เปิดภารกิจค้นหาทายาท จานลุยจิ บุฟฟ่อน

หลังอาการบาดเจ็บของจานลุยจิ บุฟฟ่อน ได้รับการยืนยัน กระแสความกังวลได้แพร่กระจายทั่ววงการลูกหนังกัลโช่ มีการพูดถึงขนาดว่าทีมชาติอิตาลีกำลังเผชิญวิกฤตนายทวารครั้งเลวร้ายที่สุด แต่สถานการณ์จริงรุนแรงแค่ไหน บทวิเคราะห์นี้จะช่วยให้คำตอบทั้งหมดได้...



ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายน ในเกมนัดเปิดสนามศึกเวิลด์ คัพ 2010 ของอิตาลี กับปารากวัย อาการบาดเจ็บหมอนรองกระดูกเคลื่อนของจานลุยจิ บุฟฟ่อน กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความกังวลว่าหน้าปากประตูของพวกเขาจะลดความแข็งแกร่งลงหลายเท่า เป็นปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับกองเชียร์ “อัซซูรี่” หากเทียบกับตำแหน่งอื่นๆ หลังจากวงการฟุตบอลแดนมะกะโรนีขึ้นชื่อในเรื่องการสร้างผู้รักษาประตูระดับโลกในทุกยุคทุกสมัย
                

พลิกหน้าประวัติศาสตร์ลีกอิตาลี จะพบรายชื่อนายทวารชั้นยอดมากมายที่เคยสร้างผลงานลือลั่นบนแผ่นดินรูปรองเท้าบู๊ต “อูโอโม่ ดิ กอมม่า” (ไอ้มนุษย์ยาง) จามปิเอโร่ คอมบี้ เป็นเหมือนผู้จุดประกายให้เด็กชาวอิตาลีอยากทำหน้าที่ระหว่างเสาทั้ง 2 ข้าง หลังจากเขาช่วยให้ยูเวนตุส คว้าแชมป์เซเรีย อา 5 สมัย โดยเป็นการคว้าแชมป์ติดต่อกัน 4 ฤดูกาลระหว่างปี 1931-34 รวมทั้งเป็นมือ 1 ของทีมชุดแชมป์โลกสมัยแรกในปี 1934 อีกด้วย
                

อีก 1 ตำนานเทพพิทักษ์ประตูของทัพ “อัซซูรี่” ดิโน่ ซอฟฟ์ 1 ใน 2 นายทวารที่ลงเล่นให้ยูเวนตุส มากกว่า คอมบี้ และเป็นนักเตะที่เชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลคนหนึ่งของโลก ซอฟฟ์ ติดทีมชาติ 112 เกมในช่วงชีวิตค้าแข้งที่ยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ความสำเร็จสูงสุดของเขาถูกประกบด้วยตำแหน่งแชมป์ยูโร 1968 และแชมป์เวิลด์ คัพ 1982 คั่นกลางด้วยสถิติไม่เสียประตูยาวนาน 1,142 นาที ระหว่างเดือนกันยายน 1972 จนถึงเดือนมิถุนายน 1974 ที่ช่วยให้สถานะของเขาในหน้าประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอิตาลีมั่นคงยิ่งขึ้น
                

หากย้อนกลับไปราว 2 ทศวรรษก่อน “ไอ้แมงมุม” วอลเตอร์ เซ็งก้า เป็นเป้าหมายที่ผู้รักษาประตูคนอื่นๆ จ้องจะโค่น เขาเป็นมือ 1 ของอินเตอร์ ชุดแชมป์เซเรีย อา ฤดูกาล 1988-89 รวมทั้งคว้าแชมป์ยูเอฟ่า คัพ 2 สมัยกับทีม สร้างชื่อเป็นตำนานในศึกเวิลด์ คัพ 1990 ด้วยการทำสถิติไม่เสียประตู 517 นาที ยาวนานที่สุดของทัวร์นาเม้นต์ และช่วยให้อิตาลี คว้าอันดับ 3 หลังจากต้องผิดหวังกับการพ่ายจุดโทษอาร์เจนตินา ในรอบรองชนะเลิศ


                


