกไปอยู่กับทีมยักษ์ใหญ่อย่าง รีล มาดริด โชคชะตาจึงกำหนดให้เขาไปแจ้งเกิดที่ แอตเลติโก มาดริด ทีมคู่แข่งร่วมเมืองนั่นเอง ฉายาของเขาคือ เอลนีโน่ (El Nino) ที่มีความหมายว่า เด็กน้อย เนื่องมาจากใบหน้าที่อ่อนเยาว์ และหล่อเหลาของเขานั่นเอง นอกจากแฟนฟุตบอลแล้ว เขาเองยังมีแฟนคลับ (สาวๆ) ที่ไม่ใช่แฟนฟุตบอลอีกมากมายทั่วโลก



Fernando





ชีวิตในวันเด็ก

เป็นชาวเมืองมาริดโดยกำเนิด และหลงรักกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ตอร์เรส วัยเด็ก นั้นก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากเด็กๆทั่วไปมากนัก ที่แตกต่างนิดหน่อยนั่นก็คือ กีฬาที่เขาเล่นมีเพียงแต่ ฟุตบอล พออายุ 5 ปีเขาได้ไปร่วมทีมฟุตบอลของศูนย์กีฬาแถวบ้านชื่อทีม ปาร์เก้ 84 โดยการผลักดันจากพ่อของเขานั่นเอง พ่อของเขาทำงานระหว่างที่ตอร์เรสไปเตะฟุตบอลโดยมีแม่บังเกิดเกล้าคอยติดตามอย่างใกล้ชิด ตอร์เรส มักจะฝันอยู่เสมอว่าอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนกับนักฟุตบอลหลายๆคนที่เขาเห็นในโทรทัศน์ และจากการสนับสนุนของครอบครัว รวมไปถึงคุณปู่ของเขา ผู้ที่เป็นแฟนตัวยงของ แอตเลติโก มาดริด เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้เขาได้ตามหาในฝันวัยเด็ก 


เริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

2001-2007 : แอตเลติโก มาดริด

แล้วฝันนั้นก็เริ่มเปิดทางให้เขาเมื่อเขาอายุได้ 10 ปี เขาได้เล่นให้กับทีม ราโย 13 (Rayo 13) ทีมแรกในชีวิตการเล่นฟุตบอล (จริงๆ) เขาฉายแววด้วยการทำประตูถึง 55 ประตู ทำให้ได้โควต้าการคัดเลือกเข้าฝึกหัดเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสร แอตเลติโก มาดริด อายุ 12 ปีเขาก็ติดชุด จูเนียร์ทีมบี จนกระทั่งอายุ 15 ปี เขาได้ทำการเซ็นสัญญาฉบับแรกในฐานะนักเตะทีม เยาวชน ฝันของเขาเป็นจริงแล้ว


ตอร์เรสเปล่งประกายของความเป็นยอดดาวเตะออกมาให้เห็น หลังจากพาทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า15ปีของแอตเลติโก้ มาดริด เป็นแชมป์ไนกี้ของภูมิภาคยุโรปในปี1998  และเขาก็ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรปในระดับเยาวชนอีกด้วย


ปี1999ตอร์เรสเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพเต็มตัวกับสโมสร แอตเลติโก้ มาดริด ในปีแรกตอร์เรสเล่นให้กับทีมเยาวชนของสโมสร และมีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่เมื่อตอนอายุ16ปี


                      Fernando


ฤดูกาว2000-2001 เป็นการออกสตาร์ทที่เลวร้ายของเขา หลังได้รับบาดเจ็บกระดูกแก้มแตกต้องพักยาวจนกระทั่งเดือนธันวาคม


ปี2001-2002 ก็ไม่ใช่ปีที่ดีของเขาเท่าใดนัก หลังยิงได้แค่6ประตู จากการลงเล่น36นัด ในเชกุนด้า ดิวิชั่น


2002-2003 เป็นปีแรกที่ตอร์เรสถูกดันขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ และก็ทำได้ไม่เลว ยิงได้12ประตู จาก29นัด พาทีมตราหมีจบอันดับ11


ปี2003-2004 เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของตอร์เรส ที่กดไป19ประตูจาก35นัด

ปี 2005 ดูจะเป็นปีที่เผลงานของเขากลับแย่ลง เขายิงได้ 16 ประตูเท่านั้นและทีมก็ไม่ได้แชมป์อะไร

