เบอร์หนึ่งเกาะอังกฤษ

.

หงส์ไร้ดวงแม่นเสา-คานเจ๊าไร้สกอร์ 


หงส์แดง ลิเวอร์พูล จบฤดูกาลไปแบบหงอยๆมีโอกาสจะได้ประตูแต่เทพีแห่งโชคไม่เข้าข้างทั้งเสากับคานช่วยกันเซฟเสมอ ฮัลล์ แบบไร้สกอร์ 0-0 


พรีเมียร์ลีก 
วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน 2553 


ฮัลล์ 0-0 ลิเวอร์พูล 
ประตู:
 ไม่มี 

ครึ่งแรก 

เอลซาร์ยิงดีประตูเซฟเยี่ยม 
เปิดฉาก หงส์แดง ค่อยๆลำเลียงเกมรุกไม่ผลีผลามกระทั่งนาที 18 เจ้าหนูเอลซาร์ที่ได้รับโอกาสเกือบแจ้งเกิดเมื่อกระชากหลบสองกองหลังก่อนสับไกยิงเต็มข้อระยะ 20 หลาบอลกำลังจะเสียบใต้คานแต่ ดุ๊ค นายทวารปัดข้ามคาน 

หงส์อดนำโดนสกัดคาบเซ็ง 
อีกสองนาทีถัดมา ลิเวอร์พูล มีโอกาสใกล้เคียงจะได้ประตูขึ้นนำมากที่สุดจากจังหวะ เจอร์ราร์ด เปิดฟรีคิกทางซ้าย ดุ๊ค นายทวารออกมาชกบอลทิ้งไม่พ้นอันตราย เอล ซาร์ เก็บตกจากแถวสองยิงสวน เดิร์ค เคาท์ โหม่งเช็ดบอลจะตุงตาข่ายอยู่แล้วแต่ บัวเต็ง ยืนบนเส้นโขกสกัดทิ้ง 

หงส์เกือบโดนคูลเลนหาบอลไม่เจอ 
บุกอยู่นานทำอะไรไม่ได้ ฮัลล์ ไม่กลัวเดินหน้าลุยเปิดเกมบุกเข้าใส่นาที 35 ไคลร์นี่ย์ สับไกนอกกรอบเขตโทษบอลแฉลบมาหา คูลเลน ยืนอยู่หน้าปากประตูหาบอลไม่เจอทำให้ไปเข้าซอง เรน่า 

หงส์รอดตายอีกแล้ว 
อีกสองนาทีถัดมา ลิเวอร์พูล รอดพ้นการเสียประตูอย่างหวุดหวิดจากจังหวะ แอตกินสัน เปิดบอลจากทางขวาเข้าไปเข้าในกรอบเขตโทษ คูลเลน โหม่งคนเดียวเน้นๆเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว เรน่า ยืนขาตายหมดสิทธิ์เซฟแล้ว 



อาควิชนคานแอกเกอร์ยิงนก 
นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูล ไม่ได้พกดวงมาด้วยจากจังหวะยิงเหน่งๆเน้นๆของ อาควิลานี่ บอลผ่านมือนายทวารฮัลล์ชนคานเต็มๆกระดอนเข้าทางปืน แอกเกอร์ วางเท้ายิงไม่ดีข้ามคานหมดลุ้น จบครึ่งแรกเสมอไร้สกอร์ 



ครึ่งหลัง 

ฮัลล์เขย่าขวัญหงส์ 
กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ไปได้แค่ห้านาทีเจ้าถิ่นใกล้เคียงจะได้ประตูขึ้นนำ เมนดี้ เติมเกมรุกทางขวาผ่านไปหน้าประตู คูลเลน พยายามชาร์จเผาขนไม่โดนไม่งั้นเฮแล้ว 

เมนดี้ส่องไกลเรน่าเซฟเยี่ยม 
ไม่รู้ว่า ราฟา ไปแก้เกมแบบไหนไม่ทราบ หงส์แดง บุกไม่ขึ้นเลยแถมเกือบโดนเจ้าถิ่นส่องเมื่อเกมดำเนินมาถึงหนึ่งชั่วโมง เมนดี้ ลักไก่สับไกระยะ 30 หลาบอลกำลังจะมุดใต้คานแต่ เรน่า ปัดทิ้งออกไป 

