หงส์หวิดเน่า!บุกยันลีแอจลิ้นห้อย

หงส์หวิดเน่า!บุกยันลีแอจลิ้นห้อย

"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลประเดิมเกมทางการแมทช์แรกของฤดูกาลหวิดเน่าสุดๆหลังรอดพ้นเสียสองประตูที่ โจ่งแจ้งจากลูกชุลมุนที่เหมือนจะข้ามเส้นไปแล้วรวมทั้งจุดโทษที่เรน่าช่วยเซฟเอาไว้ได้ก่อนแบกร่างอันสะบักสะบอม กลับแอนฟิลด์ด้วยสกอร์ 0-0

สตองดาร์ด ลีแอจ 0-0 ลิเวอร์พูล

ประตู :
-


วันนี้ราฟา จัดระบบ 4-1-2-2-1 โดยให้ตอร์เรสยืนหอกเดี่ยวและมีคีนกับเคาท์ยืนขนาบออกข้างในขณะที่ อลอนโซ่ยืนเป็นมิดฟิลด์โฮลดิ้งและข้างหน้ามีเบนายูนกับเปลซีส์ปักหลักทำเกมรุก

เริ่มเกมมา 5 นาทีเป็น"หงส์แดง"ที่เป็นฝ่ายเล่นได้ดีกว่าและร็อบบี้ คีนแทงทะลุช่องให้ตอร์เรสแต่ถูกซารร์ ตัดไว้ได้

อีก 2 นาทีลิแอจน่าขึ้นนำสุดๆเมื่อเฟลไบนี่ยิงจ่อๆแบบไร้ตัวประกบแต่เรน่าตะเกียกตะกายเซฟควักออกมา และจากภาพช้าเหมือนบอลจะข้ามเส้นไปแล้วด้วย "หงส์แดง"มีโชคกับประตูนี้สุดๆ

จากนั้นนาทีที่ 9 อลอนโซ่ปั่นฟรีคิกหน้ากรอบโทษไปถูกแขนกำแพงแต่กรรมการให้เล่นต่อ...ตอนนี้เจ้าถิ่น คะนองนาเล่นได้ดีขึ้นและป่วนจนลิเวอร์พูลต้องวิ่งไล่กันเหนื่อย

และนาที 11 หงส์แดงซวยสุดๆเมื่อลีแอจครอสบอลตรงหน้ากรอบโทษไปติดแขนดอสเซนน่ากรรมการเป่า ให้จุดโทษทั้งๆที่อยู่นอกเขตเห็นๆแต่ความยุติธรรมมีจริงเมื่อเรน่าพุ่งไปดักทางขวาปัดทิ้งอย่างเหลือเชื่อ

เข้าสู่นาทีที่ 16 ลูกเตะมุมของเดฟูร์เข้าหัวคามอสซาโต้ที่โขกหลุดเสาออกไปนิดเดียว ตอนนี้เกมของทีม เยือนดูแย่อย่างเห็นได้ชัดเพราะตอนนี้นักตะป่วนหนักเล่นไม่นิ่งกันแล้ว

อีก 2 นาทีต่อมาอีกอร์ เด คามาร์โก้วิ่งเอาบอลจากวิตเซลก่อนยิงเต็มๆแต่ไปตรงตัวเรน่า ผู้บรรยายบอก ถ้าตอนนี้จะมีใครขึ้นนำก็ต้องเป็นแชมป์จากเบลเยียมที่เล่นได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ลิเวอร์พูลหันมาครองบอลตรงแนวรับขึ้นมาช้าๆโดยตั้งใจจะเล่นงานลีแอจจากจังหวะสวนกลับแต่ตอร์ เรสถูกโดดเดี่ยวในแดนหน้ามากเกินไปทำให้ตอนนี้โอกาสจะง้างเกือกทำประตูแทบไม่มีเลย

ช่วงนาที 25 แฟนบอลเจ้าถิ่นโห่ลิเวอร์พูลที่เอาแต่ส่งบอลไปมาในแดนตัวเองส่วนแข้งลีแอจยืนคุมพื้นที่กัน แน่นแทบไม่มีช่องให้เจาะเลยทำให้จังหวะสุดท้ายต้องสาดยาวขึ้นมาก่อนบอลตายเอง

ทีมเยือนมีตัวพลิ้วน้อยไปทำให้การขึ้นเกมลำบากเพราะฝากบอลไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเบิ้ลคืน

เกมโดยรวมยังเป็นลีแอจที่เล่นดีกว่าโดยมีความน่ากลัวตรงความว่องไวที่น่ากลัวซึ่งผู้บรรยายเอ่ยปากชม อีกครั้งว่าในอีก 1-2 ปีน่าจะพัฒนาไปได้ไกลอย่างแน่นอน