ตอร์เรส มีข่าวการโยกย้ายทีมมาโดยตลอดหลังจากฟุตบอลโลก ไม่ว่าจะเป็น เชลซี แมนยูฯ สเปอร์ ฯลฯแต่ที่เห็นจะชัดเจนขึ้นมาก็เห็นจะเป็นนัดหนึ่งในลาลีกา เมื่อเขาทำประตูได้และถอดปลอกแขนกัปตันซึ่งใต้ปลอกแขนเขียนว่า You?ll never walk alone ซึ่งเป็นสโลแกนของทีม ลิเวอร์พูล

ตอร์เรส ออกมายอมรับว่า เขาเองก็เป็นแฟนฟุตบอลตัวยงของทีม ซึ่งคงจะดีไม่น้อยหากวันหนึ่งเขาเองได้ไปเป็นสมาชิกของ เดอะ คอป แล้ววันนั้นก็มาถึงหลังจากยื้อยุด ฉุดกระชากกันมานานด้วยสนนราคาค่าตัวที่แพงลิบ ทำให้หลายๆทีมต้องยอมถอนตัว และเปิดทางให้ ลิเวอร์พูล ได้คว้าตัวมาร่วมทีมด้วยราคาเป็นประวัติการณ์ 26.5 ล้านปอนด์ สมใจเฮีย เบนิเตส และสาวกเดอะค็อป

2007-ปัจจุบัน : ลิเวอร์พูล

ค่าตัวในการเซ็นสัญญาของเฟร์นันโด ตอร์เรส ได้รับการบันทึกไว้เป็นสถิติสูงสุดของลิเวอร์พูล แม้ว่าสื่ออังกฤษรายงานว่า ค่าตัวนักเตะอยู่ที่ประมาณ 26.5 ล้านปอนด์ ราฟาเอล เบนิเตซยืนยันในการสัมภาษณ์กับสื่อสเปนว่า ค่าตัวอยู่ที่เกือบ 20 ล้านปอนด์ ยังมีรายงานอีกว่า ตอร์เรสยอมลดค่าเหนื่อยสำหรับการย้ายตัว หนังสือพิมพ์ The Times รายงานว่า ค่าตัวลดจาก 103,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ในสเปน เหลือ 90,000 ปอนด์


ในวันที่ 11 สิงหาคม2550 ตอร์เรสลงแข่งนัดเปิดตัวให้ลิเวอร์พูล โดยแข่งกับ แอสตันวิลลา และชนะไปด้วยสกอร์ 2-1 ตอร์เรสยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ในการลงแข่งครั้งแรกในสนามแอนฟีลด์ ในวันที่ 19 สิงหาคม ในนาทีที่ 16 ผลเสมอ 1-1 กับเชลซี โดยวิ่งไปรับบอลจากการส่งของเจอร์ราร์ด ตอร์เรสเลี้ยงผ่านกองหลังเชลซี ทาล เบน ฮาอิม และยิงผ่านเมือผู้รักษาประตูปีเตอร์ เช็คเข้าไปตุงตาข่ายเชลซี


ตอร์เรสยิงแฮตทริกเป็นครั้งแรกให้สโมสร ในวันที่ 25 กันยายน ในนัดเยือน ถ้วยคาร์ลิงคัพกับเรดดิ้ง และชนะไป 4-2 [2] โดยประตูแรกของตอร์เรสในเกม คือประตูที่ยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-1 ลูกที่สองของเขาทำให้ ลิเวอร์พูลนำ 3-2 และตามด้วยลูกปิดท้าย 4-2 หลังจากจบการแข่งขัน ตอร์เรสได้รับการคิดเลือกเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน และเนื่องจากตอร์เรสสามารถทำแฮตทริกได้สำเร็จ เขาจึงได้รับลูกบอลที่ใช้ในการแข่งขันเป็นของที่ระลึก 


ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์2551 ตอร์เรสสามารถทำแฮตทริกแรกในลีกได้สำเร็จ ในเกมที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านเอาชนะทีมมิดเดิลส์โบร 3-2 และในวันที่ 5 มีนาคม ปีเดียวกัน ตอร์เรสสามารถทำแฮตทริกได้อีกครั้ง ในเกมที่ลิเวอร์พูลเอาชนะทีมเวสต์แฮมยูไนเต็ด 4-0 ทำให้เฟร์นันโด ตอเรส ได้รับการบันทึกไว้เป็นสถิติว่า เป็นผู้เล่นคนแรกต่อจากแจ็คกี้ บัลเมอร์ ที่เคยทำแฮตทริกในเกมที่แอนฟีลด์ติดต่อกัน 2 นัด ในปี 1946 และยังเป็นนักเตะคนที่ 5 ของสโมสรที่สามารถทำได้ ตอร์เรสได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งเดือนกุมภาพันธ์ของพรีเมียร์ชิพอังกฤษ โดยนอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะนอกสหราชอาณาจักรคนแรกที่ยิงได้ 15 ประตูในพรีเมียร์ลีกให้ลิเวอร์พูล


ในวันที่ 15 มีนาคม 2551 เฟร์นันโด ตอร์เรสกลายเป็นผู้เล่นคนแรกของสโมรส ต่อจาก ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (ปี 1995-1996)ที่สามารถทำประตูในลีกได้เกินถึง 20 ประตูใน 1 ฤดูกาล เมื่อเขาทำประตูในนาทีที่ 47 ในเกมที่ลิเวอร์พูลสามารถเอาชนะทีมเรดดิง 2-1 และหลังจากนั้น ตอร์เรสก็สามารถยิงประตูช่วยให้ทีมเอาชนะอินเตอร์ มิลานในการแข่งขัน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 สุดท้าย


วันที่ 13 เมษายน 2551 เฟร์นันโด ตอร์เรสสามารถทำประตูที่ 30 ของตัวเองให้กับลิเวอร์พูลได้ในฤดูกาลแรกที่ย้ายมา โดยประตูดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมที่ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-1 ในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ชิพของอังกฤษ และด้วยประตูนี้เอง ทำให้เฟร์นันโด ตอร์เรสสามารถทำสถิติ ยิงประตูติดต่อกัน 7 นัด ในสนามแอนฟีลด์


               Fernando


และในวันสุดท้ายของฤดูกาล ณ สนามของทีมสเปอร์สในวันที่ 11 พฤษภาคม 2551 ตอร์เรสได้ทำประตูสุดท้ายของฤดูกาลนี้เป็นประตูที่ 33 ที่ทำให้เขาเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูเกิน 30 ประตูในหนึ่งฤดูกาล โดยก่อนหน้านั้น มีเพียง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ทำได้ 30 ประตู ในปี 1996-1997 โดยเฉพาะวันที่ 4 พฤษภาคม 2551 ณ สนามแอนฟีลด์ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมแมนฯ ซิตี้ ทีมชนะไป 1-0 โดยตอร์เรสเป็นผู้ยิงประตูตัดสินชัยชนะ ทำให้เขาสามารถทำประตูติดต่อกันเป็นนัดที่ 8 ในถิ่นแอนฟีลด์ ส่งผลให้เขาเป็นนักเตะคนแรกของทีมที่ทำประตูในเกมลีกสูงต่อหน้าแฟนบอลในแอลฟีลด์ได้ 8 นัดติดต่อกัน โดยมี โรเจอร์ ฮันท์ ที่ทำได้อีกคนแต่ทำได้ในลีกดิวิชั่น 2 เดิมในช่วงทศวรรษที่ 60 ฤดุกาล 1961-1962


33 ประตู จาก 46 นัดในทุกรายการ เฉพาะเกมลีกเขาทำไป 24 ประตู จาก 33 นัดที่ลงแข่ง และทั้ง 24 ประตูไม่มีลูกจากจุดโทษเลย ทำให้ เฟร์นันโด ตอร์เรส ทำสถิติเป็นนักเตะต่างชาติที่ทำประตูสูงสุดเพียงปีแรกที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกคนใหม่ และทำให้เขามีสถิติยิงปรตูเฉลี่ยทุกๆ 1.39 เกม ทำลายสถิติผู้เล่นที่ทำประตูเฉลี่ยสูงสุดให้ลิเวอร์พูลในฤดูกาลแรก ของ จอห์น อัลดิดจ์ (1.55 เกม) ได้อย่างสิ้นเชิง และยังเอาชนะนักเตะอย่าง เอียน รัช (1.63), โรเจอร์ ฮัน (1.65), ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (1.83). ไมเคิ่ล โอเว่น (1.91) และ เคนนี่ ดัลกลิช (2) ได้อีกด้วย และทุกนัดที่เขาสามารถทำประตูได้ในเกมลีกทีมจะไม่แพ้อีกด้วย และ 25 ประตู ใน 33 ประตูที่เขาทำได้ในฤดูกาลนี้เกิดขึ้นในสนามแอนฟีลด์อีกด้วย


