เตเบซ Who!?หมูโขกเฮทดเจ็บเข้าชิงคาร์ลิ่ง

เตเบซ Who!?หมูโขกเฮทดเจ็บเข้าชิงคาร์ลิ่ง

เวย์น รูนีย์กองหน้าตีนระเบิดร้อนแรงเกินห้ามใจหลังโขกประตูสำคัญช่วงทดเจ็บนำแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอัดแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 เข้าชิงคาร์ลิ่ง คัพกับแอสตัน วิลล่าอย่างระทึกขวัญเหล่ากองเชียร์เร้ดอาร์มี่


คาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2

วันพุธที่ 27 มกราคม 2553


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 – 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ประตู : 1-0 พอล สโคลส์ น.52 , 2-0 ไมเคิ่ล คาร์ริค น.71 , 2-1 คาร์ลอส เตเบซ น.76 , 3-1 เวย์น รูนี่ย์ น.90+3

ผีอัดกลางแน่นหมูหอกเดี่ยว – เตฟล่าตาข่าย บายอร์สำรองไร้เงาบินโญ่
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเน้นการครองบอลในเกมส์นี้เต็มที่โดยอัดมิดฟิลด์มาถึง 5 คนและให้เวย์น รูนี่ย์ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าล่าตาข่าย ส่วนทางฝั่งของทีมเยือนที่กุมความได้เปรียบมาจากเกมส์แรกโดยเอาชนะทีมเจ้าบ้านมาก่อน 2-1 ยังคงให้คาร์ลอส เตเบซกองหน้าฟอร์มฮอตทำหน้าที่ต่อไป จุดที่น่าสนใจในเกมส์นี้คือเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ที่หายจากทีมไปนานเนื่องจากความเศร้าที่เพื่อนร่วมชาติโดนลอบยิงเสียชีวิตกลับมามีชื่ออยู่ข้างสนามส่วนโรบินโญ่หอกเจ้าปัญหาไร้ชื่อแม้กระทั่งตัวสำรอง

ครึ่งแรก
หมูทำสวยกิฟเว่นยังเหนียว
เกมส์ในช่วงแรกเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่บุกกดันทีมเยือนอย่างต่อเนื่อง โดยใน 5 นาทีแรก ‘ผีแดงได้เตะมุมไปแล้วถึง 3 ครั้ง และในนาทีที่ 8 โอกาสลุ้นประตูครั้งแรกของแมนฯ ยูไนเต็ดก็มาถึงเมื่อเวย์น รูนี่ย์รับบอลยาวจากสโคลส์ ก่อนจะพลิกม้วนหนีกองหลังทีมเรือใบและยิงด้วยขวาแต่บอลไปตรงตัวกิฟเว่นเซฟไว้ได้ 


 
สโคลส์ส่องไกลบอลเหิน
นาทีที่ 12 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ลุ้นอีกโดยฟรีคิกจากไรอัน กิ๊กส์ทางฝั่งซ้ายที่โดนทีมเยือนสกัดออกมา บอลลอยมาเข้าทางพอล สโคลส์วิ่งง้างตีนขวามาแต่ไกลตามสไตล์ แต่แรงไปหน่อยบอลเหินข้ามคานไปแบบได้เสียวนิดๆ

ผีบุกต่อเนื่อง – ปากเป็ดได้ลุ้น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบุกกดดันทีมเยือนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยลุ้นจากลูกเตะมุมหลายต่อหลายครั้ง และในนาทีที่ 18 ริโอ เฟอร์ดินานด์แหย่ขาเปลี่ยนทางลูกเปิดของหลุยส์ นานี่แต่บอลหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

เรือใบได้ลุ้นบ้าง – เบลลามี่โขกเบา
นาทีที่ 22 เกมส์รุกของทีมเยือนที่นานๆ จะขึ้นมาซักครั้งได้ลุ้นจากชอน ไรท์-ฟิลลิปส์ที่สปีดพาบอลหนีปาทริซ เอฟร่าทางด้านซ้าย ก่อนหนีการประกบมาได้และหยอดเข้ามาในกรอบเขตโทษ เป็นเบลลามี่ที่ทะยานขึ้นมาโหม่งแต่บอลเบาเข้ามือฟาน เดอ ซาร์