หงส์เฉื่อยๆฮัลล์ได้เสียวอีก 
เกมรุกของลิเวอร์พุลหายไปเลยห้านาทีสุดท้าย ไคลร์นี่ย์ สับไกนอกกรอบเขตโทษบอลพุ่งเป็นจรวดเล่นเอา เรน่า ทุบทิ้งแทบไม่ทัน 

หัวขิงได้เสียว 
ท้ายเกม หงส์แดง กลับมาบุกอีกครั้งนาที 88 เจอร์ราร์ด สับไกยิงใกล้เส้นเขตโทษทางขวาระยะไม่ถึง 18 หลาบอลหลุดเสาสองออกไปนิดเดียว 

หัวขิงไร้ดวงชนเสา 
ทดเจ็บ ลิเวอร์พูล เกือบจะได้ประตูชัยจาก สตีวี่จี กระชากเข้าไปใกล้หัวกระโหลกแล้วสับไกยิงบอลชนเสาเหลี่ยมนอกกระดอนออกไปจบเกมเสมอไร้สกอร์ 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
ฮัลล์: 
แมตต์ ดุ๊ค 7,แบร์นาร์ เมนดี้ 7,แอนโธนี่ การ์ดเนอร์ 6,สตีเฟ่น มูโยโคโล่ 6,แอนดี้ ดอว์สัน 7,วิล แอตกินสัน 7,จอร์จ ยัวเต็ง*8,ทอม ไคร์นี่ย์ 7,เควิน คิลบาน 6(โจวานนี่ 6 น.76),มาร์ค คูลเลน 7,แยน เฟเนกูรอฟ ฮัสเซลลิงก์ 6(เฟแกน - น.84) 

ลิเวอร์พูล: โฆเซ่ เรน่า 7,ฮาเวียร์ มาสเคราโน่,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6,โซติริออส คีย์เกียกอส 7,ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 7,อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ 6(ปาเชโก้ 5 น.74),ลูคัส เลว่า 5,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 7,ไรอัน บาเบิ้ล 6(โรบินสัน - น.87),เดิร์ค เคาท์,นาบิล เอล ซาร์ 5(เอ็นก็อก 5 น.62) 


 

 

 
 
 
 
 
 
 
_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck ##### 
จบสวย!ปืนถล่มเจ้าสัว4-0ปิดท้ายฤดูกาล 

ถึงอาร์เซน่อลจะไม่ได้ลุ้นแชมป์ในนัดสุดท้าย แต่ก็เล่นอย่างเต็มที่เพื่อเป็นของขวัญให้แฟนๆที่เข้ามาชมในสนาม เปิดบ้านถล่มฟูแล่มไป 4-0 จบฤดูกาล 2009-2010 ด้วยอันดับที่สาม 

พรีเมียร์ลีก 

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2553
 

อาร์เซน่อล 4 : 0 ฟูแล่ม 

ประตู : 
1-0 อังเดร อาชาวิน น.21, 2-0 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ น.26, 3-0 คริสแบร์ด น.37 (ทำเข้าประตูตัวเอง), 4-0 คาร์ลอส เวล่า น.84 

ครึ่งแรก 

เพอร์ซี่ปั่นเกือบหาย 
เริ่มเกมมาได้ 9 นาที อาร์เซน่อลเกือบได้ประตูขึ้นนำจากฟรีคิกแถวมุมธงของโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ที่ปั่นเข้ามาบอลจะเสียบคานอยู่แล้ว แต่ชวาร์เซอร์ปัดออกไปได้หวุดหวิด

นาสรี่ส่องไกลเฉี่ยวเสานิดเดียว 
เกมเข้าสู่นาทีที่ 13 อาร์เซน่อลได้โอกาสจะแจ้งอีกครั้ง จากจังหวะที่ซาเมียร์ นาสรี่ลองส่องไกลจากหน้าเขตโทษ บอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว 