ฮีโร่ของชาวเมือง
                

นายทวารหลายคนได้รับการยกย่องเหมือนเป็นวีรบุรุษจากการที่ผู้รับตำแหน่งนี้ในอิตาลีเหมือนเป็นการอุทิศตัวเพื่อพระเจ้า จนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้สโมสรของพวกเขาถูกบุกรุกจากมือกาวต่างชาติจนสร้างความเสียหายให้วงการฟุตบอลอิตาลีอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
               

ยูเวนตุส เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน หลังจากต้องใช้เวลานานกว่า 100 ปีสำหรับพวกเบียงโคเชเลสเต้ ในการเซ็นสัญญาผู้รักษาประตูต่างชาติคนแรก ด้วยการคว้า เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ จากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในปี 1999 แต่เพียงแค่ 2 ฤดูกาลถัดมา นายทวารชาวดัตช์ถูกโละทิ้ง และบุฟฟ่อน เข้ามารับหน้าที่มือ 1 คนใหม่ หลังจากผู้บริหาร “ม้าลาย” ยอมจ่ายเงิน 33 ล้านยูโรเป็นค่าตัวของเขา
               

ในขณะที่ลีกเพื่อนบ้านในยุโรป แสดงท่าทางเยาะเย้ยค่าตัวที่แพงเว่อร์ของผู้รักษาประตู “เพียงคนเดียว” แฟนบอลอิตาลีตอบโต้ด้วยการแสดงความภาคภูมิใจว่าผู้รักษาประตูที่มีค่าตัวสูงที่สุดเป็นคนชาติเดียวกับพวกเขา มีไม่กี่คนที่สงสัยในพรสวรรค์ของบุฟฟ่อน แต่เหตุการณ์นั้นผ่านล่วงเลยมานานกว่าทศวรรษ การรับมือค่าตัวมหาศาลได้อย่างง่ายดาย ทำให้ “จิจี้” ก้าวสู่ระดับการเล่นที่แม้กระทั่งแฟนบอลเซเรีย อา ที่คอยสนับสนุนเขามาตลอดยังประหลาดใจ
                

อดีตนายทวารดาวรุ่งปาร์ม่า ได้รับเหรียญแชมป์เวิลด์ คัพ และผ่านการติดทีมชาติเกินกว่า 100 นัดในระยะเวลา 13 ปี และฟอร์มการป้องกันประตูในลีกทุกๆ สัปดาห์ ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมเซเรีย อา 9 สมัย เขาเป็นเหมือนป้อมปราการสุดท้ายของทั้งสโมสร และทีมชาติที่แข็งแกร่งเกินกว่าคู่แข่งจะทะลวงผ่านไปได้
                

แต่เมื่อไม่นานนี้ป้อมปราการแห่งนี้ เริ่มมีรอยร้าวปรากฏให้เห็น ฟอร์มการเล่นของเขาไม่ได้ตกลง แต่เป็นที่ร่างกาย บุฟฟ่อน กลายเป็นนักเตะบาดเจ็บได้ง่ายในช่วงหลัง จนทำให้แฟนบอล “อัซซูรี่” เริ่มกังวลใจว่าใครจะมาสืบทอดตำแหน่งแทน “ซูเปอร์แมน” ของพวกเขา ? 
มีคำพูดคุนหูในวงการฟุตบอลว่าเบื้องหลังนายทวารผู้ยิ่งใหญ่มีตัวสำรองของเขาอยู่ ในอดีตทีมชาติอิตาลี ดูเหมือนจะมีจอมหนึบพรสวรรค์สูงให้เลือกใช้งานแบบไม่จำกัด ใครก็ตามที่ได้สวมเสื้อ “อัซซูรี่” หมายเลข 1 จะต้องเตรียมรับมือการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งในทันที ซอฟฟ์ ต้องทำผลงานแข่งกับ เอ็นริโก้ อัลเบร์โตซี่ ของฟิออเรนติน่า ขณะที่สเตฟาโน่ ทัคโคนี่ ตามหายใจรดต้นคอของเซ็งก้า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เขาครองตำแหน่งมือ 1 แต่กลุ่มนายทวารที่มีชื่อเสียงในยุค 90 อย่าง จานลูก้า ปาบูก้า,อังเจโล่ เปรุซซี่ และฟรานเชสโก้ ตอลโด้ ต้องถูกขัดขวางจนไม่มีใครมีโอกาสรับใช้บ้านเกิดเกิน 40 นัดจากฟอร์มที่สม่ำเสมอของบุฟฟ่อน
                

