เทียบยุคพี่มาร์คกับเถิกสเน่ห์





เชื่อว่าแม้ มาร์ค ฮิวจ์ส กุมบังเหียน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมมหาเศรษฐที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่ช่วยไม่ได้ที่จะขอเทียบกับยุคของ สเวน โกรัค เอริคส์สัน ใครๆล้วนคิดถึงกุนซือเถิกสเน่ห์อยู่

เรียกได้ว่าสำหรับ พี่มาร์ค เขาคือชายผู้โชคดีที่สุดในโลกเหมือนกับหนูตกถังข้าวสารได้นั่งเก้าอี้ทีมเงินถุงเงินถังแถมยังได้รับความเมตตาจากท่านชีคห์มหาเศรษฐีชาวอาหรับ ทั้งๆที่ผลงานเทียบไม่ได้เลยกับยุคของอดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ

จะว่าไปแล้วไม่ใช่เรื่องยากเลยที่สโมสรร่ำรวยเป็นหมื่นๆล้านจะว่าจ้างกุนซือฝีมือดีๆเข้ามาบริหารทีม แต่ติดอยู่ที่ว่าคนเก่งๆไม่อยากมา เพราะพวกเขายังไม่มีประวัติศาสตร์นั่นเอง

ประวัติศาสตร์ในที่นี้ก็คือการแสดงให้เห็นเป็นทีมชั้นนำในอดีตได้เป็นแชมป์ระดับเมเจอร์อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือมีผู้เล่นระดับโลกเคยค้าแข้งอยู่

จะพอกล้อมแกล้มได้บ้างก็คือแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1970 แต่นั่นเป็นรายการอาภัพถูกยุบรวมเป็น ยูฟ่า คัพ หรือฟอร์แมตใหม่เป็น ยูโรป้า ลีก ในปัจจุบัน

ดังนั้นสำหรับ ซิตี้ ไม่มีอะไรเป็นที่น่าจดจำเลยแม้แต่นิดเดียวเลย จะมีก็แค่เป็นสโมสรคู่อริร่วมเมืองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งกลายเป็นโคตรทีมแบรนด์ชั้นนำของโลกไปแล้ว

ในเมื่อไม่มียอดกุนซือเก่งๆคนไหนเอาตัวมาเสี่ยง แต่หากเลือกได้ล่ะก็ เชื่อว่าแฟนบอลซิตี้ส่วนใหญ่ล้วนอยากได้ เอริคส์สัน กลับมามากกว่าจะเป็น พี่มาร์ค

เพื่อความยุติธรรมและไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำกันของ เอริคส์สัน กับ พี่มาร์ค เราลองไปเปรียบผลงานของทั้งคู่ในแต่ละยุควัดกันไปเลย

ยุคเอริคส์สัน



เริ่มต้นที่ตัวนักเตะก่อนเลยบอสฟรีเซ็กซ์นำเข้าผู้เล่น โจวานนี่ ,เกลสัน เฟอร์นานเดซ , เอลาโน่ ,มาร์ติน เปตรอฟ,วาเลรี่ โบยินอฟ ,ฆาเบียร์ การ์ริโด้ ,เบนจานี่ เอ็มวารูวารี และ เวดรัน ชอร์ลูก้า ส่วน เนรี่ คาสตีโญ่ ดาวยิงเม็กซิกันทำสัญญายืมตัว

ผู้เล่นที่ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าก็คือ เอลาโน่ โชว์ฟอร์มเข้าตาที่สุดแล้ว เขากลายเป็นกำลังหลักที่เรียกว่าขาดไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์เกมรุกหรือพังประตูสำคัญๆรวมกัน 10 ประตูพร้อมด้วยแอสซิสต์อีกนับไม่ถ้วน

ความสำเร็จที่จับต้องได้ก็คือ ผ่านเข้าไปเล่นยูฟ่า คัพ แม้จะได้มาเพราะโควต้าในฐานะแฟร์เพลย์ก็ตาม รวมไปถึงเอาชนะเกมดาร์บี้แมตช์ทั้งเหย้า-เยือนเหนือคู่รักคู้แค้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเอง

อย่างไรก็ตามใช่ว่าจะมีส่วนดี จุดที่เรียกว่าตกต่ำฉุด เอริคส์สัน ดำดิ่งที่สุดก็คือนัดสุดท้ายที่แพ้ต่อ มิดเดิลสโบรห์ ถึง 8-1 ในนัดปิดฤดูกาล และนั่นคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้กุนซือหัวเถิกต้องถูกไล่ออก


ยุคพี่มาร์ค




ฮือฮาที่สุดก็เห็นจะเป็นกระชาก โรบินโญ่ ซูเปอร์สตาร์จาก เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 32.4 ล้านปอนด์อันเป็นสถิติสูงสุดในเกาะอังกฤษ นอกจากนั้นยังมี เชย์ กิฟเว่น นายทวารจอมหนึบ,ปาโบล ซาบาเลต้า,ไนเจล เดอ ยอง,แว็งซ็องต์ กอมปานี,ทาล เบน ฮาอิม,เวย์น บริดจ์ และ เคร็ก เบลลามี่ รวมถึง ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ กลับถิ่นเก่า

แต่นักเตะที่นำเข้าทั้งหมดถือว่าสอบไม่ผ่าน คนที่โดดเด่นที่สุดกลับเป็นนักเตะที่ไม่ได้ซื้อก็คือ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ มิดฟิลด์ซูเปอร์แมนพังประตูไปรวมทุกรายการ 13 เม็ด และอีกหลายแอสซิสต์

ทว่าผลงานไม่ค่อยดีเท่าไหร่เคยหล่นไปอยู่โซนสีแดงเสี่ยงต่อการตกชั้นมาแล้วเมื่อครึ่งฤดูกาลแรกจนมีกระแสเรียกร้องให้ปลดเขาออกก่อนค่อยๆกระเตื้องขึ้นจบลงอันดับ 10

แม้ในสนามดูไม่จืดแต่นอกสนามเกือบช็อควงการทุ่มซื้อ กาก้า ด้วยสถิติโลกสูงถึง 100 ล้านปอนด์ น่าเสียดายที่เทพบุตรลูกหนังปฎิเสธ ทั้งๆที่ เอซี มิลาน ยอมรับข้อเสนอแล้ว

แม้ผลงานเข้าขั้นห่วยแตกทั้งๆที่มีขุมกำลังดีๆอยู่ในมือแต่พี่มาร์คกลับไม่ถูกปลด เขายังได้โอกาสแก้ตัวในฤดูกาลใหม่แถมยังได้งบเสริมทัพหาผู้เล่นดีๆเกรดบีอย่าง แกเร็ธ แบร์รี่, โรเก้ ซานตา ครู้ซ และเร็วๆนี้กำลังรอยืนยันเซ็น คาร์ลอส เตเบซ ดาวยิงร่างตันจากปีศาจแดง

ได้ดาราดังมาเยอะแยะขนาดนี้จะเป็นอีกบทพิสูจน์อย่างแท้จริงอีกครั้งสำหรับพี่มาร์คในฤดูกาลใหม่จะทำได้ดีกว่ายุคของ เอริคส์สัน หรือไม่ต้องจับตาดู


 

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์