อาชาวินเก็บส้มจากชวาร์เซอร์ปืนนำ1-0 
นาทีที่ 21 อาร์เซน่อลมาได้ประตูขึ้นนำจนได้ จากจังหวะที่ไม่น่าจะมีอะไร เมื่อมาร์ค ชวาร์เซอร์ครองบอลอยู่ในเขตโทษ แต่ว่าแตะบอลยาวเกิน ทำให้อาชาวินวิ่งมาฉกบอลไป ก่อนแตะหลบชวาร์เซอร์ล็อกหลอกชวาร์เซอร์ที่พยายามจะวิ่งมาสกัดหนึ่งที แล้วซัดมุมแคบแฉลบกองหลังฟูแล่มเข้าไป 

เพอร์ซี่เกือบไป!ซัดจ่อๆติดแต่ยังดีซ้ำเข้า 
เกมเข้าสู่นาทีที่ 26 อาร์เซน่อลมาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ธีโอ วัลค็อตต์หลุดเดี่ยวขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจ่ายถวายพานให้โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ซัดทันที แต่จังหวะแรกไปติดมาร์ค ชวาร์เซอร์บอลกระเด้งไปโดนคาน กลับมาเข้าทางเพอร์ซี่อีกครั้ง คราวนี้ไม่พลาดแล้วซัดเข้าไปไม่เหลือ 

ครึ่งชั่วโมงผ่านเป็นอาร์เซน่อลที่ครองบอลบุกอยู่ฝั่งเดียว เรียกได้ว่าฟาเบียงสกี้แทบไม่ต้องทำอะไรเลย 

เจ้าสัวยิงตัวเองปืนนำ3-0 
นาทีที่ 38 อาร์เซน่อลมาได้ลูกที่สาม จากความผิดพลาดของกองหลังฟูแล่ม ในจังหวะที่วัลค็อตต์ได้บอลเลี้ยงขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนเปิดเลียดเข้ากลางไป บอลผ่านมาหมดจนมาถึงคริส แบร์ดพยายามจะสกัดออก แต่ว่าผิดเหลี่ยมบอลเข้าประตูตัวเองไป อาร์เซน่อลนำห่าง 3-0 หลังจากนั้นก็ไม่มีประตูเพิ่มอีก ทำให้จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้ 


ครึ่งหลัง 

ปืนเกือบอีก!เพอร์ซี่ซัดชนเสา 
เริ่มครึ่งหลังมาได้ 4 นาที สกอร์น่าจะไหลเป็น 4-0 จากจังหวะที่ซานย่าเปิดบอลเข้ากลางมาให้เพอร์ซี่เข้าฮอส แต่ว่าชวาเซอร์ตัดบอลได้ก่อน แต่ก็ยังมาเข้าทางเพอร์ซี่ซัดทันที แต่ว่าบอลดันไปชนเสากระเด้งออกมาซะงั้น 

ฟูแล่มโชคร้ายผู้ตัดสินไม่เป่าให้จุดโทษ 
ในนาทีที่ 64 ฟูแล่มน่าได้จุดโทษจริงๆ จากจังหวะที่โซล แคมป์เบลไปสกัดเดมป์ซี่ย์ล้มลงในเขตโทษ แต่กรรมการกลับไม่ว่าอะไร 

เวล่าเหนือ!ชิพข้ามชวาร์เซอร์ปืนนำ4-0 
เหนือจริงๆสำหรับประตูที่สี่ของอาร์เซน่อล จากจังหวะที่นาสรี่บอลทะลุช่องให้คาร์ลอส เวล่าหลุดกับดักล้ำหน้าไปเดี่ยวๆกับชวาร์เซอร์ ก่อนจะชิพนิ่มๆข้ามหัวเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น 

หลังจากนั้นก็ไม่มีประตูเพิ่มเติม ทำให้จบเกมอาร์เซน่อลเปิดบ้านเอาชนะฟูแล่มไป 4-0 มีคะแนนขึ้นมาเป็น 75 แต้ม จบฤดูกาล 2009-2010 ด้วยอันดับที่ 3 