แต่ทั้งหมดกลายเป็นอดีตไปแล้ว ในตอนนี้มีความวิตกกังวลว่าพวกนายทวารสำรองที่มีความสามารถสูงมีเหลือเพียงไม่กี่คน การประกาศรายชื่อขุนพล “อัซซูรี่” ในการประเดิมเกมแรกศึกยูโร 2012 รอบคัดเลือก ไม่มีชื่อของ 3 ผู้รักษาประตูที่เดินทางไปแอฟริกาใต้ ในช่วงซัมเมอร์อยู่เลย
 

บุฟฟ่อน เป็นที่รู้กันดีว่ากำลังอยู่ระหว่างพักฟื้นจากการผ่าตัด ขณะที่เชซาเร่ ปรันเดลลี่ ได้เห็นความล้มเหลวของการจำกัดโอกาสของมอร์แกน เด ซานซ์ติส และเฟเดริโก้ มาร์เช็ตติ โดยเฉพาะรายหลังที่ได้รับการจับตามองจากผลงานกับ “ชาวเกาะ” กายารี่ หลังจากนายทวารวัย 27 ปี ดูเหมือนจะเป็นตัวเต็งที่จะได้รับไม้ต่อจากบุฟฟ่อน จากการได้ลงเฝ้าเสาแทนในศึกฟุตบอลโลก และยังได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของตำแหน่งตัวจริงที่ออกมาพูดว่า “ตัวเลือกที่ผมถูกใจมากที่สุดคือ มาร์เช็ตติ เด็กหนุ่มคนนี้มีอนาคตการเล่นฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่รออยู่”
 

อย่างไรก็ตามหลังจากการถูก มัสซิโม่ เซลลิโน่ ประธานสโมสรกายารี่ ประกาศตัดสัมพันธ์ มาร์เช็ตติ ยังไม่เคยลงเล่นให้ทัพรอสโซ่บลู ในฤดูกาลนี้ และต้องรอโอกาสหาสโมสรใหม่จนกระทั่งเปิดตลาดซื้อขายนักเตะรอบต่อไป แม้ว่าพวกนักเตะระดับอาวุโสของทีมรวมถึง ดานิเอเล่ คอนติ กัปตันทีม จะพยายามประท้วงการกระทำของฝ่ายบริหารก็ตาม แต่ความบาดหมางรุนแรงเกินกว่าจะแก้ไข และน่าเศร้าที่ถึงเขาจะได้ย้ายทีมในเดือนมกราคม โอกาสที่จะได้พิสูจน์ตัวเองในทีมชาติได้ผ่านพ้นไปแล้ว
 

ขณะที่พวกนายทวารประสบการณ์สูงของเซเรีย อา มีเพียงไม่กี่รายที่มีลุ้นจะได้รับโอกาสในทีมชาติ คนที่ได้รับการยกย่องว่ามีผลงานระดับหัวแถวของลีกในเวลานี้อย่างเป็นเอกฉันท์ ฟรานเชสโก้ อันโตนิโอลี่ ของเชเซน่า ดูจะเหลืออนาคตการเล่นอีกไม่นานด้วยวัยที่ปาไปถึง 41 ปี ,มัตเตโอ เซเรนี่ ของเบรสชา มีฟอร์มการป้องกันประตูที่สุดยอดเช่นกันในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล แต่ยังขาดประสบการณ์ในเกมระดับสูง และอายุ 35 ปีก็ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาในระยะยาวแน่นอน ,คริสเตียน อับเบียติ ของมิลาน ต้องล้มเหลวกับการพิสูจน์ตัวเองมาตลอด และมาร์โก สโตรารี่ ที่เป็นตัวสำรองของบุฟฟ่อน ที่ยูเวนตุส ถือว่าเป็น 1 ในนายทวารที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในเซเรีย อา เมื่อฤดูกาลก่อน ตอนถูกปล่อยให้ซามพ์โดเรีย ยืมตัว แต่การป้องกันประตูของเขาก็ยังไม่ดีพอในระดับชาติ


 