หลังจากที่ฤดูกาล 2008-2009 เริ่มต้น ตอร์เรสเปิดตัวได้สวย ยิงประตูชัยดับซันเดอร์แลนด์1-0 ก่อนที่จะถูกอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าเล่นงานระหว่างเกมที่เสมอ แอสตันวิลล่า0-0 และหายหน้าไปจากสนามถึง3สัปดาห์ เขากลับมาอีกครั้งในเกมที่ชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย์ ในศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยน ลีกส์ และในเกมพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ กับ เอฟเวอร์ตัน ตอร์เรสก็ถูกเปลี่ยนลงมายิงประตูให้ลิเวอร์พูลชนะ2-0 ในวันที่27 กันยายน 2008 รวถึงในเกมแห่งฤดูกาลที่กลับมาชนะ3-2หลังจากตามหลังอยู่0-2 ซึ่งเขาก็ทำคนเดียว2ประตู


แต่อาการบาดเจ็บก็กลับมารังควานเขาอีกครั้งและก็เป็นแผลเก่า คราวนี้เกิดขึ้นช่วงที่เขาลงรับใช้ชาติ ทำให้เขาพลาดลงสนามไปถึงสามเกม รวมไปถึงเกมที่เขาเจอกับทีมเก่าอย่าง แอตเลติโก มาดริด แต่ประธานสโสรตราหมี เอ็นริเก้ เซเรโซ่ ก็เชิญเขาเป็นแขก v.i.p ที่สนาม บิเซนเต้ กัลเดร่อน


  


Fernando

ตอร์เรสกลับมาลงสนามอีกครั้งในเกมที่ถล่มเวสบรอมวิช อัลเบี้ยน 3-0 เขาลงเล่น72นาที และอาการบาดเจ็บก็ถามหาเขาอีกจนได้ คราวนี้เกิดขึ้ในเกมที่เจอกับโอลิมปิก มาร์กเซย์ ที่เฉือนเอาชนะได้1-0 และก็เป็นอาการบาดเจ็บที่เก่า(เอ็นหลังหัวเข่า) ราฟาเอล เบนิเตซ ตัดสินใจให้เขาพักยาว1เดือน เพื่อไม่ให้กำเริบขึ้นมาอีก ตอร์เรสมีปัญหาอาการบาดเจ็บตลอดในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล2008-209 อย่างไรก็ตามเขาก็มีชื่อติดอยู่หนึ่งในตัวเต็งที่จะได้ลุ้นนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของฟีฟ่า(บัลลังร์ ดอร์) ที่จะประกาศในเดือน ธันวาคม และผลออกมาเขาได้อันดับที่สาม รองจาก คริสเตียโน่ และ ลีโอเนล เมสซี่ตามลำดับ


ตอร์เรสกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ลงมาเป็นตัวสำรองในเกม เอฟเอคัพ รอบสาม และเขายิงได้1ประตูในเกมที่เอาชนะ เปรสตัน นอร์ท เอนด์1-0 นับเป็นประตูแรกของเขาที่ทำได้ในถ้วยนี้ด้วย จากนั้นเขายิงสองประตูสำคัญในเกมที่บดเอาชนะเชลซี2-0 ในวันที่1กุมภาพันธ์ 2009 


ถึงแม้ว่าตอร์เรสจะอยู่กับสโมสรลิเวอร์พูลเพียงแค่ปีครึ่งเท่านั้น แต่ก็เขาก็ได้ถูกเลือกเป็น1ใน50นักเตะยอดเยี่ยมตลอดกาลของสโมสร


มาถึงเกมสำคัญในวันที่10 มีนาคม 2009  เป็นศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยน ลีกส์ รอบ16ทีม ที่สนามแอนฟิลด์ ตอร์เรสต้องฉีดยาลงสนามจากอาการบาดเจ็บข้อเท้า แต่เขาก็ยิงได้1ประตู ก่อนจะถล่มไป4-0ท้ายที่สุด ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม5-0 สี่วันให้หลังเป็นการเปิดศึกแดงเดือด ลิเวอร์พูลต้องไปเยือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอร์เรสก็ทำประตูได้อีก ก่อนจะถล่มไป4-1 