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

อาร์เซน่อล : 
ลูคัสซ์ ฟาเบียงสกี้ 5 , มิคาเอล ซิลแวสต์ 6 (ชูรู น.62,5), โซล แคมป์เบล 7, กาเอล กลิชี่ย์ 7, บาการี่ ซานย่า 6, อาบู ดิยาบี้ 6, ซาเมียร์ นาสรี่ 7, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ 7 , อังเดร อาชาวิน 6 (เวล่า น.77,7), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ 7, ธีโอ วัลค็อตต์ 8** (แลนส์บูรี่ น.77,6) 

ฟูแล่ม : มาร์ค ชวาร์เซอร์ 5, คริส สมอลลิ่ง 6, คริส แบร์ด 5, นิกกี้ ชอรี่ย์ 5, จอห์น พานซิล 5 (เคลลี่ น.59,5), โจนาธาน กรีนนิ่ง6, คากิโช ดิกคาคอย 7, ครินท์ เดมป์ซี่ 5  (สตอร์ น.67,5), รีเซ่ 5 (เอล์ม น.45,5), สเตฟาโน่ โอกาก้า 6, อีริค เนฟแลนด์ 5 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck ##### 
เต็มที่แล้ว!ผีอัดหม้อแตก4-0ได้แค่รองแชมป์ 

นี่น่าจะเป็นชัยชนะที่ชอกช้ำที่สุดของบรรดา 'เร้ดอาร์มี่' ในฤดูกาลนี้ เพราะถึงแม้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะเอาชนะสโต๊ค ซิตี้ไปได้ 4-0 แต่เนื่องจากเชลซีเก็บ 3 คะแนนเหนือวีแกนได้ จึงทำให้พวกเขาเป็นได้เพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น มิหนำซ้ำรูนี่ย์ยังพลาดดาวซัลโวไปอีกด้วย 

พรีเมียร์ ลีก 

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษาคม 2553
 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 - 0 สโต๊ค ซิตี้ 

ประตู : 
1-0 ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ น.31,2-0 ไรอัน กิ๊กส์ น.38,3-0 แดนนี่ ฮิกกิ้นบอทอม(o.g.) น.55,4-0 จี ซุง ปาร์ค น.84 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดวางคู่หน้าเป็นรูนี่ย์ กับเบอร์บาตอฟ ส่วนแผงหลังได้ริโอ เฟอร์ดินานด์กลับมาลงเล่นอีกครั้ง ในขณะที่เกมนี้เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันส่ง 3 ผู้เฒ่า แกรี่,สโคลส์,กิ๊กส์ลงเล่นกันพร้อมหน้า โดยในนัดนี้พวกเขาต้องเก็บ 3 คะแนนในได้ และรอลุ้นผลของเชลซีว่าจะเป็นอย่างไรในการตัดสินแชมป์พรีเมียร์ ลีก 

ครึ่งแรก 

เบิร์บซัดติดบล็อก 
เริ่มเกมมาได้ 6 นาที แมนฯยูก็มีโอกาสลุ้นประตูแบบจัง ๆ จากจังหวะที่สโต๊คเสียบอลตรงกลางสนาม ก่อนที่รูนี่ย์จะฉกไปแล้วจ่ายทะลุช่องให้กับเบอร์บาตอฟได้เข้าไปซัดที่เสาแรกเต็ม ๆ แต่โดนวิลกินสันพุ่งเข้ามาบล็อกบอลออกหลังไปได้แบบหวุดหวิด 

ขณะเดียวกันจากฝากฝั่งของแสตมป์ฟอร์ด บริดจ์ แฟน ๆ เร้ดอาร์มี่ รวมทั้งเซอร์ อเล็กซ์นั่งหน้ามุ้ยทันที หลังรู้ข่าวว่าเชลซียิงขึ้นนำวีแกนไปตั้งแต่ไก่โห่ จากการทำประตูของอเนลก้า 

เบิร์บโหม่งเหินข้ามคาน 
นาทีที่ 12 เบอร์บาตอฟได้โอกาสทำประตูให้กับทีมอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาก็โหม่งลูกเปิดของนานี่ข้ามคานออกไป เพราะบอลที่เปิดมาดูเหมือนจะสูงไปนิดเดียวเท่านั้น ทำให้ต้องถอยโหม่งจนกดไม่ลง 