เกือบหาย! เตฟพุ่งโหม่งน้าซาร์ซูเปอร์เซฟ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้น่าได้ประตูขึ้นนำสุดๆในนาทีที่ 29 โดยเคร็ก เบลลามิ่วิ่งควบพาบอลมาทางซ้าย ก่อนบรรจงเปิดบอลเข้าไปในเขตโทษและเป็นคาร์ลอส เตเบซที่ได้พุ่งโหม่งบริเวณจุดโทษ แต่ฟาน เดอ ซาร์ยังไวพุ่งไปตะครุบไว้ได้ทัน

ขนดกเอาบ้าง – กิฟเว่นยังเหนียว
นาทีที่ 31 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโต้ตอบกลับบ้าง เป็นไรอันกิ๊กส์ที่ได้ยิงบริเวณเส้นเขตโทษ แต่เชย์ กิฟเว่นยังไวล้มตัวเซฟไว้ได้ทัน เกมส์ตอนนี้ทั้งสองทีมผลัดกันใส่เกมส์รุกอย่างเมามันส์แล้ว
ผ่านไปแล้ว 40 นาทีตอนนี้เกมส์รุกของยูไนเต็ดดูจะตื้อๆไป โดยอาศัยการทำเกมส์ริมเส้นฝั่งซ้ายแต่จังหวะครอสบอลเข้าเขตโทษกลับทำได้ไม่ดี และไม่มีลุ้นเลยแม้แต่น้อย
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันได้ จบครึ่งแรกเสมอกันไป 0-0

ครึ่งหลัง
กองหลังจริงเหรอ!?ริชาร์ดปั่นเกือบเฮ 
สาบานสิว่าเป็นกองหลังโดยในนาทีที่ 46 ไมก้าห์ ริชาร์ดแบ็คขวาของแมนฯ ซิตี้ลากบอลมาถึงบริเวณกรอบเขตโทษของยูไนเต็ด ก่อนบรรจงปั่นบอลด้วยขาซ้าย บอลกำลังจะมุดเสียบสามเหลี่ยมแต่เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ทะยานปัดออกหลังได้อย่างสุดยอด



ผีซวยแน่!เบลลามี่โดนขวดเต็มกระบาล
นาทีที่ 50 เกิดเหตุการณ์ชุลมุน โดยเบลลามี่ซึ่งกำลังจะเดินไปเตะมุมโดนแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดปาขวดใส่เต็มหัว เชื่อว่าเรื่องนี้จะโดนสมาคมฟุตบอลอังกฤษสอบสวนหนักแน่

หมามุ่ยเอาแล้ว!ผีทะยานนำ 1-0
เสียงเฮดังลั่นโรงละครแห่งความฝันในนาทีที่ 52 โดยพอล สโคลส์ชิงจังหวะจากการเคลียร์ไม่ขาดของกองหลังแมนฯ ซิตี้วิ่งมาซัดบอลบริเวณกรอบเขตโทษด้วยเท้าขวาข้างถนัด บอลพุ่งแรงและเร็วลอดดากซาบาเลต้า เสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม มาถึงตอนนี้กลายเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ได้เปรียบแล้วโดยหากเสมอกันในช่วงต่อเวลาเจ้าบ้านจะเป็นฝ่ายเอาชนะไปด้วยกฎประตูทีมเยือน

ผีกดดันไม่หยุด – โบโยต้าเกือบยิงตัวเอง
เกมส์ผ่านไป 60 นาทีเจ้าบ้านที่ขึ้นนำไปแล้วยิ่งคึกบุกไม่หยุด เป็นนานี่ที่ครอสบอลจากทางขวาเข้ามาได้เสียว และเป็นโบยาต้ากองหลังดาวรุ่งวัย 19 ปีที่วิ่งมาสกัดแต่บอลโดนไม่ดีเกือบเข้าประตูตัวเอง