เหล่านายทวารรุ่นใหม่
 

แทนที่จะหวังพึ่งพวกตัวเก๋า การพัฒนาที่ยอดเยี่ยมของพวกนายทวารระดับเยาวชนดูจะเป็นการเดินไปข้างหน้าสำหรับทัพ “อัซซูรี่” มากกว่า อันโตนิโอ มิรันเต้ วัย 27 ปีของปาร์ม่า และจานลูก้า คูร์ซี่ วัย 25 ปีของซามพ์โดเรีย กำลังเริ่มต้นเส้นทางที่จะก้าวสู่การเป็นมือ 1 ของสโมสร ด้วยความสามารถที่ต้องยอมรับ
 

อย่างไรก็ตามผลงานของซัลวาตอเร่ ซิริกู (23 ปี) ของปาแลร์โม่ และเอมิเลียโน่ วิเวียโน่ (24 ปี) ของโบโลญญ่า 2 ผู้รักษาประตูที่ปรันเดลลี่ ให้โอกาสเข้ามาเป็นตัวแทนของบุฟฟ่อน อนาคตของทีมชาติอิตาลี ดูเหมือนจะอยู่ในมือที่ปลอดภัย ด้วยความสามารถในการเรียนรู้ที่รวดเร็ว และประสบการณ์ที่รออยู่ในการเล่นอีกหลายปีข้างหน้า ทั้ง 2 คนต่างมีโอกาสที่ดี และถูกประกบให้เป็นคู่แข่งในการแย่งชิงตำแหน่งตัวสำรองของบุฟฟ่อน ไปเรียบร้อย แต่ใครกันแน่ที่จะเหมาะสมกับบทบาทนี้ ?
 

ชั่วโมงนี้ต้องยอมรับว่า วิเวียโน่ ยืนอยู่หัวแถว จากการที่ได้รับเลือกให้ลงเป็นตัวจริงใน 3 จาก 4 เกมรอบคัดเลือกยูโร 2012 ที่ผ่านมา เขาได้รับประสบการณ์สำคัญในการเล่นให้ทีมชุดใหญ่จากการเลือกย้ายสู่เบรสชา ตอนเป็นดาวรุ่งทำให้เขามีโอกาสลงเฝ้าเสามากกว่า 120 เกม และสร้างผลงานประทับใจจนทำให้ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน เข้ามาถือสัญญาเป็นเจ้าของร่วมในตัวเขา ก่อนที่โบโลญญ่า จะมาซื้อสิทธิ์อีกครึ่งเมื่อช่วงต้นซีซั่นก่อน และเขาได้แสดงให้เห็นคุณภาพในการป้องกันประตูที่ยอดเยี่ยมมาตั้งแต่นั้น
 

วิเวียโน่ เป็นผู้รักษาประตูระดับหัวแถวถึงจะมีส่วนสูงมากพอสมควร แต่เขายังมีความคล่องแคล่ว และร่างกายที่แข็งแกร่ง การเกิดที่เมืองฟลอเร้นซ์ ทำให้หลายคนเปรียบเทียบเขากับ ตอลโด้ ตำนานของฟิออเรนิตน่า จากการที่เขาใช้ความสูง 195 เซนติเมตรในการเหยียดแขนปัดลูกยิงจากมุมที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ และมีความเยือกเย็นในสถานการณ์ที่ต้องดวลกับคู่แข่งแบบตัวต่อตัว ไม่ต่างอะไรกับบุฟฟ่อน ความเชื่อมั่นของเขาสูงจนได้รับคำชมจากเซ็งก้า ที่ปัจจุบันเป็นเทรนเนอร์อัล-นาสเซอร์ ในประเทศซาอุดิอาระเบีย “เขาทำให้ผมนึกถึงตัวเองสมัยหนุ่มๆ จากการที่เขาลงแข่งด้วยความเชื่อมั่น จนเกือบจะเป็นความรู้สึกเย่อหยิ่ง แต่มันเป็นสิ่งที่สามารถช่วยเหลือได้มากจริงๆ เมื่อคุณต้องการสร้างชื่อในวงการกีฬาในฐานะคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
 

