การแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 เมื่อเวลา 05.00 น. วันอาทิตย์ที่ 15 มิ.ย. บิ๊กแมตช์ กลุ่ม ดี ระหว่าง“สิงโตคำราม” อังกฤษ กับ “มะกะโรนี” อิตาลี เป็นเกมแรกของทั้งสองทีม ที่สนาม เมืองมาเนาส์ ประเทศบราซิล
เกมนี้ รอย ฮอดจ์สัน กุนซืออังกฤษส่ง 5 นักเตะจาก“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ลงเป็นตัวจริง ประกอบด้วยสตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เกล็น จอห์นสัน และ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ประสานงานกับเวย์น รูนีย์ และแดนนี่ เวลเบ๊ก สองกองหน้าจากแมนฯยู
ส่วนอิตาลี เกมนี้ไม่มีจิอันลุยจิ บุฟฟ่อน ผู้รักษาประตูมือ 1 ตัวเก๋า
และกัปตันทีมที่มีอาการบาดเจ็บ เชซาเร่ ปรันเดลลี่ ส่ง ซัลวาตอเร่ ซิริกู ลงเฝ้าเสาแทน ส่วนแดนกลางได้ อันเดรีย ปิร์โล่ จอมทัพตัวเก๋าทำเกม โดยมาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าจากเอซี มิลานเป็นตัวเป้าแดนหน้า
และกัปตันทีมที่มีอาการบาดเจ็บ เชซาเร่ ปรันเดลลี่ ส่ง ซัลวาตอเร่ ซิริกู ลงเฝ้าเสาแทน ส่วนแดนกลางได้ อันเดรีย ปิร์โล่ จอมทัพตัวเก๋าทำเกม โดยมาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าจากเอซี มิลานเป็นตัวเป้าแดนหน้า
สำหรับ 11 นักเตะตัวจริงของทั้งสองทีม อังกฤษ ประกอบด้วยโจ ฮาร์ต, เลห์ตั้น เบนส์, ฟิล จากีลก้า, แกรี่ เคฮิลล์ เกล็น จอห์นสัน แดนกลาง สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แดนหน้า ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ประสานงานกับเวย์น รูนีย์ และแดนนี่ เวลเบ๊ก
อิตาลี ประกอบด้วย ซัลวาตอเร่ ซิริกู, มัตเตโอ ดาร์เมียน, อันเดรีย บาร์ซาญี่, กาเบรียล ปาเล็ตต้า, จิออร์จิโอ คิเอลลินี่, ดานิเอเล่ เดอ รอสซี่, อันโตนิโอ คันเดรว่า, อันเดรีย ปิร์โล่ กัปตันทีม, มาร์โก้ แวร์เร็ตติ, เคลาดิโอ มาร์คิชิโอ และมาริโอ บาโลเตลลี่
การแข่งขันช่วงต้นเกม ทั้งสองทีมยังเน้นครองบอล นาทีที่ 13 อังกฤษมีลุ้นได้ประตู
เมื่อสเตอร์ริดจ์ลากลุยขึ้นทางมาทางฝั่งขวา จนถึงเขตโทษ ก่อนซัด แต่บอลติดกองหลังอิตาลี นาทีที่ 19 อิตาลีมีโอกาสบ้าง คันเดรวาซัดระยะไกล บอลพุ่งเข้ากรอบ โจ ฮาร์ต รับกระฉอก แต่ไม่มีกองหน้าอิตาลีเข้าชาร์จได้ทัน
เมื่อสเตอร์ริดจ์ลากลุยขึ้นทางมาทางฝั่งขวา จนถึงเขตโทษ ก่อนซัด แต่บอลติดกองหลังอิตาลี นาทีที่ 19 อิตาลีมีโอกาสบ้าง คันเดรวาซัดระยะไกล บอลพุ่งเข้ากรอบ โจ ฮาร์ต รับกระฉอก แต่ไม่มีกองหน้าอิตาลีเข้าชาร์จได้ทัน
นาทีที่ 22 บาโลเตลลี่ยิงไกลข้ามคาน จากนั้นอีกนาทีถัดมา อังกฤษมีบุกขึ้นมาบ้าง เวลเบ๊กหลุดขึ้นมาทางขวาง ก่อนจะเปิดเข้ากลางประตูให้ดาเนียล สเตอร์ริดจ์แต่มาร์คิชิโอ้ล้มตัวสไลด์บอลออกหลังไปได้ก่อนที่สเตอร์ริจด์จะโหม่งทัน
