สู้ไม่ไหว! นิลมาร์ซัดชัยบราซิลอัดสิงโต 1-0

 
ทีมชุดสองของทีมชาติอังกฤษเป็นรองบราซิลอย่างชัดเจนโดยปล่อยให้แชมป์โลก 5 สมัยครองเกมกันอย่างเมามันก่อนสุดท้ายได้ประตูชัยจากนิลมาร์ในช่วงต้นครึ่งหลังบดชนะอังกฤษไปได้ 1-0 โดย แซมบ้า ได้จุดโทษในช่วงกลางครึ่งหลังด้วยแต่ฟาเบียโน่ยิงเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

ฟุตบอลนัดกระชับมิตร
วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2552


อังกฤษ 0-1 บราซิล

ประตู : 0-1 นิลมาร์ น.47


ครึ่งแรก

อังกฤษขึ้นเกมกันหวือหวาทีเดียวโดยในช่วง 2 นาทีแรกไรท์ ฟิลลิปส์มีโอกาสหลุดเข้าไปครอสเข้ากลาง บอลเลยมาถึงมิลเนอร์โยนกลับเข้าไป รูนี่ย์ได้บอลแต่หันหลังให้ประตูไม่มีเหลี่ยมยิงจึงจ่ายคืนให้แบร์รี่วิ่งเข้าตะบันแต่ติดบล็อกกองหลังเข้ามือเซซาร์

อังกฤษวูบท้องน้อย
นาทีที่ 22 บราซิลเกือบได้ประตูนำเมื่อกาก้าแทงบอลออกซ้ายให้บาสโต๊สแบ็กจากลียงฉีกเติมขึ้นมาในเขตโทษก่อนเสี่ยงสับบอลเด้งพื้นบอลเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว

เบนท์เกือบดัง
บราซิลเปิดพื้นที่แบ็กอล่างฉ่างให้อังกฤษโยนสบายใจ อีกสองนาทีถัดมาเจมส์ มิลเนอร์ได้บอลทางขวา ก่อนแต่งเข้าซ้ายแล้วบรรจงโยนให้เบนท์ขึ้นโขกพร้อมกับรูนี่ย์แต่บอลเหินข้ามคานออกไป

นาทีต่อมาเอลาโน่ได้ตั้งป้อมซัดไกลแต่ก็เหินข้ามคานออกไป

ช่วงนี้ สิงโตคำราม รับมือกับกาก้าได้อย่างน่าชมเชยโดยมีตัวคอยไล่คอยซ้อนคอยประชิดตลอดเมื่อเพลย์เมกเกอร์จากเรอัล มาดริดได้บอล

ช่วงเวลาบราซิล
แซมบ้ายังสร้างอันตรายได้อย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 29 เมโล่ได้โอกาสตั้งป้อมปั่นด้วยขวานอกกรอบเขตโทษนิดเดียวแต่ตรงตัวฟอสเตอร์ที่คว้าหนึบติดมือ

เกมตกเป็นของบราซิลอย่างชัดเจน นาทีต่อมาฟาเบียโน่จ่ายออกซ้ายให้กาก้าแต่งเข้าในแล้วบรรจงปั่นด้วยขวาแต่ฟอสเตอร์ก็ยังคว้าไว้ได้อีก

หมูได้ยิงไกลแต่ออกไปเยอะ
นาทีที่ 35 อังกฤษถ่ายบอลกันไปมาก่อนที่รูนี่ย์จะได้บอลตรงกราบซ้ายแล้วค่อยล็อกเข้าขวาก่อนปั่นไซร้โค้งลูกถนัดแต่บอลไม่มีความโค้งเหินออกนอกกรอบไปไกลโพ้น

เปาปล่อยเกมไหลเกินไป
เกมนี้ผู้ตัดสินหย่อนยานเกินไปหน่อยคือถ้าไม่ฟาว์ลโจ่งแจ้งจริงๆจะปล่อยเกมส์ไหลไม่เป่า อีกนาทีต่อมารูนี่ย์ได้หลุดเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษชนิดมีช่องยิงได้แล้ว แต่ธิอาโก้ ซิลวาเข้าไปจงใจขวาง ผู้ตัดสินไม่เป่าฟาว์ลบอลเลยไปถึงเบนท์แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิงติดกองหลังออกไป ชนิดที่ หมูพลิ้ว ต้องลุกขึ้นมาโวยกรรมการตามสูตร

และจากเตะมุมต่อมาอังกฤษได้ขึงเกมบุกกดดันอยู่พักหนึ่งก่อนไปจบที่จังหวะยิงตรงมุมเขตโทษของมิลเนอร์จากทางด้านขวาแต่บอลเหินข้ามคานออกไป

ช่วงเวลาที่เหลือเรียกว่าเกมยังคงรัดกุมและทันกันจนปิดการเข้าทำพื้นที่สุดท้ายได้ดีทั้งคู่ ทำให้ไม่มีจังหวะได้ลุ้นกันอีกจบครึ่งแรกยังเสมอกันแบบสูสีแอบน่าเบื่อ 0-0


ครึ่งหลัง

แซมบ้าผงาดนำเร็ว 1-0
เริ่มครึ่งหลังมาแค่นาทีครึ่งบราซิลออกนำด้วยการเข้าทำแบบเวิลด์คลาส เมื่อเอลาโน่ได้บอลตรงกลางสนามก่อนวางบอลอย่างหมดจดเข้าเขตโทษให้นิลมาร์โฉบตัดหลังอัพสันกับเวส บราวน์เข้าพุ่งโหม่งบอลหนีมือฟอสเตอร์ตุงตาข่ายสุดสวย แชมป์โลกห้าสมัยออกนำจนได้

