เครื่องจักรสีแดง


แฟนบอลอังกฤษรุ่นผม หรือถ้าให้เจาะจงก็พวกที่โตมากับยุค 80 คงยังจำภาพความยิ่งใหญ่ของ ลิเวอร์พูล สมัยที่เล่นเป็นเครื่องจักรสีแดงได้ดีนะครับ

หงส์แดงยุคนั้นมี บ๊อบ เพสลี่ย์ เป็นกุนซือ หรืออาจจะรวมถึงตอน เคนนี่ ดัลกลิช เข้ามารับงานต่อก็ถือว่าใช่ มันเป็นช่วงที่ลิเวอร์พูลอยู่ในฟอร์มเทพ ครบเครื่อง ทั้งความสวยงาม ดุดัน เฉียบขาด ทีมเวิร์กลื่นไหลเหมือนกดปุ่มเปิดสวิตช์แล้วทุกอย่างก็เดินเครื่องทำงาน

หงส์แดงสุดยอดประมาณนั้น หรือถ้าใครยังนึกภาพไม่ออกก็พอจะดูจาก 2 นัดหลังของทีมยุคกุนซือ ราฟา เบนิเตซ ที่เพิ่งถล่มโบลตันกับนิวคาสเซิลรวม 8 ประตูก็ย่อมได้

ยังไม่ถึงระดับเดียวกับรุ่นพี่แต่ก็เริ่มมาในทรงเดียวกันและเนียนใกล้เคียงกัน

ทีมของราฟาค้นพบสูตรสำเร็จของตัวเอง คล้ายๆ กับที่อาร์เซน่อลหรือแมนฯยูเป็นคือ สามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยระบบการเล่น ไม่ยึดติดกับนักเตะคนใดคนหนึ่ง หงส์แดงใน 2 เกมหลังใช้ทีมเวิร์กเป็นจุดขายให้บอลกันง่ายๆ ไม่ครองไว้กับตัวนานปล่อยให้บอลเคลื่อนที่ไป แต่ละคนขยับหาที่ว่างตลอดทำให้เกมไหล ทำอะไรก็ดูง่ายไปหมด

ลิเวอร์พูลมาถึงจุดที่ค้นพบว่า simply is the best เล่นง่ายๆ นั่นแหละดีที่สุด เป็นพื้นฐานสู่ความสำเร็จที่แน่นอนที่สุด

สังเกต สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ไหมครับ 2 นัดหลังเจอร์ราร์ดเปลี่ยนไปมาก เล่นง่าย พอดีๆ ไม่มากไป ไม่น้อยไป ไม่พยายามจนกลายเป็นล้น ซึ่งหลายครั้งทำให้ทีมเสียจังหวะหรือเสียบอลอย่างไม่น่าเสีย

พูดแล้วก็เหลือเชื่อที่บทจะเปลี่ยน มันก็เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืน

ไม่รู้นะครับว่า หลังเกมเสมอฮัลล์ 2-2 ราฟา เบนิเตซ ไปทำอะไรกับทีมมา แต่ที่แน่ๆ คือ ผลลัพธ์ที่เห็นในสนามตอนนี้ ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่เติบโตขึ้นทั้งมาตรฐานการเล่นและความมั่นใจของนักเตะ

ถ้าเป็นเส้นกราฟ หงส์แดงก็ค่อยๆ ไต่สูงขึ้นๆ ซึ่งอาจจะเป็นเหมือนที่ แซมมี่ ลี ผู้ช่วยกุนซือคุยไว้ว่าทีมยังจะเล่นได้ดีกว่านี้อีก

แล้วใครจะไปหยุดลิเวอร์พูล?

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์