เอฟร่าตะลุย-ฝืนยิงไปนิด 
5 นาีทีถัดมา แมนฯยูทำกันได้สวยจากจังหวะที่กิ๊กส์จ่ายให้สโคลส์ได้ยืนรับบอลโล่ง ๆ หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะไหลออกข้างให้กับเอฟร่าที่เติมขึ้นมาในกรอบเขตโทษแตะหลบผู้เล่นของสโต๊คไปได้ แต่หลักไม่ค่อยดีเท่าไร เจ้าตัวเห็นว่ามาได้ขนาดนี้ต้องยิง เลยฝืนซัดด้วยขวาไปติดบล็อกกองหลัง ทั้ง ๆ ที่ถ้าแตะต่อให้รูนี่ย์อาจจะได้ยืนยิงเหน่ง ๆ ก็เป็นได้ 

เบิร์บโขกชนคาน 
นาทีที่ 23 เป็นโอกาสของเบอร์บาตอฟอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถเป็นประตูได้เช่นเคย จากจังหวะที่นานี่ทำได้ดีทางด้านข้าง หลอกผู้เล่นของสโต๊คก่อนจะเปิดเข้ากลางอย่างรวดเร็ว เบอร์บาตอฟขึ้นเทคตัวโขกเต็มกบาล บอลพุ่งแรงแต่ดันไปชนคานบอลเด้งออกหลังไป 

เทพเฟล็ทหนุงทีเดียวหาย 
นาทีที่ 31 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ได้ประตูขึ้นนำที่พวกเขาต้องการแล้ว จากจังหวะที่กิ๊กส์เปิดลูกเตะมุมเข้ามา วิดิชโหม่งก่อนในจังหวะแรก แต่กองหลังของสโต๊คเคลียร์ไม่ขาด ทำให้บอลหลุดไปถึงเฟลทเชอร์ที่ซัดจังหวะแรกเบียดเสาเข้าไปตุงตาข่าย แมนฯยูขึ้นนำ 1-0 แล้ว 

แต่ในความดีใจก็ปนความเศร้าไปด้วย เพราะเชลซีขึ้นนำ 2-0 จากจุดโทษของแลมพาร์ด แถมวีแกนยังเหลือ 10 ตัวอีกด้วย ความหวังของพลพรรค 'ปีศาจแดง' ริบหรี่เต็มที 

กิ๊กส์บวกประตูที่ 2 
นาทีที่ 38 แม้ว่าความหวังจะน้อย แต่พลพรรค 'ปีศาจแดง' ก็ขอทำหน้าที่ของพวกเขาต่อไป โดยได้ประตูนำห่าง 2-0 จากความยอดเยี่ยมของเบอร์บาตอฟที่กระชากหนีกองหลังของสโต๊คเข้าไปจ่ายให้กับไรอัน กิ๊กส์ที่วิ่งสอดขึ้นมาแปด้วยซ้ายตรงกลางกรอบเขตโทษ บอลพุ่งผ่านตัวเบโกวิชเข้าไปประตู แมนฯยูขึ้นนำ 2-0 แต่มันจะมีความหมายหรือไม่ต่อตำแหน่งแชมป์ ?? 

หมูเกือบยิงได้ 
ก่อนหมดเวลา 2 นาที เวย์น รูนี่ย์ได้โอกาสแรกของเขาในเกม หลังจากวิ่งหลุดเข้าไปเอาบอลในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่จะล็อกหลบฮูธด้วยการแตะเข้าซ้าย แล้วยิงทันที แต่ฮูธกลับตัวได้ทันพุ่งมาบล็อกเอาไว้ได้ก่อน 

ฟูลเลอร์เกือบยิงตีไข่แตก 
เข้าสู่ช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย ฟูลเลอร์ก็เกือบจะยิงประตูตีตื้นให้กับสโต๊ค จากจังหวะที่เฟอร์ดินานด์สร้างงานให้เพื่อนเพราะประกบเขาไม่ดี ทำให้ได้พลิกไปยิงเหน่ง ๆ ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย แต่ยังดีที่ฟาน เดอร์ ซาร์ล้มตัวปัดบอลออกมาได้ทัน 

