เจมส์ ดีน วีรบุรุษของผม เเละของ พวกเรา

เจมส์ ดีน เกิดที่เมืองแมริออน มลรัฐอินดีแอนา เป็นบุตรชายของนาย 'วินตัน ดีน' (ช่างเทคนิคทางทันตกรรม) กับ มิลเดรด ต่อมาทั้งหมดก็ได้ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่เมือง ซานตาโมนิก้า รัฐแคลิฟอร์เนีย ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 9 ปีได้เสียแม่ไปด้วยโรคมะเร็ง และพ่อของเจมส์ตัดสินใจส่งเขากลับไปอยู่กับญาติซึ่งเป็นลุงกับป้าที่เมืองแฟร์เมาท์ มลรัฐอินดีแอนา

ขณะที่เรียนหนังสือเจมส์ ดีนทำกิจกรรมมากมาย ทั้งการโต้วาที เล่นบาสเกตบอล แต่ที่เจมส์ให้ความสนใจมากที่สุดคือการแสดงละครเวที และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นให้เจมส์สนใจจะเป็นนักแสดง จนกระทั่งปี 1949 เมื่อเจมส์ ดีนจบมัธยม อายุได้ 18 ปี ก็ได้ย้ายกลับไปอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยงที่แคลิฟอร์เนีย เพื่อเตรียมเข้าศึกษาวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยซานตาโมนิก้า ต่อมารเจมส์ได้ย้ายจากมหาวิทยาลัยซานตาโมนิก้า ไปมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเพื่อเรียนการแสดง ที่เขาชอบแทน ซึ่งให้เขาทะเลาะกับพ่อและถูกไล่ออกจากบ้าน

หลังจากที่ต้องออกมาอยู่นอกบ้าน เจมส์ ดีนก็จำต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย และต้องหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองโดยทำงานรับจ้างหลายอย่าง รวมไปถึงการทำงานเป็นเด็กรับรถที่โรงถ่ายของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ได้มีโอกาสเล่นหนังโฆษณาของ โคคา-โคล่า และเป็นตัวประกอบในรายการเกมโชว์อยู่บ้าง แต่เมื่อเขาเห็นว่าไม่ก้าวหน้า เจมส์ ดีนจึงตัดสินใจออกเดินทางไปนิวยอร์กตามคำแนะนำของเพื่อน

เมื่อมาถึงนิวยอร์ก เจมส์ ดีน ได้สมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนการแสดงของ ลี สตราสเบิร์ก ครูสอนการแสดงที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ซึ่ง ลี สตราสเบิร์กเจ้าของโรงเรียนก็เห็นแววดาราของเจมส์ ก็เลยรับไว้เป็นศิษย์โดยเก็บค่าเรียนเพียงเล็กน้อย จนกระทั่ง ในยุคช่วงต้นทศวรรษที่ 50 เจมส์ ก็ได้เริ่มมีผลงานการแสดงทางโทรทัศน์เล็กๆ น้อยๆ มากมาย เช่นรายการ Kraft Television Theater, Studio One, Lux Video Theatre และ Robert Montgomery Presents เป็นต้น

ต่อมา เจมส์ ดีน ก็เริ่มก้าวเข้าสู่วงการหนังจอใหญ่ โดยเริ่มจากการเป็นตัวประกอบโดยไม่ได้เครดิตในหนังเล็กๆ หลายเรื่อง จนกระทั่งในปี 1955 เจมส์ ดีน ก็ได้มีโอกาสรับบทเด่นเป็นครั้งแรกในหนังเรื่อง 'East of Eden' โดยรับบทเป็นตัวละครสำคัญชื่อ 'คัล แทรกส์' ซึ่งบทนี้เองที่ส่งผลให้ เจมส์ ดีน โด่งดังและเป็นที่กล่าวถึงเป็นอย่างมาก

เจมส์ ดีน ได้รับบทนำในหนังอีกสองเรื่องคือ 'Rebel Without a Cause' และ 'Giant'

30 กันยายน ค.ศ. 1955 เจมส์ ดีน และช่างยนต์ของเขา 'รอล์ฟ วูเทอริช' ได้ขับรถ Porsche 550 Spyder สีเงินเปิดประทุนคู่ใจของเขา ออกจากเมืองลอสแอนเจลิส เพื่อไปเข้าร่วมงานแข่งรถที่เมืองซาลีน่าส์ แคลิฟอร์เนีย ขณะที่เขาขับรถอยู่บนทางหลวงสาย 466 ช่วงเมืองโชเลม แคลิฟอร์เนีย รถจากเลนฝั่งตรงข้ามซึ่งขับโดยนักศึกษาวัย 23 ปี ชื่อนาย 'โดนัลด์ เทิร์นอัพสีด' ซึ่งไม่ได้สังเกตเห็นรถของเจมส์ ได้เลี้ยวตัดหน้าเลนของเจมส์ เพื่อจะเข้าสู่ทางหลวงสาย 41 ทำให้รถทั้งสองคันประสานงากันอย่างจัง

ผลจากอุบัติเหตุจากรายงานของตำรวจที่ประสบเหตุ พบว่านายโดนัลด์ เพียงจมูกฟกช้ำและได้รับบาดแผลที่ศีรษะด้านหน้าเล็กน้อย รอล์ฟ วูเทอริช ช่างยนต์ กระเด็นตกจากรถขากรรไกรหัก และได้รับบาดเจ็บตามร่างกายเล็กน้อย ในขณะที่เจมส์ ดีน ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ตำรวจจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที เขาทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นใจเมื่อเวลา 17.59 น. ของวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1955 ซึ่งขณะนั้น เจมส์ ดีน มีอายุได้เพียง 24 ปี

30 กันยายน ค.ศ. 1955 เจมส์ ดีน และช่างยนต์ของเขา 'รอล์ฟ วูเทอริช' ได้ขับรถ Porsche 550 Spyder สีเงินเปิดประทุนคู่ใจของเขา ออกจากเมืองลอสแอนเจลิส เพื่อไปเข้าร่วมงานแข่งรถที่เมืองซาลีน่าส์ แคลิฟอร์เนีย ขณะที่เขาขับรถอยู่บนทางหลวงสาย 466 ช่วงเมืองโชเลม แคลิฟอร์เนีย รถจากเลนฝั่งตรงข้ามซึ่งขับโดยนักศึกษาวัย 23 ปี ชื่อนาย 'โดนัลด์ เทิร์นอัพสีด' ซึ่งไม่ได้สังเกตเห็นรถของเจมส์ ได้เลี้ยวตัดหน้าเลนของเจมส์ เพื่อจะเข้าสู่ทางหลวงสาย 41 ทำให้รถทั้งสองคันประสานงากันอย่างจัง

ผลจากอุบัติเหตุจากรายงานของตำรวจที่ประสบเหตุ พบว่านายโดนัลด์ เพียงจมูกฟกช้ำและได้รับบาดแผลที่ศีรษะด้านหน้าเล็กน้อย รอล์ฟ วูเทอริช ช่างยนต์ กระเด็นตกจากรถขากรรไกรหัก และได้รับบาดเจ็บตามร่างกายเล็กน้อย ในขณะที่เจมส์ ดีน ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ตำรวจจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที เขาทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นใจเมื่อเวลา 17.59 น. ของวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1955 ซึ่งขณะนั้น เจมส์ ดีน มีอายุได้เพียง 24 ปี

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์