แต่ก็อย่างที่พูดบุคลิกของวิเวียโน่ ในบางครั้งส่งผลกระทบต่อการเล่นในสนาม ความเชื่อมั่นที่มากเกินไปกลายเป็นสิ่งบดบังการตัดสินใจในการออกมาตัดลูกโยนจากริมเส้น และป้องกันการแทงบอลทะลุแนวรับของคู่แข่ง ทั้งหมดนี้หมายความว่าเขาล้มเหลวในการควบคุมพื้นที่ในเขตโทษ และเป็นความรับผิดชอบของนายทวารโดยตรง ถึงจะแก้ตัวว่าเขายังอายุน้อย และประสบการณ์ในการรับมือความสนใจที่พุ่งสู่ตัวที่เพิ่มขึ้นจะช่วยกำจัดจุดอ่อนเหล่านี้ไปเอง คงมีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะบอกเราได้
 

ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่เขายังถูกจับตามองด้วยความเคลือบแคลงในการเริ่มต้นเส้นทางการเฝ้าเสาประตูให้ทัพ “อัซซูรี่” ส่งผลให้ซิริกู อาจกลายเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในสายตาของปรันเดลลี่ ขณะที่ความสามารถในการรับผิดชอบตำแหน่งมือ 1 ของประเทศบ้านเกิดอาจจะไม่สูงเท่ากับวิเวียโน่ นายทวารจากปาแลร์โม่ ถือว่ามีปฏิกิริยาตอบสนองที่น่าเหลือเชื่อ และการตัดสินใจที่เด็ดขาดที่เป็นจุดอ่อนของวิเวียโน่ ในการแย่งชิงตำแหน่ง เขามีความใจเย็น,อ่านเกมได้ดี และมีเพียงไม่กี่ครั้งที่เขาตะโกนสั่งการผิดพลาด จนสร้างความเชื่อใจให้แนวรับของสโมสรได้เป็นอย่างดี
 

เส้นทางของ ซิริกู ต้องเรียกว่าโรยด้วยกลีบกุหลาบคงไม่ผิด หลังจากได้รับโอกาสแบบไม่คาดคิดจากอดีตเทรนเนอร์ปาแลร์โม่ และตำนานนายทวารของแดนมะกะโรนี เซ็งก้า ในเกมกับลาซิโอ ในช่วงปลายเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซิริกู ช่วยเซฟจังหวะสำคัญหลายครั้งจนทำให้ทัพโรซาเนโร่ เก็บ 1 คะแนนจากการเป็นทีมเยือนได้สำเร็จ จากนั้นเขาไม่เคยมองกลับมาข้างหลังอีกเลย การมีเขายืนระหว่างเสาประตูทั้ง 2 ข้างเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สโมสรจากเกาะซิซิเลี่ยน มีลุ้นคว้าตั๋วลุยศึกยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลก่อน และปีนี้เขาเริ่มต้นด้วยฟอร์มที่เหนียวหนึบอีกเช่นเคย
 

ทางด้านวิเวียโน่ จะสามารถเดินตามเส้นทางที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญเกมลูกหนังกัลโช่คาดการณ์ไว้หรือไม่ หลังจากนี้อีกไม่นานเขาจะต้องก้าวเข้าไปวัดรอยเท้ากับ ฮูลิโอ เซซ่าร์ ที่อินเตอร์ ที่จะเป็นการตัดสินว่าเขาเหมาะสมจะได้เป็นตัวหลักของทีมชาติหรือไม่ อย่างไรก็ตามหากปาแลร์โม่ และซิริกู สามารถรักษาผลงานที่ยอดเยี่ยมต่อเนื่องจากปีก่อน ปรันเดลลี่ รู้ดีว่าเขาไม่ควรมองข้ามนายทวารหนุ่มที่มีความสามารถรอบด้านที่ลงเล่นกับสโมสรที่ถูกจัดอยู่ในระดับล่างของเซเรีย อา
 

ท้ายที่สุดแล้วความกังวลทั้งหมดอาจเป็นเรื่องที่ตื่นตระหนกกันไปเอง ทีมชาติอิตาลี ที่มีดีกรีแชมป์เวิลด์ คัพ 4 สมัย คงยากที่จะขาดแคลนผู้รักษาประตูฝีมือระดับโลก อย่างเลวร้ายที่สุดก็คงเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี้เท่านั้น 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์