จบ 45 นาทีแรก แม้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะนำอยู่ 2-0 ก็ตาม แต่มันดันเป็นสกอร์เดียวกันกับที่เชลซีนำวีแกนซึ่งเหลือ 10 คนอยู่ งานนี้บอกตรง ๆ ว่าหาก 'ปีศาจแดง' หวังแชมป์ก็คงต้องเพิ่งโคตรของโคตรปาฏิหารย์มาช่วยเท่านั้น 

ครึ่งหลัง 

สโต๊คยิงตัวเองซะงั้น 
เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ 10 นาที แมนฯยูก็ได้ประตูนำห่างเป็น 3-0 จากจังหวะที่รูนี่ย์รับลูกเปิดของเฟล็ทเชอร์ในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะพลิกแล้วจ่ายเลียดไปหน้าประตู ฮิกกิ้นบอทอมพยายามที่จะล้มตัวสกัด แต่บอลดันผิดเหลี่ยมพุ่งเข้าชนคานเข้าประตูไป 

ไม่รู้ว่าจะบังเอิญอะไรขนาดนั้น พอแมนฯยูได้ประตูที่ 3 เชลซีเองก็ได้ประตูที่ 3 เช่นเดียวกัน เรียกได้เลยว่าแชมป์น่าจะตกไปอยู่กรุงลอนดอนค่อนข้างแน่นอนแล้ว 

ป๋าทำใจ!ส่งดาวรุ่งลงเล่น 
นาทีที่ 62 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันทำใจได้แล้วสำหรับการพลาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ในปีนี้ เลยส่งเฟดเดริโก้ มาเคด้า และดารอน กิ๊บสันลงไปเล่นแทนสโคลส์ กับเบอร์บาตอฟ 

งานนี้สาวก 'ปีศาจแดง' คงลุ้นได้แค่ตำแหน่งดาวซัลโวของรูนี่ย์ และการทำประตูให้ได้ของมาเคด้า เพื่อสานต่ออนาคตศูนย์หน้าของทีมต่อไปเท่่านั้น 

หมูจ่ายงามหงด-บังยิงติดเซฟ 
ถัดมา 2 นาที รูนี่ย์โชว์ทักษะการจ่ายบอลทะลุช่องทั้งแรง และคมไปให้กับนานี่ได้หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ แต่เบาหวิวทำให้เบโกวิชเซฟเอาไว้ได้ 

และแล้ว สิ่งที่เหลือลุ้นอยู่อย่างเดียวของรูนี่ย์ในพรีเมียร์ก็ทำท่าจะงานหนักขึ้น เพราะดิดิเย่ร์ ดร็อกบาบวกประตูที่ 5 ให้กับเชลซี และนี่ก็เป็นประตูที่ 27 ของฤดูกาล ส่งให้เขาแซงหน้า 'ไอ้หมู' ขึ้นไปเป็นดาวซัลโวอันดับหนึ่งในตอนนี้แล้ว 

น้าซาร์เซฟสวย 
นาทีที่ 74 เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ช่วยเซฟไม่ให้แมนฯยูโดนตีไข่แตกได้ จากจังหวะที่สโต๊คบุกสวนขึ้นมาแล้วได้โหม่งในกรอบเขตโทษ แต่น้าซาร์ยังไวพุ่งปัดไว้ได้ทัน 

น้าซาร์เซฟกระจาย-หมูโดนเปลี่ยนออก 
ถัดมา 3 นาที ฟาน เดอร์ ซาร์ก็ต้องเหนื่อยอีกครั้ง จากจังหวะที่แดนนี่ พิวจ์ปั่นไซร้จากนอกกรอบเขตโทษ บอลกำลังจะพุ่งเสียบสามเหลี่ยมอยู่แล้ว แต่น้าซาร์พุ่งสุดเหยียดแบบลืมแก่ปัดออกไปได้ 