เข้าสู่ช่วงท้ายเกมคีนกับตอร์เรสยังไม่มีส่วนร่วมกับเกมเท่าไหร่เลยส่วนมิดฟิลด์ลิเวอร์พูลที่เต็มไปด้วยตัว รักและปีกไร้ความเร็วอย่างเคาท์ทำให้ลักษณะการเล่นของแต่ละคนคล้ายกันหมด

หมดครึ่งแรกเป็นเจ้าถิ่นที่เล่นได้ดีกว่าและน่าจะขึ้นนำไม่ว่าลูกยิงจ่อๆของเฟลไลนี่ที่น่าจะข้ามเส้นไปแล้ว หรือลูกจุดโทษของดันเต้ ส่วนลิเวอร์พูลถ้าไม่อยากแพ้คต้องเพิ่มสีสันในการขึ้นเกมให้มากกว่านี้อีกเยอะเลย

ครึ่งหลังเกมของทีมเยือนยังเนิ่บๆต่อบอลกันไม่ติดและต้องเน้นเปิดบอลยาวเหมือนเดิม ส่วนเจ้าถิ่นมีเบอร์ 9 เอ็มโบคานี่ที่จี๊ดจ๊าดวูบวาบป่วนจนอาร์เบลัวแทบหัวหมุนเลยทีเดียว

นาที 65 ลิเวอร์พูลน่าจะพังสุดๆเมื่อดันเตะแบ็คซ้ายเปิดบอลพุ่งๆจากริมฝั่งซ้ายบอลตรงเป็นท่อข้ามหัว เซนเตอร์ก่อนที่คามอสซาโต้จะสลัดหนีดอสเซนน่าเหินโขกคนเดียวเต็มๆแค่ 8 หลาบอลหลุดเสาออกไปชนิดที่สมควร ต้องเข้าสุดๆ เรน่าได้แค่ขยับผวาตามมาทีหลังแล้ว

นาที 68 ราฟาเห็นท่าไม่ดีส่งเอาเจอร์ราร์ดมาแทนร็อบบี้ คีนที่แทบไม่มีส่วนร่วมกับทีมแต่เกมของ"หงส์ แดง"ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเพราะวันนี้ต้องยอมรับว่าเจ้าถิ่นวันนี้เล่นเหนือกว่ามาก

ช่วงท้ายเกมลิเวอร์พูลเน้นเคาะบอลไม่รีบเนื่องจากพอใจกับผลเสมอในเกมนี้มากกว่าส่วนลีแอจพยายามวิ่ง ไล่เอาบอลเพื่อขอประตูชัยให้ได้

เกมนี้แมนออฟเดอะแมทช์คงหนีไม่พ้นเดคามาร์โก้ที่เป็นผู้เล่นที่ตัวหนาบังบอลและคล่องสุดๆเรียกว่า เพื่อนฝากบอลให้ตรงปีกซ้ายทีไรแกล้วงออกมาเล่นต่อสร้างเกมรุกให้ทีมได้อย่างน่าทึ่ง

ช่วงทดเจ็บนาทีแรกลิแอจน่าจะได้ประตูชัยอีกครั้งแต่ลูกเปิดยัดเข้าเขตโทษของดัลแมตมาเสาสองเป็นคา มอสซาโต้ที่พุ่งแหย่ขาเผาขนไม่ถึงบอลล้นออกหลังไปหวุดหวิด

ช่วงทดเจ็บนาทีแรกลิแอจน่าจะได้ประตูชัยอีกครั้งแต่ลูกเปิดยัดเข้าเขตโทษของดัลแมตมาเสาสองเป็นคา มอสซาโต้ที่พุ่งแหย่ขาเผาขนไม่ถึงบอลล้นออกหลังไปหวุดหวิด

หมดเวลาการแข่งขันลิเวอร์พูลบุกมายันเสมอลีแอจแบบหืดจับและเป็นรองอย่างชัดเจนทำให้เลกสองใน กลางสัปดาห์หลังเปิดพรีเมียร์ลีกในแอนฟิลด์ก็ยังต้องเหนื่อยหนักเพราะเสียเปรียบในเรื่องอเวยโกล์ที่จะเสียให้ยอด ทีมจากเบลเยียมก่อนไม่ได้เลย

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

สตองดาร์ด ลีแอจ :
อารากอน,ดันเต้,ดัลแมต,เดฟูร์,เอ็มโบคานี่,เดคามาร์โก้,มิคูลิค,คามอสซาโต้,ซาร์, เฟลไลนี่,วิตเซล

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า,อัลบาโร่ อาร์เบลัว,อันเดรีย ดอสเซนน่า,เจมี่ คาร์ราเกอร์,ดาเนี่ยล แอกเกอร์,ชาบี้ อลอนโซ่,เดเมี่ยน เปลสซีส์,ยอสซี่ เบนายูน,เดิร์ก เคาท์(เอล ซาร์ น.83),ร็อบบี้ คีน(เจอร์ราร์ด น.68),เฟอร์นานโด ตอร์เรส

ผู้ตัดสิน : ทอม โอเวรโบ้ (นอร์เวย)
































 


 

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: lentee
 

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์