ตอรเรสยิงประตูครบ50ลูกให้กับลิเวอร์พูลในเกมลีก2008-2009นัดสุดท้ายกับสเปอร์ และในช่วงปิดฤดูกาล เขาก็ต่อสัญญาฉบับใหม่กับลิเวอร์พูลไปจนถึง2013
 


ผลงานในระดับชาติ


ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 ตอร์เรสชนะเลิศทัวร์นาเมนต์อัลการ์ฟกับทีมชาติสเปนชุดอายุไม่เกิน 16 ปี ในเดือนพฤษภาคม ทีมีได้ลงแข่ง ในฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี และชนะเลิศ โดยตอร์เรสยิงประตูชัยซึ่งเป็นประตูเดียวในนัดชิงชนะเลิศ ตอร์เรสยิงประตูได้มากที่สุดในการแข่งขัน (7 ประตูใน 6 เกม) และได้รับเลือกให้เป็นนักกีฬายอดเยี่ยม


ในปี 2546 ตอร์เรสได้ลงเล่นเป็นครั้งแรกให้กับทีมชาติสเปน ในวันที่ 6 กันยายน 2546 ในการแข่งกระชับมิตรกับโปรตุเกส ตอร์เรสยิงประตูแรกให้ทีมชาติได้ในวันที่ 28 เมษายน 2547 โดยแข่งกับอิตาลี เมื่อปิดฤดูกาล ตอร์เรสได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติสเปน เพื่อแข่งในฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปปี 2547 ตอร์เรสได้ลงสนาม โดยการเปลี่ยนตัว ใน 2 เกมแรกในรอบแบ่งกลุ่มของสเปน แต่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในการแข่งนัดชี้ชะตากับโปรตุเกส ตอร์เรสยิงชนเสาในนาทีที่ 62 หลังจาก นูโน โกเมสยิงให้โปรตุเกสนำ ในนาทีที่ 57 สเปนแพ้ไป 1-0 และตกรอบ


ในการลงแข่งครั้งแรกในฟุตบอลโลกในปี 2549 ในเยอรมนี ตอร์เรสยิงประตูสุดท้าย ในเกมที่ชนะยูเครน 4-0 ด้วยลูกวอลเลย์ ในนัดที่สองรอบแบ่งกลุ่ม ตอร์เรสยิง 2 ประตูในนัดเจอตูนีเซีย ประตูแรกในนาทีที่ 76 ทำให้สเปนนำ 2-1 และอีกลูกจากจุดโทษ ในนาทีที่ 90 ตอร์เรสไม่ได้ลงในนัดกระชับมิตรกับโรมาเนีย ในเดือนพฤศจิกายน 2549 แต่ได้ลงเล่นในนัดกระชับมิตรกับอังกฤษ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 โดยสเปนชนะไป 1-0


ตอร์เรสถูกเรียกตัวเข้าไปเล่นฟุตบอลยูโร2008 ที่ออสเตรีย กับสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเจ้าภาพร่วม เขาเป็นคนเปิดบอลให้กับ ดาบิด บีย่า ยิงประตูแรกของทัวร์นาเมนต์นี้ ในนัดแรกที่เจอกับรัสเซีย หลังจากที่เปลี่ยนตัวออก ตอร์เรสไม่พอใจ ถึงขนาดไม่จับมือกับ หลุยส์ อาราโกเนส เทรนเนอร์ทีมชาติสเปน แต่เขาก็มายิงประตูแรกของตัวเองได้สำเร็จในเกมที่เฉือนชนะสวีเดน2-1 และตอร์เรสก็เป็นพระเอกในนัดชิงชนะเลิศ ยิงประตูชัยเฉือนชนะ1-0 พร้อมกับได้รับเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกมนี้ด้วย ในที่สุดฝันของผมก็เป็นจริง นี่เป็นแชมป์แรกของผม นี่เป็นรายการใหญ่รองจากฟุตบอลโลก ผมมีความสุขจริงๆ


ตอร์เรสมีชื่ออยู่ในทีมชาติสเปนชุดคอนเฟดเดอเรชั่นคัพ 2009 ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ และเขาก็เปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการซัดแฮตทริก17นาทีแรก ในแมตซ์ที่ถล่มสเปน5-0 และเป็นแฮตทริกที่เร็วที่สุดของเขาในชุดทีมชาติด้วย


แต่ในท้ายที่สุดแล้วสเปนก็ต้องอกหักไปไม่ถึงดวงดาว หลังจากพ่ายอเมริกาไปอย่างเหลือเชื่อในรอบรองชนะเลิศ0-2