หลังจากนั้นรูนี่ย์ก็ถูกถอดออกเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่ขาหนีบ ในจังหวะที่เขาจ่ายบอลขึ้นไปข้างหน้า เล่นเอาแฟน ๆ ทีมชาติอังกฤษ รวมทั้งฟาบิโอ คาเปลโล่ใจตกไปถึงตาตุ่มเลยทีเดียว ซึ่งแปลว่าเขาหมดสิทธิ์ลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดเรียบร้อยแล้ว 

ปาร์คโขกปลอบใจแฟนผีชาวเอเชีย 
นาทีที่ 84 จี ซุง ปาร์คที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนรูนี่ย์ก็ทำประตูปลอบใจแฟนแมนฯยูในเอเชีย จากจังหวะที่กิ๊กส์เปิดบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนที่บอลจะผ่านหน้าประตูเลยไปเสาสองที่มีปาร์คเติมขึ้นมาตอร์ปิโดโหม่งเข้าไปตุงตาข่าย แมนฯยูนำห่าง 4-0 แบบกร่อย ๆ 

จบ 90 นาทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเอาชนะวีแกนไปได้ 4-0 แต่พวกเขาก็เป็นได้เพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น เนื่องจากมีเพียงแค่ 85 คะแนน ซึ่งน้อยกว่าเชลซีที่ชนะวีแกนได้ไปถล่มทลาย 8-0 อยู่ 1 แต้ม 

ส่งผลให้เชลซีเถลิงแชมป์พรีเมียร์ ลีกได้อย่างสวยสดงดงาม หลังจาก 3 ปีที่ต้องทนดูแมนฯยูชูถ้วยฉลองชัยมาตลอด มาปีนี้พวกเขาก็ทำได้สำเร็จแล้ว 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 7,เนมันย่า วิดิช  7,ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6,ปาทริช เอฟร่า 7,แกรี่ เนวิลล์ 6,ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ 8*,พอล สโคลส์  7 (กิ๊บสัน 5 น.62),ไรอัน กิ๊กส์ 7,นานี่ 8,เวย์น รูนี่ย์ 6(ปาร์ค 7 น.77),ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 6(มาเคด้า 6 น.62) 

สโต๊ค ซิตี้ : แอสเมียร์ เบโกวิช 5,โรเบิร์ต ฮูธ 5,ไรอัน ชอว์ครอสส์ 5,แดนนี่ ฮิกกิ้นบอทอม 5(คอลลินส์ 5 น.67),แอนดี้ วิลกินสัน 5,เกล็นน์ วีแกน 5,ดีน ไวท์เฮด 5(ดิเยา 5 น.67),แมทธิว เอ็ตเธอริงตัน 6,รอรี่ ดีแลป 5,มามาดี้ ซิดิบี้ 5(พิวจ์ 6 น.67),ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ 6
 

 

 


 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck ##### 
เชลซีแชมป์โหด!แมลงสาบแฮทริคยิงไส้แตก 8-0 

เชลซีโหดตั้งแต่ต้นจนจบหลังเปิดบ้านไล่ถล่มวีแกน 10 ตัวแบบไม่ต้องให้กองแช่งได้ลืมตาอ้าปาก 8-0 โดยดิดิเยร์ ดร็อกบาทำแฮทริคคว้าดาวซัลโวฉลองร่วมกับแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ยิงรวมเกิน 100 ลูกสุขกันหลายเด้ง

พรีเมียร์ลีกนัดปิดฤดูกาล 

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2553
 

เชลซี 8-0 วีแกน 

ประตู : 1-0 อเนลก้า น.6,2-0 แลมพาร์ด น.32(จุดโทษ),3-0 แลมพาร์ด น.32,4-0 กาลู น.54,5-0 ดร็อกบา น.63,ดร็อกบา น.68(จุดโทษ),3-0 ดร็อกบา น.80,8-0 อ.โคล
 

คาร์โล่ อันเชล็อตติกุนซือคางทูมไม่มีอะไรต้องลีลาส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงเต็มสูบไล่ตั้งแต่หอกสามตัวโซลามง กาลู,ดิดิเยร์ ดร็อกบา,นิโกลาส์ อเนลก้ารวมทั้งมิดฟิลด์ตัวทำเกมอย่างแฟร็งค์ แลมพาร์ด 