เบลลามี่ลองส่องบอลหลุดไปเยอะ
นาทีที่ 67 เคร็ก เบลลามี่พยายามใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการทำประตูโดยจากจังหวะที่เขาเลี้ยงบอลอยู่ทางขวา จากนั้นลากตัดเข้าข้างในกรอบเขตโทษก่อนจะยิงด้วยเท้าซ้าย แต่วางขาไม่ดีบอลลอยเหินออกไปเยอะ

คาร์ริคมาแว้ว!ซัดพาผีนำ 2-0
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาได้ประตูหนีห่าง 2-0 จากไมเคิ่ล คาร์ริคโดยเป็นดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ที่วิ่งหนีกับดักล้ำหน้ารับบอลจากสโคลส์ แต่จังหวะจับบอลแรกไม่ดีจึงแตะกลับไปให้คาร์ริคที่ยืนจังก้ารออยู่ และแข้งทีมชาติอังกฤษบรรจงแปรบอลด้วยขวาเสียบเสาสองมุมเดียวกับพอล สโคลส์เป๊ะ!

ผีอดฝังหมูพลาดช็อค!
นาทีที่ 72 แมนฯ ยูไนเต็ดพลาดประตูตอกฝาโลงอย่างเหลือเชื่อ โดยไรอัน กิ๊กส์ผ่านบอลสุดสวยให้เอฟร่าหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ และแตะหนีตัวประกบก่อนจะเปิดบอลเข้าในให้กับรูนี่ย์ที่ยืนอยู่โล่งๆแต่ดันสะดุดบอล พลาดโอกาสทำประตูอย่างน่าเสียดาย

ยังไม่จบ!เตฟจิ้มบอลตีไข่แตก
ยังไม่จบกันง่ายๆสำหรับแมตช์นี้ โดยนาทีที่ 76 แมนฯ ซิตี้ได้ประตูตีเสมอสุดช็อคจากจังหวะที่เบลลามี่พาบอลไปทางซ้ายก่อนเปิดเข้าในและเป็นคาร์ลอส เตเบซที่จิ้มบอลเปลี่ยนทางเข้าเสาแรก จังหวะนี้ต้องโทษริโอ เฟอร์ดินานด์ที่ยืนประกบห่างสกัดลูกเปิดไม่ได้

คาร์ริคซัดพลาดช็อค
นาทีที่ 81 แมนฯ ยูไนเต็ดพลาดประตูนำห่างอย่างไม่น่าเชื่อโดยเป็นจังหวะที่ไมเคิ่ล คาร์ริครับบอลจากเอฟร่าก่อนแปรด้วยขวาแต่บอลติดกองหลัง ซึ่งลอยมาเข้าทางเขาอีกครั้ง และคราวนี้เขาซัดบอลด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อบอลเฉี่ยวหน้าประตูออกไปนิดเดียวเท่านั้น

แม่เจ้าโว้ย!หมูโหม่งเฮผีขึ้นแท่น
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 93 เวย์น รูนี่ย์โหม่งประตูที่จะส่งผีแดงเข้ารอบโดยเป็นลูกเปิดจากไรอัน กิ๊กส์และรูนี่ย์โฉบมาโหม่ง
ช่วงเวลาที่เหลือแมนฯ ซิตี้ทวงประตูคืนไม่ได้ แมนฯ ยูไนเต็ดผ่านเข้ารอบไปด้วยประตูรวม 4-3

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอฟร่า, ราฟาเอล ดา ซิลวา(เวส บราวน์ น.74), จอห์นนี่ อีแวนส์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์ , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, หลุยส์ นานี่, เวย์น รูนี่ย์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น, แวนซองต์ กอมปานี, ฮาเวียร์ การ์ริโด้(สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ น.64), ไมก้าห์ ริชาร์ด, ปาโบล ซาบาเลต้า, เดดริค โบยาต้า, ชอน ไรท์ ฟิลลิปส์(เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ น.72), แกเร็ธ แบร์รี่, ไนเจล เด ยอง, เคร็ก เบลลามี่, คาร์ลอส เตเบซ


















ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีโดย  lentee

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์