แข้งผีสร้างงานคู่ทำเสียโทษ-ฟาเบียโน่ซัดพลาด
แท็กทีมกันทำงานเข้าสำหรับสองแข้งแมนฯยูไนเต็ดในนาทีที่ 55 เมื่อไมค่อนโยนบอลยาวกะจะให้นิลมาร์ เวส บราวน์พักอกเอาบอลลงแต่ห่างตัวจนนิลมาร์ตัวจี๊ดวิ่งแซงไปขโมยบอลจากด้านหลังและถูกฟอสเตอร์รวบล้มได้จุดโทษตามฟอร์ม แต่งานนี้อังกฤษโชคดีสองชั้นเพราะนอกจากฟอสเตอร์จะโดนแค่ใบเหลืองแล้ว หลุยส์ ฟาเบียโน่เพชฌฆาตตัวสังหารก็ซัดข้ามคานทำเอาแฟนอังกฤษชอบใจกันไป

กระนั้นเกมของอังกฤษก็ยังไม่ดีขึ้นคือยังขึ้นเกมกันไม่ได้เพราะบราซิลเข้าตัดบอลกันเร็วมาก นาทีที่ 58 ลูซิโอเซ็นเตอร์แซมบ้าวิ่งห้อขึ้นหน้ามาถึงกรอบเขตโทษ ก่อนถูกสกัดบอลล้นมาที่ฟาเบียโน่ตอกส้นให้เอลาโน่ได้ยิงแต่เฉี่ยวเสาออกไป

มิลเนอร์ทิ้งโอกาสทอง
ช่วงกลางครึ่งหลังเกมเริ่มเปิดแลกกันสนุก นาทีที่ 69 อังกฤษได้โอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดในครึ่งหลัง เมื่อไรท์ฟิลลิปส์ได้โยนจากกราบขวาบอลผ่านมาถึงมิลเนอร์ที่ตั้งเท้าแปด้วยขวาแต่บอลโด่งข้ามคานไปแบบได้ลุ้น

ลูซิโอซัดอัดเสาดังปัง
บราซิลยังไม่หยุดสะท้านแฟนบอลอังกฤษ นาทีที่ 77 ลูซิโอพื้นที่เปิดโล่งก่อนได้ลากขึ้นมาตั้งป้อมยิงไกลบอลพุ่งเป็นมิสไซล์แต่จูบเสาเต็มใบ

จังหวะถัดมารูนี่ย์ได้โอกาสยิงไกลบ้างแต่บอลพุ่งเรียดและไม่ยากเกินไปสำหรับเซซาร์

ตอนนี้อังกฤษต้องรีบแก้เกมอีกรอบโดยด่วนเพราะเดโฟที่ส่งลงไปยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเพราะจังหวะยิงซักครั้งยังไม่เห็นเลย

ไก่เดินให้ว่อน
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายแข้งสเปอร์สเอ้กอีเอ้กๆกันถึง 4 คนโดยคาเปลโล่ถอดไรท์ ฟิลลิปส์กับแบร์รี่ออกและส่งเคร้าช์กับฮัดเดิลสตันลงมา แท็กทีมกับจีนาสและเดโฟที่อยู่ในสนามก่อนแล้ว

อัลเวสยิงมัน
บราซิลดาหน้ากันซ้อมยิงไกลใส่อังกฤษกันสนุกเท้า นาทีที่ 86 อัลเวสลุยขึ้นมาก่อนตั้งป้อมซัดด้วยขวาแต่ฟอสเตอร์ก็ยังเหนียวอยู่

ช่วงเวลาทีเหลืออังกฤษพยายามโหมโยนไปที่ปีเตอร์ เคร้าช์ตัวสำรองเพื่อกดดันบราซิลแต่ก็ถูกต้านเอาไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง จบเกมแซมบ้าจ้าวแห่งฟุตบอลเอาชนะอังกฤษไปได้ 1-0 ยัดเยียดความปราชัยอีกนัดให้กับฟาบิโอ คาเปลโล่


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อังกฤษ : เบน ฟอสเตอร์ , แม็ทธิว อัพสัน , โจลีออน เลสค็อตต์ , เวย์น บริดจ์ , เวส บราวน์ , เจอร์เมน จีนาส , แกเร็ธ แบร์รี่(ทอม ฮัดเดิลสตัน น.81) , เจมส์ มิลเนอร์(แอชลี่ย์ ยัง น.87) , ฌอน-ไรท์ ฟิลลิปส์(ปีเตอร์ เคร้าช์ น.81) , ดาร์เรน เบนท์(เจอร์เมน เดโฟ น.55) , เวย์น รูนี่ย์

บราซิล : ฮูลิโอ เซซาร์ , ลูซิโอ , ธิอาโก้ ซิลวา , มิเชล บาสโต๊ส , ไมค่อน , จิลแบร์โต้ ซิลวา , ฟิลิเป้ เมโล่ , กาก้า(ชูลิโอ บาปติสต้า น.81) , เอลาโน่(ดาเนี่ยล อัลเวส น.65) , นิลมาร์(คาร์ลอส เอดูอาร์โด้ น.81) , หลุยส์ ฟาเบียโน่(ฮัลค์ น.68)




















 


                                           ขอบคุณข่าวจาก lentee.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์