ครึ่งแรก 

เชลซีนำเร็ว 1-0 
เล่นมาแค่ 6 นาทีเชลซีได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะยิงฟรีคิกไกล 25 หลาของดร็อกบาพุ่งชนกำแพงบอลโด่งล้นมาเข้าทางเป็นแลมพาร์ดโขกย้อนเข้าเขตโทษให้มาลูด้าที่ยืนไลน์เดียวกับกองหลังตัวสุดท้ายพิงแล้วพักอกให้อเนลก้าจิ้มยิงจ่อๆเข้าไป 1-0 

เดอะ ลาติกส์วิ่งสู้ 
วีแกนเองก็ไม่ได้งอมืองอเท้าจะมาเล่นแก้บนให้เชลซีเหยียบหัวเป็นแชมป์ง่ายๆและเปิดเกมรุกสู้จนทำให้แบ็คโฟว์ของเจ้าถิ่นร้อนรนไปหลายจังหวะแต่โดยรวมแล้วยังเข้าทำได้ไม่จะแจ้งเท่าไหร่นัก 

เชลซีเล่นเน้นผล 
โอกาสของทั้งสองทีมอยู่ดีๆก็หายไปเลยเพราะเชลซีเล่นแบบเน้นผลไม่ผลีผลามเพราะได้ลูกขึ้นนำเร็วไปก่อนแล้ว งานนี้แฟนๆอาจต้องอดทนกันนิดเพราะนักเตะเองก็มีอาการเกร็งในบางจังหวะ 

แมลงสาบเปิดเหน่งๆติดหัว 
นาที 26 ดร็อกบาหลุดล้ำหน้าหลุดขึ้นมาทางปีกซ้ายก่อนกระชากหนีบอยซ์จนถึงเส้นหลังในเขตโทษแล้วตบบอลย้อยจะให้มาลูด้ากับอเนลก้าแต่คัลด์เวลล์ยืนดักทางโขกทิ้งก่อนไม่งั้นงานเข้าแน่ 

จบแล้ว!วีแกน 10 ตัวโดน 2-0 
แต่แล้วอีก 5 นาทีต่อมาแลมพาร์ดกระชากเข้าเขตโทษหนีคัลด์เวลล์ตัวสุดท้ายที่ดึงรั้งกันจะแจ้งหัวคมำผู้ตัดสินชูใบแดงไล่ออกทันทีและเป็นมิดฟิลด์หน้าใสลุกขึ้นมายิงผ่านมือพูลิตต์ที่พุ่งถูกทางแต่ไม่ทัน 2-0 แล้ว!! แต่ดร็อกบาก็มีงอนที่ขอยิงจุดโทษลุ้นดาวซัลโวแต่แลมพ์บอกไม่ให้ 

ช่วงเวลาที่เหลือวีแกนเล่นประคองตัวจนหมดครึ่งแรกตามหลัง 2-0 แถมตัวผู้เล่นน้อยกว่าอีกด้วย 

ครึ่งหลัง 

แลมพ์+กาลูทำชิ่งหอไอเฟ่ล 3-0 
วีแกนพยายามบู๊สู้แต่เล่นมา 8 นาทีเจอลูก 3 และต้องบอกว่าเป็นเซ้นส์ของนักเตะแค่ 2 คนจากจังหวะที่แลมพาร์ดฝากบอลให้กาลูจังก้ากับตัวประกบตรงหน้าเขตโทษแล้วมิดฟิลด์หน้าใสวิ่งตีโค้งอ้อมทำทางให้ไปตรงด้านริมกรอบโทษจนกาลูแตะให้และเป็นแลมพ์ที่วิ่งมาตบบอลเลียดย้อนให้กาลูแตะแล้วจิ้มเผาขนเข้าไปอย่างงดงาม เป็นทีมเวิร์คที่สุดยอดเอามากๆ 

ไหลโจ๊ก 4-0 
วีแกนโ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์