กระทั่งนาทีที่ 35 อิตาลีได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะเตะมุมทางด้านขวา รอสซี่เปิดเข้ามากรอบเขตโทษ ปิร์โล่โดดข้ามหลอกดาเนียล สเตอร์ริดจ์ บอลมาถึงมาร์คิชิโอจับบอลหนึ่งจังหวะก่อนจะซัดเต็มข้อบอลพุ่งเข้าตุงตาข่ายอย่างสวยงาม อิตาลีนำ 1-0
จากนั้นนาที 37 อังกฤษก็ตีเสมอได้ จากจังหวะโต้กลับเร็ว สเตอร์ลิ่งได้บอลกลางสนาม
ก่อนจะเปิดยาวให้เวย์น รูนีย์ หลุดขึ้นมาทางด้านซ้าย จากนั้นหัวหอกจากแมนฯยูเปิดเข้ามาหน้าประตู ให้สเตอร์ริดจ์แปด้วยขวาเข้าเสียบตาข่าย อังกฤษตีเสมอ 1-1 เกมสนุก สูสี ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก อิตาลีมีลุ้นได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากบาโลเตลลี่ชิพข้ามหัวโจ ฮาร์ต แต่จากิลก้าโหม่งสกัดข้ามเส้นประตูได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นมีโอกาสยิงอีกครั้ง จากมาร์คิชิโอ แต่โจ ฮาร์ต ปัดไว้ได้ จบครึ่งแรก เสมอ 1-1
ก่อนจะเปิดยาวให้เวย์น รูนีย์ หลุดขึ้นมาทางด้านซ้าย จากนั้นหัวหอกจากแมนฯยูเปิดเข้ามาหน้าประตู ให้สเตอร์ริดจ์แปด้วยขวาเข้าเสียบตาข่าย อังกฤษตีเสมอ 1-1 เกมสนุก สูสี ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก อิตาลีมีลุ้นได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากบาโลเตลลี่ชิพข้ามหัวโจ ฮาร์ต แต่จากิลก้าโหม่งสกัดข้ามเส้นประตูได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นมีโอกาสยิงอีกครั้ง จากมาร์คิชิโอ แต่โจ ฮาร์ต ปัดไว้ได้ จบครึ่งแรก เสมอ 1-1
เริ่มครึ่งหลัง อิตาลีทำได้ดีกว่า นาทีที่ 50 นักเตะมะกะโรนีได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่คันเดรว่าพาบอลขึ้นมาทางขวา แล้วเปิดไปที่เสาสอง บาโลเตลลี่หนีตัวประกบก่อนจะขึ้นโขกเบียดเสาเข้าประตู อิตาลีนำ 2-1
สองทีมเน้นการต่อบอลผลัดกันรุก นาทีที่ 53 รูนีย์ลองส่องไกลระยะ 30 หลา บอลเฉี่ยวเสาออกหลัง
นาทีที่ 62 รูนีย์มีโอกาสหลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงในเขตโทษ บอลไม่เข้ากรอบ อีกนาทีต่อมา บาร์กลีย์ลากเข้ามาถึงกรอบเขตโทษด้านซ้าย โยกหลบเข้าขวา แล้วซัดเต็มเท้า แต่ซิริคูพุ่งปัดไว้ได้ นาที 72 จอห์นสันเติมเกมสูง มีจังหวะยิงไกล 30 หลาบอลเฉี่ยวเสาออกไป
นาที 76 อังกฤษเกือบตีเสมอได้ จากจังหวะฟรีคิกระยะ 25 หลา เบนส์ปั่นโค้งเข้ากรอบ แต่ซิริคูพุ่งปัดไว้ได้
ช่วงท้ายเกม อังกฤษพยายามโหมบุกแต่เจาะแนวรับของอิตาลีไม่ได้ ขณะที่อิตาลีมีลุ้นประตูเพิ่ม จากจังหวะปิร์โล่ยิงฟรีคิกระยะ 25 หลา บอลชนคาน จบเกม อิตาลีชนะ 2-1 เก็บ 3 แต้ม
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