ลับเฉพาะกับ เฟร์นานโด ตอร์เรซ


- ตอร์เรสสนิทกับเพื่อนร่วมทีมชาติสเปน เซร์คีโอ รามอส กองหลังดาวรุ่งของ เรอัล มาดริด
- ตอร์เรสเดทกับแฟนสาวโอลายา (Olalla) ตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งเขารู้จักตั้งแต่อายุแปดขวบ โดยครอบครัวของตอร์เรส ย้ายไปอยู่บ้านในถนนเดียวกับแฟนสาวในกาลิเซีย
- ตอร์เรสแสดงหนังในมิวสิกวิดีโอ เอลกันโตเดลโลโก ของ 'Ya Nada Volvera a Ser Como Antes'
- ตอร์เรส รับบทนักแสดงสมทบใน Torrente 3 ซึ่งเป็นหนังตลกสเปน ในปี 2548 เขาแสดงเป็นตัวเองและหลบหลีกอันตราย โดยเตะลูกระเบิดมือ เหมือนกับเป็นลูกฟุตบอล
- เขาสักชื่อ Fernando ที่ด้านในแขนซ้าย ด้วยภาษาTengwar สักหมายเลข 9 ที่ด้านในแขนขวา และสักวันที่ 7-7-2001 เป็นตัวเลขโรมัน ที่ด้านในน่องขวา


เกียรติประวัติ

ระดับสโมสร

แอตเลติโก มาดริด
แชมป์
- สเปน ดิวิชั่น 2: พ.ศ. 2544-45
- ไนกี้คัพ ยุโรป ปี 2541 (บอลเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี)

ทีมชาติสเปน
แชมป์
ทัวร์นาเมนต์อัลการ์ฟ ปี 2544 รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี
ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ปี 2544      
ปี 2545 ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี
แชมป์ยูโร2008

ระดับส่วนตัว

แชมป์
ผู้เล่นยุโรปยอดเยี่ยม รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ปี 2541
ผู้เล่นยอดเยี่ยม, ยิงประตูสูงสุด ( 7 ลูก ใน 6 เกม ) ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ปี 2544
ผู้เล่นยอดเยี่ยม, ยิงประตูสูงสุด ( 4 ลูก ใน 4 เกม ) ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ปี 2545
ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนกุมภาพันธ์ ฤดูกาล 2007-2008 พรีเมียร์ชิพอังกฤษ
ดาวซัลโวสูงสุดประจำสโมสรลิเวอร์พูล ฤดูกาล2007-200
ทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ฟุตบอล ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีกส์ ปี2008
ทีมยอดเยี่ยมฟิพโปร11:2007-2008
เครดิต http://www.sport-idol.com/profiles/Idol/33.html 


align=center



























align=center











align=center











align=center











align=center











align=center











align=center









align=center







หลังจากช่วง 2 ปีมานี่เราเชลซีไม่มีตัวบิ๊กเนมเข้าสู่ทีมจนแฟนทีมอื่นเริ่มแซวว่าเฮียจะหมดรักเชลซีแต่เราเริ่มเห็นบางอย่างจากน้ำจิ้มรามิเรสที่ 22 ล้านปอนด์ สู่ปฏิบัติการในตลาดหน้าหนาวเพราะเฮียเองก็คงรู้ว่าเราปล่อยนักเตะไปเยอะจนผลงานเริ่มไม่ปกติ เฮียจึงจัดให้แบบที่เป็ยสถิติเกาะอังกฤษซะเลยรวมสองคนนี้ค่าตัวรวม 71ล้านปอนด์ให้มันรู้ซะบ้างใครใหญ่ใครของจริง55 ขอบคุณเฮียมากครับที่ทำให้แฟนบอลเชลซีทั่วโลกได้ดาวยิงระดับโลกที่มีภาพลักษณ์พระเอกสุดๆแบบ ตอเรส และพ่วงด้วยกองหลังที่ทั่วยุโรปจ้องตาเป็นมันอย่าง ดาวิด หลยส์แฟนบอลเชลซีตื่นเต้นจังอยากดู ตอเรสเปิดตัวเล่นนัดแรกกับลิเวอร์พลู ไวไว
src=http://www.siamsport.co.th/_ImagesNews/110201G1S41150.jpg




HD Fernando Torres - Él Niño 2010 HD




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์