หงส์บุกเจ๊าเรือโดน 6 เหลืองเจอปรับ

สงครามแย่งอันดับ 4 ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูลจบลงแบบไร้ผู้ชนะหลังเหนียวแน่นหนึบด้วยกันทั้งคู่เสมอกันไปแบบโนสกอร์ 0-0 ส่วนลูกทีมราฟาเอล เบนิเตซเตรียมถูกปรับเงินหลังถูกจดชื่อหน้าสลอนในเกมเดียวถึง 6 ใบแถมถูกสเปอร์สเขี่ยไปอยู่ที่ 6 อีกด้วย


พรีเมียร์ลีก


วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2553


แมนฯซิตี้ 0-0 ลิเวอร์พูล


ประตู : ไม่มี


ราฟาเอล เบนิเตซทำเซอร์ไพรซ์ให้โอกาสไรอัน บาเบิ้ลเป็นตัวจริงหลังลงมาเปลี่ยนเกมช่วยให้ทีมคว้าชัยในเกมยูโรป้า ลีกแถมขวัญกำลังใจกลับมาอีกเพียบเมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรสมีชื่อที่ม้านั่งสำรองอีกด้วย


ด้านเจ้าบ้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ของโรแบร์โต้ มันชินี่ใส่ผู้เล่นตัวรุกลงมาคับคั่งตั้งแต่ไรท์ ฟิลลิปส์,แบร์รี่ไอร์แลนด์,อดัม จอห์นสันและเอ็มมานูเอล อเดบายอร์


ครึ่งแรก


หงส์มีน้ำมีนวล
เกมช่วงแรกเป็นไปอย่างเชื่องช้าเพราะทั้งคู่เล่นระมัดระวังตัวมากและดูเหมือนหงส์แดงตั้งเกมได้ดีกว่าแถมได้เสียวจากลูกฟรีคิกไกลของเจอร์ราร์ดที่วางเข้าเขตโทษบอลกำลังจะเข้าหัวแอกเกอร์ที่เติมขึ้นมาสูงแต่เลสค็อตต์โขกทิ้งออกข้างนิดเดียว


มักซี่ได้ส่อง
เรือใบยังบุกมาไม่ถึงเขตโทษของลิเวอร์พูลเลยและนาที 13 มักซี่รับลูกทุ่มจากอินซัวก่อนยิงทะลุ 2 ตัวบล็อกของเจ้าถิ่นบอลแฉลบนิดนึงก่อนออกหลังได้เตะมุม


บอลสูสีไร้โอกาส
บอลคู่นี้ชวนง่วงเป็นพักๆเพราะแนวรับยังไม่พลาดกันเลยแต่ตอนนี้เรือใบเริ่มเป็นฝ่ายครองบอลได้มากขึ้นส่วนนักเตะทีมเยือนชักมีปัญหาในเรื่องความเข้าใจไม่ว่าจะเป็นการวิ่งชนกันเองของเจอร์ราร์ดกับอินซัวจนกัปตันทีมถอดสีหน้าเบื่อหน่ายหรือบาเบิ้ลจ่ายบอลขวางไปเข้าเท้านักเตะซิตี้ซะงั้น


หัวขิงยิงไกล
นาที 25 จากลูกทีมของคาร์ร่าเป็นเจอร์ราร์ดมารับแล้วลากออกจากมุมอับปีกขวาก่อนส่องด้วยอีซ้ายหน้ากรอบเขตโทษบอลข้ามคานออกไปแบบเศร้าสร้อย


ปัญหาของหงส์อยู่ที่กัปตัน
ตอนนี้ลิเวอร์พูลเจอปัญหาที่แก้ไม่ตกและปัญหาที่แยกเป็นสองประเด็นคือนักเตะในทีมเกรงใจสุดๆเวลาได้บอลต้องมองหาหรือต้องฝากบอลตามคำขอของเจอร์ราร์ดทำให้เกมไม่ไหลลื่นหรือถ่ายไปให้คนอื่นได้เล่นบ้าง


แต่ข้อสองยามที่เจอร์ราร์ดได้บอลและสร้างโอกาสที่น่าจะไปได้สวยและทำชิ่งกับเพื่อนแต่บอลที่ได้กลับมานั้นคือเสียตลอดจนหัวขิงทำหน้าเบื่อหน่ายมองฟ้าหลับตาหลายทีแล้ว


ซาบายิงไกลไม่ตรงกรอบ
นาที 38 เรือใบสวนกลับพอได้ลุ้นบ้างจากจังหวะที่แนวรับโหม่งเคลียร์บอลไปเข้าทางซาบาเลต้าที่เอาลงแล้วยิงด้วยอีซ้ายแต่ไม่ตรงกรอบแล้วบายอร์พยายามสะกิดยิงตามน้ำแต่โดนไม่เต็มออกหลังไปเอง


หงส์เลอะเทอะเกือบโดนลงโทษ
ก่อนหมดเวลา 5 นาทีหงส์แดงกลายเป็นบอลอบต.หลังแนวรับเคาะไปมาแล้วสุดท้ายคืนมาให้เรน่าที่ไม่ยอมเตะทิ้งทั้งๆที่เจออเดบายอร์บีบเข้ามาแต่ยังอุตสาห์แตะให้แอกเกอร์ที่เจอบีบเหมือนกันเลยหวดทิ้งบอลไม่ไปไหนไกลจนบายอร์แทงทะลุให้ไอร์แลนด์ในกรอบโทษแต่แข้งหัวเหม่งดันไม่ยอมลากเข้าไปแต่พลิกกลับย้อนออกมาทำให้จังหวะเสียและสุดท้ายคาร์ราเกอร์มาเคลียร์ทิ้ง


สเคอร์เทลโขกเกือบหาย
นาทีสุดท้ายลิเวอร์พูลมาได้ลุ้นขึ้นนำจากลูกเตะมุมจากเจอร์ราร์ดปั่นเข้ามาสุดสวยที่ระยะ 6 หลาเป็นสเคอร์เทลที่โถมมาจากด้านหลังเดยองที่โหม่งไม่ถึงแล้วแต่อดีตกองหลังเซนิตสะบัดหลุดเสาแค่หลาเดียวเท่านั้น



ครึ่งหลัง


เรือมาดุ
เกมหลังพักครึ่งมานี่รู้สึกจะตื่นเต้นขึ้นเยอะเพราะซิตี้เริ่มโหมบุกลุยตามเสียงเชียร์เล่นเอาแนวรับลิเวอร์พูลเหนื่อยลิ้นห้อยมากขึ้นเรื่อยๆ ขืนเป็นแบบนี้ไม่รอดมีประตูแน่นอนเพราะเกมรุกของทีมเยือนเหมือนจะบุกไม่ขึ้นเอาซะเลย


บายอร์กระหน่ำเกือบนำ
นาที 61 แบร์รี่เปิดบอลต่ำแบบพุ่งๆจากปีกซ้ายแอกเกอร์เคลียร์ไปอัดแฉลบไอร์แลนด์เข้าทางปืนบายอร์ที่ง้างชาร์ตพลังหน้ากรอบแล้วอัดเต็มสตีมครึ่งหลอดบอลพุ่งกำลังจะเสียบเสาแต่เรน่าล้มตัวปัดออกหลังเสียเตะมุมก่อนลุกมาด่าเพื่อนว่าทำไมให้ผู้กองยิงฆาตกรรมกันแบบนี้
 
เจอร์ราร์ดยิงไกลยังเบา

นาที 74 เคาท์เคาะบอลสั้นๆกับบาเบิ้ลก่อนที่ปีกดัทช์จะส่งบอลให้เจอร์ราร์ดง้างจะยิงด้วยขวาแต่ล็อกจนตัวบล็อกกระโดดฟรีแต่ตอนยิงด้วยอีซ้ายบอลพุ่งไม่แรงนักเข้ามือกิฟเว่นสบายๆ


ตอร์เรสมาแว้ว!!
หลังเกมรุกแทบบุกไม่ขึ้นทำให้แนวรับต้องเหนื่อยตลอดแต่นาที 74 ราฟาตัดสินใจส่งเฟร์นานโด ตอร์เรสลงแทนไรอัน บาเบิ้ลเพื่อเอาประตูในช่วง 16 นาทีสุดท้ายให้ได้


บายอร์เกือบหลุดเดี่ยว
นาที 80 ลิเวอร์พูลเกือบงานเข้าหลังบายอร์ฉกบอลจากสเคอร์เทลจังหวะที่กระเด้งเลยลากเข้าเขตโทษแต่จังหวะที่กำลังไปต่อเจอสเตอร์เทลสไลด์แหย่สุดปลายขาเสียเตะมุมนิดเดียว


จังหวะเตะมุมบอลเลยมาเสาสองเป็นกอมปานีเก็บตกแล้วหยอดโด่งมานัวที่หน้าเขตโทษแล้วบายอร์โขกบอลเหินข้ามคานออกไปแบบได้เสียว


มาสช์โชคดีไม่ถูกไล่
ท้ายเกมมาสเคราโน่รอดตัวไม่ถูกใบแดงหลังเจตนาวิ่งมายันใส่ขาแกเรธ แบร์รี่จากด้านหลังแถมกรรมการโบกมือให้เล่นต่อด้วย ฮา


ระทึกช่วงท้าย
ช่วงท้ายมันส์มากเพราะทั้งคู่เปิดแลกกันสนุกสุดๆเรียกว่างานนี้ขึ้นอยู่กับความขยันและความแน่นอนของแนวรับแต่เหมือนเรือใบหงุดหงิดที่ถูกจับฟาว์ลง่ายหลายครั้ง


หมดเวลาเสมอกันแบบโนสกอร์ในเกมที่ตื่นเต้นช่วงท้ายแต่งานนี้ทั้งสเปอร์สและวิลล่ายิ้มแก้มปริเพราะทำให้อันดับ 4 เปิดกว้างสุดๆอีกด้วย


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม


แมนฯซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น 6,พาโบล ซาบาเลต้า 7,แวงซองต์ กอมปานี 7,โจเลออน เลสค็อตต์ 8 *,เวย์น บริดจ์ 7,ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ 5(เบลลามี่ น.68,6.5),สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ 5.5(อิบราฮิม น.76,6),เนเจล เด ยอง 7,แกเรธ แบร์รี่ 6.5,อดัม จอห์นสัน 7.5,เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 6.5


ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 7,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 7,มาร์ติน สเคอร์เทล 7,ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 7,เอมิเลียโน่ อินซัว 7,ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 7.5,ลูคัส เลว่า 6,มักซี่ โรดริเกซ 5(เบนายูน น.63,5 ),สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 6.5,ไรอัน บาเบิ้ล 5.5(ตอร์เรส น.75,5 ),เดิร์ก เคาท์ 6(อาควิลานี่ น.87)
























ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวคุณภาพจาก : lentee.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์